พี่เขยยัน จา พนม มาทำหนังต่อ

พี่เขยจา พนม กล่าวขอบคุณเสี่ยเจียงที่ให้อภัยและพร้อมให้โอกาส จา พนม ทำหนังต่อ ยืนยันหลังฝึกสมาธิพร้อมกลับมาทำหนังเรื่ององค์บาก 2 ต่อแน่เร็วๆ นี้ เหตุเป็นงานที่เจ้าตัวรัก เผย หลังเสร็จสิ้นเตรียมบวชแทนคุณพ่อแม่ ภายหลังจากนายสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ หรือ เสี่ยเจียง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นายพันนา ฤทธิไกร นายปรัชญา ปิ่นแก้ว สองผู้ควบคุมงานสร้างองค์บาก 2 และนายอัคพล เตชะรัตนประเสิรฐ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทสหมงคลฟิล์มฯ ได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่ นายพนม ยีรัมย์ หรือ จา พนม ผู้กำกับหนังเรื่ององค์บาก 2 ได้หายตัวไปอย่างลึกลับร่วม 2 เดือน เนื่องจากเกิดความเครียดจากงานถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว โดยนายสมศักดื์ ระบุว่า ไม่คิดจะฟ้องร้องจาเรื่องการถ่ายทำหนังที่ล่าช้าเพราะเปล่าประโยชน์ อีกทั้งก็รักจา พนม เหมือนลูก โดยหากจาอยากจะทำหนังต่อก็จะเปิดโอกาสให้ทำ และพร้อมให้อภัยเสมอ ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามถึงความเคลื่อนไหวของ จา พนม ผ่านทางพี่เขยของจา (แหล่งข่าวขอสงวนชื่อสกุล) โดยระบุว่า ก่อนอื่นในฐานะตัวแทนของครอบครัวของ จา พนต้องขอขอบคุณที่นายสมศักดิ์ ไม่ถือโทษ และให้โอกาส จา พนม ได้มีโอกาสทำหนังต่อไป ซึ่งภายหลังที่ผู้บริหาร บริษัท สหมงคลฟิล์ม ได้ออกมาแถลงข่าว ทางครอบครัวก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก จา พนม แต่อย่างใด เนื่องจากยังฝึกสมาธิอยู่ ซึ่งระหว่างทำสมาธิจะปิดโทรศัพท์มือถือ อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับ จา พนม ซึ่งเดินทางกลับมาบ้านเกิดที่ จ.สุรินทร์ ช่วงเข้าพรรษา ที่ผ่านมา เขายืนยันว่าจะกลับมาทำหนังต่อแน่นอน เพราะเป็นงานที่รัก แต่ขอเวลาในการฝึกสมาธิก่อน และเคลียร์ปัญหาให้แล้วเสร็จ ขอยืนยันว่า จา พนมจะกลับมาทำหนังต่อแน่นอน ไม่มีวันทิ้งงานที่เขารักแน่นอน แต่ตอนนี้ขอเวลาฝึกสมาธิ เท่าที่รู้เรื่องปัญหาเรื่องการทำหนังก็จะเป็นเรื่องงบประมาณ แต่เขาจะไม่ค่อยเล่าให้ครอบครัวฟัง ซึ่งต้องขอความเห็นใจให้ จา บ้าง เนื่องจากเขาเป็นมือใหม่ เมื่อเกิดปัญหาก็ต้องเกิดความเครียดบ้างเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังจากที่จา พนม หลบไปนั่งสมาธิ คาดว่าในเร็วๆ นี้ เขาจะกลับทำหนังสือที่เหลือประมาณ 20% ให้แล้วเสร็จแน่ พี่เขย จา พนม กล่าว ส่วนกรณีที่ นายสมศักดิ์ ระบุว่า ได้มีบริษัทหนังจากต่างประเทศยกเกซื้อหนังไปฉายนั้น หากชื่นชอบหนังที่ จา พนม สร้างเขาก็ต้องรอได้ ซึ่งก็เป็นธรรมดาของการทำหนังที่ต้องมีอุปสรรคบ้าง อีกทั้ง จา เขาเป็นคนละเอียดอ่อน พิถีพิถันในการทำงานมาก ก็อาจจะมีปัญหาอุปสรรคบ้าง อยากฝากบอกประชาชนผ่านสื่อว่า จา พนม ไม่ได้หายไปไหน และเขาจะกลับมากำกับหนังในฉากที่เหลืออยู่ ซึ่งเป็นฉากสำคัญของเรื่อง และภายหลังจากที่ จา พนม ทำหนังเรื่องนี้แล้วเสร็จ เขาตั้งใจว่าจะกลับมาบวชที่บ้านเกิดเพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ส่วนอนาคตบนเส้นทางบันเทิงก็ขึ้นอยู่กับ จา พนม ว่าจะตัดสินใจอย่างไร พี่เขย จา พนม กล่าว ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก