วิจารณ์หนัง R.I.P.D.

ผู้กำกับ โรเบิร์ต ชาเวนท์เก้ ที่สร้างชื่อมาจาก Red ภาคแรก เมื่อปี 2010 แต่เขาไม่ได้รับหน้าที่สานงานต่อใน Red 2 (2013) แต่เราก็ได้เห็นผลงานของเขากับ R.I.P.D.

R.I.P.D. หรือก็คือ Rest In Peace Department คือหน่วยงานที่รับหน้าที่ในการตามจับวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิดตามธรรมชาติ นิค วอล์คเกอร์ (ไรอัน เรย์โนลด์ส) ได้ถูกเพื่อนตำรวจทรยศจนทำให้เขาเสียชีวิต แต่ความสามารถของเขาทำให้ได้รับโอกาสในการเข้าหน่วยงาน R.I.P.D. คู่กับ รอย พับซิเฟอร์ (เจฟฟ์ บริดเจส) ที่ไม่ค่อยจะจูนกันติดเท่าไหร่

แค่เพียงงานแรกของนิคการตามล่าวิญญาณธรรมดา กลับพบเบาะแสที่อาจนำไปสู่ความหายนะ ที่ทำให้โลกปั่นป่วนเพราะจะเต็มวิญญาณ! รอยและนิคจึงต้องร่วมมือกันเพื่อยับยั้งเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นให้ได้

หนังให้อารมณ์แบบหนัง MIB ที่เป็นการเข้าคู่กันระหว่าง หน้าใหม่ กับ มือเก๋า ที่ช่วงแรกก็ดูไม่ค่อยถูกชะตากันนัก ก่อนที่จะสถานการณ์ต่างๆ จะหล่อหลอมให้เข้าใจกัน

โดยรวมหนังค่อนข้างจะเป็นสูตรสำเร็จ ของหนังแนวคู่หูซึ่งหากใครชอบเนื้อเรื่องแนวๆ นี้ ก็จะเป็นอะไรที่ถูกใจกันพอสมควร แต่สำหรับใครที่เสพหนังแนวนี้มาเยอะ ก็อาจจะเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายเอาได้ง่ายๆ กับความเป็นสูตรสำเร็จของมัน

อย่างไรก็ตาม การเข้าคู่กันของ เจฟฟ์ บริดเจส และ ไรอัน เรย์โนลด์ส ดูเหมาะสมและไปด้วยกันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ลักษณะตัวละครและมุขต่างๆ ที่ใส่เข้าไป ก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะได้เป็นระยะๆ

หนังมีฉากที่่ให้ตัวละครนิคได้กลับไปดูชีวิตของคนที่รักหลังจากที่ไม่มีตนอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร แม้จะเป็นฉากเล็กๆ แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นฉากที่ค่อนข้างสะเทือนอารมณ์และมีความโรแมนติค มันสะท้อนให้เห็นถึงความยืดติดในชีวิตในภพชาติ ที่ทำให้เข้าใจว่าเหตุใด ในหนังจึงเหล่าวิญญาณวนเวียนอยู่

ส่วนที่เก๋ไก๋และเป็นสิ่งที่เรียกเสียงฮาจากผู้ชมได้กูการพรางตัวของเจ้าหน้าที่ R.I.P.D. ที่แฝงตัวบนโลกในรูปลักษณ์ของคน ที่ในเรื่องใช้ ชาวจีนสูงวัยแทนตัวนิค และหญิงสาวอเมริกันสุดเซ็กซี่แทนตัวของรอย ที่ดูแล้วเป็นอะไรที่ไม่เข้ากันอย่างแรง ซึ่งเปรียบได้กับความสัมพันธ์ของทั้งสองที่ยังไม่ค่อยดีนัก จนตอนท้ายที่ทั้งสองต่างเปิดใจให้กันและยอมรับซึ่งกันและกันในฐานะคู่หูก็ทำให้ มีการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของนิคให้เข้ากับรอยมากขึ้น!

การสร้างโลกวิญญาณและหน่อยงาน R.I.P.D. ทำออกมาได้ในระดับพอใช้ แม้หลายสิ่งหลายอย่างจะไม่สมบูรณ์นัก แต่ก็เพียงพอที่จะพาเรื่องไปข้างหน้าได้แบบไม่มีคำถามในหัวมากนัก!

ฉากแอ็คชั่นถือว่าสอบผ่านในระดับมาตรฐานของแอ็คชั่นคู่หู ถ้าหากไม่ได้มุมกล้องสวยๆ กับฉาก 3 มิติ ที่ช่วยส่งบ้าง ก็อาจจะทำให้กลายเป็นฉากแอ็คชั่นดาดๆ ไปก็ได้ และเมื่อพูดถึงฉากแอ็คชั่น ก็คงจะต้องกล่าวถึง ฉากหยุดยิ่ง ที่ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกจะหยุดแต่คนที่ตายไปแล้วสามารถเคลื่อนไหวได้ ก็ถือว่าเป็นฉากขายฉากหนึ่งที่ทำออกได้น่าตื่นตาตื่นใจ

หากจะให้นิยามกับหนัง R.I.P.D. ก็คือต้องบอกว่านี่คือ หนังคู่หูแนวทางเดียวกับ MIB ที่เปลี่ยนจากการล่าเอเลี่ยนมาเป็นล่าวิญญาณ! ที่ความเป็นหนังแอ็คชั่นคู่หูที่แฝงความทะเล้นและเฮฮา ซึ่งน่าจะโดนใจคนดูหนังชาวไทยเลยทีเดียว หากมองข้ามความสมเหตุสมผลออกไป!

R.I.P.D. ผมให้ 3 / 5 คะแนน

@Chamanz13

รับส่วนลด 100 บาท สำหรับ 2 ที่นั่ง แค่มี WeChat แล้วตาม Official Account "Major Group"