วิจารณ์หนัง CRIMSON PEAK ตื่นตางานโปรดักชั่น

วิจารณ์หนัง CRIMSON PEAK ตื่นตางานโปรดักชั่น

วิจารณ์หนัง CRIMSON PEAK ตื่นตางานโปรดักชั่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายคนที่ไม่ได้เติบโตมากับผลงานหนังสยองขวัญในอดีตทั้งผลงานวรรณกรรมและภาพยนตร์อาจจะรู้สึกว่า CRIMSON PEAK เป็นผลงานที่อาจจะมีความน่าเบื่อหน่าย ไร้ความน่าตื่นเต้น หรือแม้กระทั่งมองอย่างเลวร้ายที่สุดว่ามันเป็นหนังที่น่าเสียดายเวลาในการรับชม 

แต่ถ้าหากคุณเติบโตหรือเคยผ่านตามากับหนังเก่าที่น่าจะยังพอหาดูชมกันได้อย่าง Rebecca ผลงานของผู้กำกับหนังสยองขวัญในตำนานอย่างอัลเฟรด ฮิชคอก ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่แต่งงานกับชายหนุ่มโดยที่เธอเหมือนโดนตามหลอกหลอนจากภรรยาเก่าที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งองค์ประกอบของภาพยนตร์นั้นมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของตัวละครเอกของเรื่องนั้นเป็น “ผู้หญิง” ตัวคนเดียวในปราสาทหลังโต และเหมือนกับว่าในปราสาทหลังนี้ก็ “แอบซ่อน” ความลับบางอย่างไว้เช่นกัน

สำหรับ CRIMSON PEAK หนังเลือกจะวางเงื่อนไขพิเศษให้กับตัวละครเอกของเรื่องอย่างอีดิธ (มีอา วาซิโควสก้า) มีความสามารถพิเศษติดตัวมานั่นก็คือเธอสามารถมองเห็นวิญญาณได้ แต่เหมือนกับว่าวิญญาณแม่ของเธอนั้นเคยเตือนให้เธอระวังอนาคตที่ยังไม่เดินทางมาถึงว่า “จงระวังคริมสันพีค” เวลาผ่านไปเหมือนทุกอย่างจะถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา การปรากฏตัวของโธมัส ชาร์ป(ทอม ฮิดเดิลตัน) ได้กลายเป็นชายหนุ่มที่ขโมยหัวใจของอีดิธไป เธอตกหลุมรักเขาหมดใจ และการด่วนจากไปของพ่อเธอทำให้อีดิธตัดสินใจแต่งงานกับโธมัสและย้ายจากอเมริกาไปสู่ประเทศอังกฤษเพื่อไปอาศัยอยู่ที่อัลเลอร์เดล ฮอลล์ มันคือคฤหาสน์สไตล์โกธิคที่มีขนาดใหญ่และตั้งอยู่บนเนินเขาอันห่างไกล ความพิเศษของสถานที่แห่งนี้คือมันปลูกสร้างอยู่บนเหมืองใต้ดิน ดินสีเลือดที่ซึมผ่านหิมะ และคราบของภูเขา มันจึงได้ฉายาว่า “ปราสาทสีเลือด”

ณ บ้านหลังนี้โธมัสอาศัยอยู่กับพี่สาวอย่างลูซิลล์ (เจสสิก้า เชสเทน) หญิงสาวที่เหมือนจะมีลับลมคมในและมีท่าทีแปลกๆกับอีดิธตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นอีดิธก็เหมือนโดนวิญญาณในปราสาทหลังนี้คุกคามยามที่เธออยู่คนเดียวจนเธอเริ่มสงสัยว่าสถานที่แห่งนี้แอบซ่อนความลับบางอย่างที่แสนน่ากลัว

อันที่จริงเราอาจจะกล่าวได้ว่าตัวอย่างภาพยนตร์ของ CRIMSON PEAK ก็จัดได้ว่า “หลอกคนดู” ประมาณนึง เพราะผู้ชมทำให้เข้าใจว่ากำลังจะได้ดูหนัง “ผีหลอก” หรือขายความตุ้งแช่ให้คนดูตกใจ แต่กลายเป็นว่าเอาเข้าจริงตัวหนังเองกลายเป็นหนังจิตวิทยาทริลเลอร์ที่มีตัวละครผีสางเป็นตัวประกอบ และยิ่งไปกว่านั้นนอกจากตัวละคร “นำ” ทั้ง 3 ตัวแล้ว ตัวละครอีกตัวที่มีความสลักสำคัญไม่แพ้กันก็คือตัวปราสาทที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้อีดิธได้เดินหน้าไปพบกับความจริงที่น่ากลัว 

ความโดดเด่นของ CRIMSON PEAK ที่อาจจะกล่าวได้ว่ามันสามารถ ฉีกขนบของหนังระทึกขวัญยุคโบราณได้อย่างชัดเจนคือในหนังในช่วงยุคสมัยปี 1940-1960 ตัวละคร “หญิง” มักจะอยู่ในสภาวะที่ “ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้” ซึ่งแตกต่างจากยุคสมัยหนังไล่เชือดที่ตัวละครหญิง(บริสุทธิ์) มักจะกลายเป็นตัวละครคนสุดท้ายที่รอดชีวิต โดยปราศจากเพศชายที่ยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ซึ่งตัวละครอีดิธฉีกขนบความโบราณของสไตล์หนังกลายมาเป็นผู้เหลือรอดดังที่หนังเปิดเรื่องมาตั้งแต่วินาทีแรกที่เราได้เห็นเธอบนจอหนังว่าคราบเลือดบนหน้าของเธอนั้น อีดิธได้ผ่านอะไรที่เลวร้ายมา ก่อนที่เธอจะพาคนดูกลับไปยังที่จุดเริ่มต้นของหนัง 

CRIMSON PEAK เป็นงานคาราวะผลงานสยองขวัญยุคเก่า ที่ผู้กำกับอย่างกิลเยโม่ เดลโตโร่ทำหนังได้อย่างเข้าอกเข้าใจของสไตล์ หยิบจับความชื่นชอบในงานศิลปะแบบโกธิคเอามาผสมผสานสอดกลืนกับเรื่องราวได้อย่างลงตัว และที่สำคัญคือมันเป็นหนังที่มีเสน่ห์ในตัวเองสูงมาก

@พริตตี้ปลาสลิด 

4 คะแนนจาก 5 คะแนน 

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง CRIMSON PEAK ตื่นตางานโปรดักชั่น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook