Blade Runner 2049 ส่อแววเจ๊งตามรอยภาคแรก

Blade Runner 2049 ส่อแววเจ๊งตามรอยภาคแรก

Blade Runner 2049 ส่อแววเจ๊งตามรอยภาคแรก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

จะเรียกว่าเป็นหนังที่ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับหนังภาคแรกอย่าง Blade Runner เมื่อ 35 ปีที่แล้วก็ไม่น่าจะผิดนัก ทั้งที่หนัง Blade Runner 2049 กอบโกยคำวิจารณ์ในแง่บวกอย่างเอกฉันท์จากบรรดานักวิจารณ์ งานโปรดักชั่นการออกแบบที่พูดได้คำเดียวว่าเมื่อถึงช่วงเทศกาลรางวัลจะต้องมีรายชื่อหนังเรื่องนี้ติดโผอย่างแน่นอน ยังไม่รวมไปถึงทีมนักแสดงระดับเอลิสท์ด้วย

 

 

Blade Runner 2049 เปิดตัวด้วยรายได้ค่อนข้างน่าผิดหวังเป็นอย่างมากจากการที่สตูดิโอคาดการณ์ (และคาดหวังไว้) หนังสามารถทำรายได้สุดสัปดาห์แค่เพียง 31.5 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าหนังควรจะเปิดตัวที่รายได้ประมาณ 45 ล้านเหรียญขึ้นไป ในแบบเดียวกับที่หนัง  Mad Max: Fury Road เคยเปิดตัวเอาไว้ (และเป็นหนังในกลุ่มเดียวกัน คือหยิบหนังเก่ามากมาทำใหม่ มีงานโปรดักชั่นที่งดงาม และเป็นหนังที่มีศิลปะทางภาพยนตร์ แต่วางตัวเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์)

 

 

ตัวหนังกำกับโดยผู้กำกับ เดนิส วิลเลเนิฟ ซึ่งเงินทุนในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการลงทุนร่วมกันระหว่าง “อัลคอน เอนเตอร์เทนเมนต์” สตูดิโอโซนี่ พิกเจอร์ และวอร์เนอร์ บราเธอร์ ซึ่งใช้เงินลงทุนไปทั้งสิ้นถึง 150 ล้านเหรียญฯ ซึ่งถ้ารวมเข้ากับงบในการทำประชาสัมพันธ์ การทำการตลาดจะต้องบวกเงินเข้าไปอีกพอประมาณ อย่างไรก็ตามตัวพล็อตของภาพยนตร์ที่ไม่ได้รับการโปรโมทมากนักเพราะตัวหนังเองสุ่มเสี่ยงพอประมาณในการ “สปอยล์” เนื้อหาของหนัง แต่ในขณะเดียวกันในเรื่องก็ยังมีการหักมุมอยู่ตลอดด้วย การที่สตูดิโอพยายามปกปิดเนื้อหาที่แท้จริงของหนังคือตัวการสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ได้รับความสนใจจากคนดูหรือไม่ อันนี้เป็นหนึ่งคำถามที่ชวนขบคิด หรืออาจจะเป็นเพราะว่าหนังเรื่องนี้มีความยาวเกินไปถึง 163 นาที เป็นผลทำให้รอบฉายใน 1 วันในแต่ละโรงภาพยนตร์มีจำนวนรอบที่ลดลง

 

ทุกสาเหตุล้วนเป็นไปได้ทั้งหมด เพราะ Blade Runner ภาคแรกที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์กว่า 30 ปีก่อนที่ปัจจุบันได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังไซไฟคลาสสิค แต่ในช่วงเวลาที่หนังออกฉายหนังก็ไม่ได้รับความนิยม และยังไม่ทำเงินในตอนที่หนังเข้าฉายด้วยซ้ำไป อาจจะเป็นไปได้ว่าสาเหตุที่ Blade Runner 2049 ไม่ได้รับความสนใจจากผู้ชมส่วนใหญ่เป็นเพราะพวกเขาไม่เคยชม Blade Runner มาก่อนและคิดว่าหนังเรื่องนี้ไม่เหมาะกับพวกเขา

 

 

เป็นเรื่องที่น่าเสียดายพอสมควรอยู่เช่นกันสำหรับคนที่เลือกจะมองข้ามหนัง Blade Runner 2049 เพียงเพราะว่าไม่เคยชมภาพยนตร์ภาคแรกมาก่อน จริงอยู่ที่หนังภาคนี้อาจจะสร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนที่เคยดูเวอร์ชั่นภาคแรกมาก่อนเป็นอย่างมาก แต่มันไม่ได้หมายความว่าสำหรับคนที่ไม่เคยดูภาคแรกมาก่อนจะดูหนังภาคนี้ไม่รู้เรื่อง ยิ่งไปกว่านั้นเลิกห่วงไปได้เลย (มีการเปิดเผยเนื้อหานิดหน่อย) เพราะกว่าตัวละครจากภาคที่แล้วอย่างแฮริสัน ฟอร์ดจะปรากฏตัว หนังก็ผ่านไปแล้วประมาณ 100 นาที ดังนั้นเนื้อหาสาระและประเด็นหลักๆจึงเกิดขึ้นกับตัวละครเอกของภาคนี้อย่าง เค ซึ่งรับบทบาทโดยหนุ่มไรอัน กอสลิ่ง ซึ่งมีเรื่องราวเป็นของตัวละครนี้เองด้วย

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรับชม Blade Runner 2049 ซึ่งกระบวนการสร้างนั้นถูกออกแบบมาให้รับชมบนจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ และเรียกร้องประสบการณ์ร่วมในการชมหนังเรื่องนี้ในโรงหนัง ด้วยการออกแบบโปรดักชั่น ฉาก วิธีการถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งในทุกฉากออกแบบมาให้เหมือนกับการที่ผู้ชมกำลังนั่งดูภาพวาดตามแกลลอรี่ การออกแบบเสียงและดนตรีประกอบ ซึ่งจะได้รับอรรถรสสูงสุดก็ต่อเมื่อรับชมหนังในจอใหญ่

 

 

อย่างไรก็ตามบรรดาผู้ชมที่ออกไปพิสูจน์ Blade Runner 2049 แล้วอาจจะสนุกไปกับหนัง อีกด้วยคำวิจารณ์ทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชมเองส่งผลให้หนังกอบโกยเรตติ้งอยู่ที่ราวๆ A- อาจจะเป็นตัวช่วยที่เรียกคนดูบางกลุ่มตามออกมาดูในสัปดาห์ถัดมาซึ่งน่าจะส่งผลให้หนังทำรายได้ได้อีกประมาณหนึ่ง แต่กลายเป็นว่าในตลาดนอกอเมริกาหนังสามารถทำรายได้อยู่ที่ 50 ล้านเหรียญฯ ส่งผลให้รายรับรวมตอนนี้ของหนังอยู่ที่ 81 ล้านเหรียญฯ ซึ่ฃตอนนี้หนังยังไม่ได้เข้าฉายในประเทศจีน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่มากรองจากอเมริกา ซึ่งสตูดิโอก็คาดหวังว่าหนังจะสามารถทำเงินในตลาดแดนมังกรเพื่อกอบกู้ต้นทุนมหาศาลคืนกลับมา อย่างไรก็ตามตัวหนังมีโอกาสที่จะทำเงินถึง 400 ล้านเหรียญในตลาดโลกได้หรือไม่ บางทีกระแส “ปากต่อปาก” น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่น่าจะช่วยทำให้คนอยากดูหนังเรื่องนี้มากขึ้น

 

 

ถึงแม้ว่าการคาดหวังว่าตลาดหนังในประเทศจีนอาจจะช่วยกอบกู้รายได้หนัง แต่ก็ไม่เสมอไปสำหรับหนังในกลุ่มไซไฟ ที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกเรื่องในตลาดแดนมังกร เพราะ Interstellar สามารถทำเงินในจีนสูงถึง 122 ล้านเหรียญ แต่สำหรับ Arrival กลับทำเงินได้แค่เพียง 15 ล้านเหรียญเท่านั้น แถมบางเรื่องก็กลับประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายอย่าง The Martian 94.9 ล้านเหรียญ Pacific Rim 111.9 ล้านเหรียญ แต่หนังไซไฟ แฟนตาซีอย่าง Star Wars หรือ Star Trek ก็ไม่ได้รับความนิยมมากนัก ดังนั้นตลาดหนังไซไฟกับประเทศจีนนั้นเป็นอะไรที่คาดเดาผลลัพธ์ยากพอสมควร

 

 

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ Blade Runner 2049 ส่อแววเจ๊งตามรอยภาคแรก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook