ท้าดวล 11 เรื่องที่แฟนพันธุ์แท้ คริสโตเฟอร์ โนแลน เท่านั้นถึงจะรู้

ท้าดวล 11 เรื่องที่แฟนพันธุ์แท้ คริสโตเฟอร์ โนแลน เท่านั้นถึงจะรู้

ท้าดวล 11 เรื่องที่แฟนพันธุ์แท้ คริสโตเฟอร์ โนแลน เท่านั้นถึงจะรู้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

เชื่อว่าหลายคนบอกว่าตัวเองเป็นแฟนผลงาน หรือยกเอาเขาเป็นดิไอดอลของตัวเองแน่ ๆ บางคนถึงกับอุทิศตนเป็นสาวกขนานแท้ Nolanists ด้วยซ้ำ แต่จริง ๆ คุณรู้จัก คริสโตเฟอร์ โนแลน ดีแค่ไหนล่ะ ลองให้คะแนนแฟนพันธุ์แท้ของคุณเองด้วยเรื่องราวเฟ้นเฉพาะคนรู้ใจรู้ตับไตโนแลนทั้ง 11 ข้อนี้กัน ว่าคุณจะเคยรู้มาก่อนหรือไม่ เอ้า! รอช้าอะไรไปดูกันเลยสิแฟนพันธุ์แท้เทพโนแลน

1. เขาตาบอดสี

เอาเรื่องที่แฟนพันธุ์แท้คงบอกว่าเฉย ๆ นะ แต่คนทั่วไปคงอุทาน WTF ออกมา เพราะผู้กำกับหนังขั้นเทพที่ได้รับการกล่าวขวัญว่าทำหนังได้มีสไตล์และศิลปะมากที่สุดคนหนึ่งของโลก จริงแล้วเขาตาบอดสี!!! โดยโนแลนนั้นตาบอดสีเขียว-แดง ซึ่งเป็นชนิดของตาบอดสีที่พบมากที่สุด ทำให้เขามองเห็นภาพส่วนใหญ่เป็นสีอมฟ้าครับ มีเรื่องเล่าจาก ไบรอัน บาร์นส์ ผู้กำกับที่จ้างโนแลนมาฝึกงานแผนกกล้องหลังจากเพิ่งจบและยังหางานทำอยู่ โนแลนแยกไม่ออกว่าแบตกล้องที่ชาร์จนั้นเต็มหรือยัง เพราะมันแจ้งสถานะไฟเต็มโดยเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว ทำให้ตอนหลังเขาเลยโดนสั่งให้ไปทำอย่างอื่นแทนหลังจากทำเอาแบตทั้งกองชาร์จไม่เต็มสักอัน (อันนี้อาจเป็นโจ๊กผสมด้วยนะครับ 555)

ภาพหาชมยาก ไบรอัน และ โนแลน ยืนทางซ้ายของภาพ ถ่ายไว้ในช่วงเริ่มการทำงานกองถ่ายในต้นทศวรรษที่ 1990

โจ๊กเกอร์ที่โนแลนมองเห็น

2. เขาเรียนจบด้านวรรณกรรมอังกฤษจากลอนดอน และไม่เคยเรียนหนังเลยให้ตายสิ

แม้เขาจะสนใจทำหนังจากหุ่นการ์ตูนของเขาตั้งแต่อายุ 7 ขวบด้วยกล้องฟิล์ม 8 มม.ของพ่อ และเริ่มทำหนังสต็อปโมชั่นเลียนแบบ Star Wars ในชื่อ Space Wars  ตอนอายุ 8 ขวบ ก่อนจะตั้งปณิธานจะเป็นคนทำหนังตั้งแต่อายุ 11 ปี แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยที่ UCL เขาดันเลือกเรียนวรรณกรรมอังกฤษเสียนี่สิ แต่จริง ๆ ที่เขาเลือกเรียนที่นี่เพราะมีกลุ่มทำหนังที่เข้มแข็งมาก และเขาก็มาเป็นหัวหน้ากลุ่มทำหนังของมหาวิทยาลัยจนได้ ที่นี่เขาได้พบกับ เอ็มม่า โธมัส  ว่าที่ภรรยาของเขาด้วย เขาได้ทำหนังสั้นถ่ายฟิล์ม 2 เรื่อง

คือ Tarantella (1989) และ Larceny (1995) และพอจบก็เข้าฝึกงานตามกองถ่าย จนได้ทำหนังสั้นเรื่อง Doodlebug (1997) ซึ่งเป็นเรื่องแรกที่เอ็มม่ามาช่วยโปรดิวซ์ก่อนจะกลายเป็นคู่ชีวิตและโปรดิวเซอร์คู่บุญให้หนังแทบทุกเรื่องของโนแลนจนปัจจุบันด้วย ซึ่งแฟนพันธุ์แท้จะรู้ว่าหนังที่เอ็มม่าไม่ได้โปรดิวซ์ให้สามีมีเพียงหนังสั้น 2 เรื่องสมัยเรียน และ Quay หนังสารคดีสั้นปี 2015 เท่านั้น

ภาพหาชมยากสมัยโนแลนเรียนไฮสคูล ที่ Haileybury

 

3. หนึ่งในบทหนังที่ดีที่สุดที่เขาเคยเขียน ไม่ได้รับการสร้าง

โนแลนนับเป็นคนเขียนบทที่เก่งระดับต้น ๆ ของฮอลลีวู้ด แต่รู้ไหมว่ามีบทบางเรื่องเหมือนกันที่แกก็ไม่ได้เอามาทำหนัง เพราะจริง ๆ แล้วก่อนที่จะไปกำกับหนัง Batman Begins (2005) นั้น โนแลนมีโปรเจ็กต์ที่สนใจอยู่หลายตัว หนึ่งในนั้นคือการนำชีวประวัติของมหาเศรษฐีนามว่าโฮเวิร์ด ฮิวส์  มาทำเป็นหนัง โดยวางตัว จิม แคร์รี่ มาแสดงนำ ซึ่งบทที่โนแลนเขียนนั้น เขากล่าวถึงมันว่า คือ หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาเคยเขียน เลยทีเดียว แต่ทว่าอย่างที่เราทราบครับว่า ปี 2004 มาร์ติน สกอร์เซซี่ ได้ทำหนังจากชีวิตของฮิวส์ออกมาเสียก่อน ก็คือเรื่อง The Aviator ที่มี ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ แสดงนำนั่นล่ะครับ ป๋าโนแลนเลยต้องล้มโปรเจ็กต์ไปอย่างเจ็บใจสุด ๆ

ฮิวส์ตัวจริง เทียบกับฉบับหนังของสกอร์เซซี่

4. เขาคือแฟนพันธุ์แท้วงร็อกอังกฤษอย่าง เรดิโอเฮด

เพราะโตมาในอังกฤษบ้านของคุณพ่อ โนแลนเลยคุ้นกับวัฒนธรรมทางฝั่งอังกฤษค่อนข้างมา รวมไปถึงรสนิยมทางดนตรีด้วย เขาชอบผลงานของ เรดิโอเฮด มาก จริง ๆ เขาอยากนำเพลง Paranoid Android มาใช้ในเครดิตจบของหนังเรื่อง Memento (2000) มาก ๆ แต่สู้ค่าลิขสิทธิ์เพลงดังไม่ไหว แต่ก็ยังมีเพลงอย่าง Treefingers มาเป็นซาวด์แทร็กในหนังอยู่ดีล่ะนะ แล้วโนแลนน่าจะมาสมใจจริง ๆ ตอนทำหนังเรื่อง The Prestige (2006) เพราะป๋าได้เชิญเพลง Analyse ของ ธอม ยอร์ก นักร้องนักแต่งเพลงของวงเรดิโอเฮดมาใช้ในเครดิตจบสำเร็จครับ และไม่ใช่แค่โนแลนคนพี่เท่านั้นนะ โจนาธาน โนแลน คนน้องชายเองก็รักเรดิโอเฮดมาก เขาใช้เพลง No Surprises มาบรรเลงอยู่ในร้านเหล้าของซีรีส์ดังของเขาอย่าง West World ในตอนที่ 2 ด้วยครับ

วง Radiohead คนตรงกลางคือ Thom Yorke นักร้องนำ

 

5. เขาปฏิเสธที่จะใช้ Second Unit ในการถ่ายทำหนัง

ในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งโนแลนได้บอกว่าเขาชอบที่จะถ่ายหนังด้วยกล้องตัวเดียว ด้วยกองถ่ายเพียงกองเดียว เพื่อจะได้คุมภาพที่ออกมาด้วยตนเองทั้งหมด เพราะถ้าเขาใช้กองย่อยช่วยถ่ายในช็อตรองเพื่อให้หนังลดต้นทุนและประหยัดเวลาอย่างที่กองหนังทั่วไปทำ มันทำให้เขาหงุดหงิดใจในหน้าที่ผู้กำกับของเขาที่ไม่ได้ทำหนังทั้งเรื่องออกมาเองกับมือ

จริง ๆ นอกจากเรื่องนี้โนแลนก็เป็นพวกอนุรักษ์นิยมในการถ่ายหนังแบบสุด ๆ ในเรื่องอื่นด้วย ทั้งการต่อต้านระบบกล้องดิจิตอล ความต้องการใช้ฟิล์มฟอร์แมต 70 มม. แบบหนังใหญ่ยุคเก่าที่ให้พื้นที่และรายละเอียดภาพสูงที่สุด ซึ่งลากยาวไปถึงการแปลงเป็นภาพที่พี่แกไม่สแกนฟิล์มเป็นดิจิตอลแต่ใช้การล้างฟิล์มด้วยสารเคมีแบบดั้งเดิมด้วย นอกจากนี้ยังมีการพึ่งพาซีจีหรือคอมพิวเตอร์น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้อีก ใครเคยดูเบื้องหลัง Inception (2010) ที่โนแลนทำฉากโถงทางเดินทั้งห้องหมุนจริง ๆ มาแล้วคงเข้าใจนะครับ อ่อ แฟนพันธุ์แท้ย่อมต้องรู้อีกล่ะว่าป๋าแกไม่ชอบใช้โทรศัพท์มือถือตลอดจนอีเมลด้วย อนุรักษ์นิยมสุด ๆ ไปเลย

ขอดูเองทุกฉาก

อยากได้เดินบนกำแพงเหรอ หมุนฉากเอาสิครับ จะทำซีจีไปเพื่ออะไร

ไหนสอนผมใช้มือถือคุณถ่ายเซลฟี่หน่อย

6. เขาชอบเอาชื่อลูกตัวเองมาใช้ตั้งชื่อหนัง

โนแลนค่อนข้างรักษาความลับเรื่องชีวิตส่วนตัวพอสมควร แต่เราก็ทราบครับว่าโนแลนมีลูกชาย 3 คนและลูกสาว 1 คน คือ รอรี่, โอลิเวอร์, แม็กนัส และ ฟลอร่า ซึ่งในการถ่ายทำหนังแต่ละเรื่อง ก็มักจะมีการตั้งชื่อปลอม ๆ ใช้แทนชื่อหนังจริงเพื่อป้องกันโปรเจ็กต์รั่วไหลไป ป๋าของเราก็เลยมักใช้ชื่อลูกนี่ล่ะมาตั้งชื่อปลอม ๆ ให้หนังเสียเลย ทั้ง Rory’s First Kiss ที่ต่อมาก็คือ The Dark Knight (2008), Oliver’s Arrow ที่กลายมาเป็น Inception (2010), Magnus Rex สำหรับเรื่อง The Dark Knight Rises (2012) และสุดท้ายกับ Flora’s Letter ที่จริง ๆ แล้วคือหนัง Interstellar (2014) ซึ่งพอมาคิดดูดี ๆ ชื่อปลอมพวกนี้ก็สื่อถึงตัวหนังจริง ๆ อย่างแยบยลอยู่เหมือนกันนะ คือเทพก็ยังเป็นเทพวันยังค่ำล่ะนะ

ภาพหาชมยาก โนแลนที่อยู่ครบทั้งครอบครัว

7. เขาคือผู้กำกับ 1 ใน 2 คนบนโลกที่มีหนังรายได้เกิน 1 พันล้านเหรียญถึง 2 เรื่อง

บอกก่อนเลยว่าผู้กำกับคนแรกนั่นก็คือ เจมส์ คาเมรอน ครับ โดยเขามีหนังที่รายได้ทะลุพันล้านเหรียญจากการฉายทั่วโลก 2 เรื่องคือ Titanic(1997) และ Avatar (2009) นั่นเอง เดาไม่ยากสินะ ส่วนเทพโนแลนของเรานั้นมีหนังในระดับเดียวกันนี้ 2 เรื่องเช่นกันคือ The Dark Knight (2008) และ The Dark Knight Rises (2012) นั่นเองงงง แต่ความเหนือของโนแลนก็คือเขาเป็นผู้กำกับเพียงคนเดียวที่มีหนังระดับพันล้านเหรียญถึง 2 เรื่อง และทั้ง 2 เรื่องก็ไม่ได้เข้าฉายในระบบ 3 มิติเลยด้วย

โนแลน กับ คาเมรอน

8. เขาไม่เคยได้รับรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำเลย

ถึงหนังของโนแลนที่ผ่านมาจะได้รับคำชมระดับสุดยอดจากผู้ชมและนักวิจารณ์ และแม้หนังของเขาจะสามารถคว้าออสการ์มาได้ถึง 7 รางวัล ทว่าก็เป็นรางวัลอื่น ๆ เช่นถ่ายภาพ ตัดต่อ เสียง หรือเทคนิคพิเศษ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการกำกับหรือเขียนบทของเขาเลยแม้แต่น้อย นั่นยังรวมถึงฝั่งเวทีลูกโลกทองคำด้วยเช่นกัน ก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจพอสมควรที่ผลงานระดับพระเจ้าทั้งงานเขียนบทและกำกับของเขาจะยังไม่สามารถทำให้เขาได้ออสการ์มาครองเป็นส่วนตัวเลย ก็มาหวังกับหนังใหม่อย่าง Dunkirk นี่ล่ะน่าลุ้นสุดแล้ว

ภาพจากงาน Scientific and Technical Awards ครั้งที่ 86 ซึ่งเป็นรางวัลหนึ่งที่จัดแยกกับงานประกาศหลักของออสการ์ โดยโนแลนได้รับเกียรติให้ขึ้นเปิดการมอบรางวัลสำหรับผู้พัฒนาเทคนิคในวงการภาพยนตร์ ทำให้เขาได้ใกล้สุดแค่มองรางวัลที่คล้าย ๆ ออสการ์เท่านั้นเอง..เศร้าเลยป๋า

9. เขามีพี่ชายที่เป็นอาชญากร

ถ้าพูดถึงพี่น้องโนแลน เราก็มักนึกถึง คริสโตเฟอร์ หรือป๋าโนแลนคนพี่ และ โจนาธาน คนน้องที่มักร่วมเขียนบทสุดเทพอีกคน แต่ทว่าจริง ๆ แล้วทั้งคู่มีพี่ชายคนโตอีกหนึ่งคนครับ นั่นก็คือ แมธธิว โนแลน โดยพี่แมธธิวนี่ก็ไม่ได้ธรรมดาเลยครับ เขาเป็นนักธุรกิจที่เข้าไปพัวพันกับแวดวงการเงินของพวกมีอิทธิพลในคอสตาริกาเข้า โดยในปี 2005 เขาถูกเชื่อว่าจ้างวานพนักงานโรงแรมคนหนึ่งในการช่วยลักพาตัวเรียกค่าไถ่และฆ่าปิดปากนักธุรกิจคนหนึ่ง

ซึ่งต่อมาพนักงานโรงแรมคนนั้นถูกจับได้ และพี่แมธธิวก็หลบหนีการจับกุมไปถึง 4 ปี จนกระทั่งมาถูกเอฟบีไอจับได้ในปี 2009 ในคดีล้มละลาย ซึ่งแม้หลักฐานในคดีจ้างวานฆ่าจะอ่อนจนศาลยกฟ้องไปแต่เขาก็ยังต้องติดคุกจากคดีล้มละลายอยู่ดีครับ แต่พี่แกไม่สิ้นลายง่าย ๆ พี่แกคิดแหกคุกเข้าไปอีกครับ โดยเจ้าหน้าที่ตรวจพบเชือกที่สมบูรณ์แบบที่สุดอย่างไม่เคยเจอมาก่อนยาวถึง 31 ฟุตซึ่งทำจากผ้าคลุมเตียง ตลอดจนใบมีดโกนและคลิปหนีบกระดาษสำหรับการสะเดาะกุญแจมือด้วย แมธธิวเลยโดนอาญาติดคุกเพิ่มไปอีกนั่น ร้ายจริง ๆ มองอีกแง่เขาก็มีความอัจฉริยะไม่แพ้น้อง ๆ เสียดายที่เอามาใช้ในทางที่ผิดล่ะนะ อ่อเกร็ดอีกนิดคือ พี่แมธธิวมีลูกชาย 2 คน แกตั้งชื่อให้ว่า ปีเตอร์ กับ ปาร์กเกอร์ ครับ (ชอบฮีโร่ขนาดนี้ไม่น่าทำตัวแย่เลยน้า)

สามพี่น้องโนแลน แมธธิว คริสโตเฟอร์ และโจนาธาน

แมธธิวภาพจากปี 2005 และตอนถูกจับปี 2009

10. เขามีเครดิตในหนังชิงออสการ์ตั้งแต่ปี 1999 และไม่ใช่หนังของเขาด้วย

แฟนพันธุ์แท้บางคนอาจคิดว่าหนังเรื่อง Memento (2000) คือหนังเรื่องแรกที่มีชื่อเขาในเครดิตหนังและเข้าชิงรางวัลออสการ์ แต่แท้จริงแล้วเขาเคยมีเครดิตในหนังสารคดีเข้าชิงออสการ์เรื่อง Genghis Blues (1999) ของเพื่อนซี้อย่าง โรโค เบลิก มาก่อนแล้วครับ โดยโนแลนได้เครดิตในส่วนของผู้ช่วยตัดต่อในเรื่องนี้ด้วย หนังชนะรางวัลขวัญใจผู้เข้าชมในเทศกาลหนังซันแดนซ์ประเภทหนังสารคดี ก่อนจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ในเวลาต่อมาครับ แต่ก็น่าเสียดายที่พลาดไป

11. เขาคือผู้กำกับคนที่ 2 ในโลกที่ได้รับข้อเสนอรับเงิน 20% จากรายได้ของหนัง

จริง ๆ ข้อเสนอแบบนี้สตูดิโอมักจะมอบให้กับดาราระดับซูเปอร์สตาร์ อย่าง ทอม ครุยส์ หรือทอม แฮงก์ นั่นล่ะครับ เพื่อเป็นการจูงใจให้มาเล่นหนัง เพราะดาราแม่เหล็กระดับนี้สามารถรับประกันรายได้ของหนังในระดับหนึ่งได้เลยล่ะ แต่กระนั้นผู้กำกับคนแรกที่ได้รับข้อเสนอเงินค่าตัว 20 ล้าน พร้อมกับได้รับเงินแถมจาก 20% ของยอดรายได้ที่หนังทำได้ทั้งหมดด้วยนั่นก็คือ ปีเตอร์ แจ็กสัน ในตอนที่กำกับหนังอย่าง King Kong (2005) ด้วยบารมีชื่อแกที่ขายได้ทั่วโลกจากผลงานล่าสุดตอนนั้นอย่างไตรภาค The Lord of the Rings นั่นเอง

ซึ่งบารมีของป๋าโนแลนในตอนนี้ก็มีค่าในระดับที่สตูดิโอจะต้องจีบเอาใจมาก ๆ เพื่อให้ป๋าแกมาทำหนังฮิตให้กับทางค่ายหนัง ซึ่งข้อเสนอนี้ได้ถูกเสนอให้กับโนแลนเพื่อกำกับหนังเรื่องล่าสุด Dunkirk ที่เราจะได้รับชมกันนี่เองครับ คิดว่าไม่น่าพลาดป๋าน่าจะฟันรายได้รวมไปร่วมร้อยล้านเหรียญแน่นอน เรียกว่าเรื่องนี้เตรียมลุ้นทั้งเงินลุ้นทั้งกล่องเลยล่ะครับ สาวกตัวจริงก็ห้ามพลาดเลยต้องชาบูกันให้ได้นะครับ

ไม่แน่ใจว่าทั้งคู่เคยเจอตัวเป็นๆกันมั้ย แต่นี่ก็เป็นเวทีที่ทั้งคู่ได้ขึ้นเสวนาร่วมกัน แม้แจ็กสันจะอยู่ในทีวีก็ตาม

ไปๆ พวกเราไปทำเงินถล่มรายได้พันล้านเรื่องที่สามให้ผมกันเถอะ อ่อแวะเอาออสการ์ให้ผมสักหนึ่งถ้วยด้วยนะ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ ท้าดวล 11 เรื่องที่แฟนพันธุ์แท้ คริสโตเฟอร์ โนแลน เท่านั้นถึงจะรู้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook