รีวิว 7days เรารักกันจันทร์-อาทิตย์ แผลมันใหญ่เกินจะมองข้ามไป

รีวิว 7days เรารักกันจันทร์-อาทิตย์ แผลมันใหญ่เกินจะมองข้ามไป

รีวิว 7days เรารักกันจันทร์-อาทิตย์ แผลมันใหญ่เกินจะมองข้ามไป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

ผลงานเขียนบทและกำกับเรื่องที่ 2 ของ ปัญจพงศ์ คงคาน้อย ผู้กำกับที่เคยมีผลงาน “ชัมบาลา”เมื่อปี 2555 ผลิตโดยค่าย เทค ไทยแลนด์ ของ หนึ่ง อัครพล เตชะรัตนะประเสริฐ ลูกชายของเสี่ยเจียง หน้าหนังดูน่าสนใจกับ 3 ดารานำที่อยู่ในระดับแถวหน้าและใช้เรียกคนดูได้ดีทั้ง นิษฐา จิรยั่งยืน , กันต์ กันตถาวร , อนันดา เอเวอร์ริงแฮม และ บอย ตรัย ภูมิรัตน แม้แต่พลอตก็ดูน่าสนใจครับ เมื่อ”แทน”เชฟหนุ่มฝีมือดี อยู่ดี ๆ ก็หายสาบสูญไป ติดต่อไม่ได้หลังมีปากเสียงกับ “มิน” แฟนสาวทำให้เธอต้องออกตามหา  ส่วน “แทน” ฟื้นขึ้นมาในร่างของใครก็ไม่รู้ และจำไม่ได้ว่าตัวเองคือใครชื่ออะไร และในวันต่อมาเขาก็จะฟื้นขึ้นมาในร่างใหม่แต่ความทรงจำก็เริ่มกลับมาว่าเขาคือ “แทน” เขาเริ่มหาทางติดต่อกับมิน แต่ปัญหาคือเขาจะบอกกับมินอย่างไรให้เธอเชื่อกับสิ่งที่เกิดกับเขา

เว้นช่วงไปหลายปีกลับมารอบนี้ดูเหมือนว่า ปื๊ด ปัญจพงศ์ จะมาพร้อมกับไอเดียที่แน่นและหลากหลายที่ปื๊ดบรรจงใส่ทั้งหมดลงมาในเรื่องเดียวกัน ทำให้ 7days เป็นทั้งหนังรักโรแมนติก บนเรื่องราวเหนือธรรมชาติ และมีฉากหลังเป็นหนังทำอาหาร เบนเส้นเรื่องหลักที่วางให้แทนต้องตื่นขึ้นมาในแต่ละวันในร่างคนต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวหรือเคยผ่านเข้ามาใกล้ชิดในโอกาสสำคัญ  แต่ละคนที่แทนสวนร่างก็แตกต่างกันมากในแต่ละวัน ทั้งชายอ้วน ชายแก่ เด็ก และ ผู้หญิง แนวทางของเรื่องเอื้อประโยชน์มากที่จะให้หนังออกมาเป็นคอมมีดี้ แต่ผู้กำกับก็ยังเลือกที่จะให้ 7days เดินหน้าไปในแนวทางโรแมนติก

 

ในแต่ละวันที่หนังเดินหน้าไปก็น่าติดตามว่าแทนจะตื่นขึ้นมาในร่างใคร บทหนังก็เปิดช่องให้แทรกเหตุการณ์สำคัญในอดีตรักของแทนและมินได้อย่างพอเหมาะ ทั้งวันที่แรกพบกัน วันที่รักกันดีได้พูดคุยถึงเรื่องอนาคต จนถึงคืนก่อนหน้าที่แทนจะหายตัวไปเป็นวันที่ทั้งคู่มีปากเสียงกัน ฉากย้อนอดีตทำให้คนดูได้รู้จักความสัมพันธ์ของทั้งคู่มากขึ้น สิ่งสำคัญสุดคือการแสดงของ กันต์ และ มิว ที่เคมีเข้ากันได้ดี ดูไปก็ยิ้มไปกับลีลาการแสดงของทั้งคู่ที่ดูเป็นธรรมชาติโดยเฉพาะมิว ยังคงเสน่ห์ได้เสมอเวลาอยู่บนจอใหญ่

ส่วน อนันดา คงไม่มีอะไรให้พูดถึงมาก น่าจะเรียกว่าอยู่ในฐานะนักแสดงสมทบมากกว่า แต่ก็รักษามาตรฐานตัวเองไว้ได้ นักแสดงสมทบอย่าง สตาร์บัค น่าสงสารกับบท”กล้วย” เพื่อนและผู้จัดการร้านที่ดูล้นจนน่ารำคาญ , ลอเรนโซ เดอ สเตฟาโน นักแสดงต่างชาติหน้าเหมือนกาย เพียร์ซ มาก ถูกยัดเยียดบทให้พูดไทยสำเนียงฝรั่ง แแต่เป็นภาษาไทยสำนวนยาก ๆ จนน่าอึดอัด คือถ้าพูดสำนวนยาก ๆ แบบนี้ได้ น่าจะพูดไทยได้ชัดแบบอาจารย์อดัมแล้วล่ะ , เทวัญ ทรัพย์แสนยากร ในบทลุงเมฆ โผล่มาไม่มากแต่ก็ทำได้ดีสำหรับงานแสดงจริงจังครั้งแรก ถ่ายทอดความเป็นลุงน่ารักใจดีให้รู้สึกได้

 

จุดดีของหนังก็คือบทที่ตัดสลับเหตุการณ์อดีตกับปัจจุบันได้ดี แต่จุดเสียของหนังก็คือบทเช่นกัน และเป็นแผลใหญ่เสียด้วย หลัก ๆ คือช่องโหว่ในบททั้งเล็กและใหญ่ที่มีมากจนถี่เกินไป และชวนให้คิดว่าไม่น่าเพิกเฉยจนปล่อยมาได้มากมายขนาดนี้ ทั้งในเรื่องโทรศัพท์มือถือของแทน ไม่ว่าแทนจะตื่นมาในร่างใคร แต่โทรศัพท์มือถือของแทนจะตามมาด้วยเสมอโดยไม่มีคำอธิบาย

ความสามารถของแทนและความสามารถของเจ้าของร่างที่แทนไปยืมในวันนั้น ๆ ว่าตกลงจะคงความสามารถของร่างไหนกันแน่ แทนไปอยู่ในร่างฝรั่งก็พูดภาษาอังกฤษได้คล่องปรื๋อ ไปอยู่ในร่างนักดนตรีก็เป่าแซกได้ แต่เมื่อไปอยู่ในร่างผู้จัดการร้านที่ไม่มีความสามารถในการทำอาหาร แต่แทนก็ใช้ร่างผู้จัดการทำอาหารได้ และที่สำคัญคือบุคลิกเดิมของแทนที่ควรจะยึดถือไว้กับหนังในแนวสลับร่าง ว่าเมื่อไปอยู่ในร่างใดจำต้องคงบุคลิกตัวตนของแทนไว้ แต่ 7days กลับทิ้งจุดนี้ไปเสียสิ้น กลายเป็นว่า 7 วัน 7 ร่าง ก็ 7 บุคลิกตามเจ้าของร่างเดิม

อย่างที่กล่าว ปื๊ด ปัญจพงศ์ พยายามอย่างมากจะให้หนังออกมาเป็นดราม่าโรแมนติกเรียกน้ำตา ด้วยการปูปริศนาว่าแทนหายไปไหนตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วเก็บงำมาเฉลยใน 15 นาทีสุดท้ายหมายมั่นจะให้บทเฉลยกระชากใจเรียกน้ำตาคนดู แต่หนังก็ทำได้แค่ในระดับซึ้ง ๆ แต่ที่ซึ้งก็หาใช่เพราะบทไม่ แต่ที่รู้สึกซึ้งคือภาพของมิวล้วน ๆ เธอทำได้ดีเสมอกับฉากน้ำตาไหลพรากจนน่าสงสาร แต่กับบทเฉลยที่ว่าแทนหายตัวไปไหน กลับกลายเป็นแผลใหญ่ของหนังที่ไม่มีความสมเหตุสมผลจนเกินไปและไร้คำอธิบาย สร้างคำถามฉงนสงสัยว่าทำไม ๆ ได้มากมาย ช่วงที่ออกจากโรงเสียงคนดูรายรอบก็ล้วนบ่นกับบทเฉลยที่ชวนขัดใจนี้ และนี่คืออีกปัญหาหลักที่ไม่สามารถพาคนดูให้อินไปได้กับฉากไคลแมกซ์ท้ายเรื่อง

โดยรวมแล้ว 7days เป็นหนังดราม่า-โรแมนติก เหนือธรรมชาติ ที่เพียบพร้อมด้วยองค์ประกอบดี ๆ ดารามีชื่อเสียงและมีคุณภาพ ถ่ายภาพสวยทั้งทิวทัศน์และภาพอาหารที่ดูน่ากิน การเล่าเรื่องที่น่าติดตาม แต่รู้สึกเสียดายกับช่องโหว่ของบทเฉลยท้ายเรื่องอย่างที่กล่าว จากไม้เด็ดที่ผู้กำกับคิดว่าจะตีเข้าหัวใจคนดู กลับเป็นไม้เด็ดที่ย้อนกลับมาตีเข้ากับตัวหนังจนเป็นแผลฉกรรจ์เสียมากกว่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook