วิจารณ์หนัง The Elephant King

วิจารณ์หนัง The Elephant King

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
The Elephant King หรือชื่อไทยว่า ''ฤดูแห่งรัก'' ผมเดาเลยว่าหลายคนอาจไม่คุ้นชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้มากนัก แม้แต่คนที่ดูหนังบ่อยเข้าเส้นอย่างผมก็ยังงงเลยว่าทำไมไม่รู้จักหนังเรื่องนี้ ทั้งที่หนังเขาได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากหลายสถาบันทีเดียว ทำให้ผมไม่กล้าเรียกตัวเองว่านักดูหนังพันธุ์แท้อย่างเมื่อก่อนเป็นอันขาด เพราะไม่ได้รู้ไปหมดซะทุกเรื่องจริงๆ ตกใจเหมือนกันตอนเห็นใบฟงใบเฟิร์นเต็มโปสเตอร์หนังไปหมด ถึงกับอุทาน โอ้ !!แม่เจ้า นี่หนังดัง(นอกกระแส)เลยนะเนี่ย และยิ่งแปลกใจเมื่อรู้ว่าหนังเรื่องนี้ถ่ายทำในไทยเกือบทั้งเรื่อง เรื่องราวเกี่ยวกับเจค (Jonno Roberts) หนุ่มอเมริกันหนีปัญหาชีวิตจากบ้านเกิดเมืองนอนมาหลบซ่อนตัวที่ไทย โดยมีเล็ก (Florence Faivre) สาวไทยลูกครึ่งฝรั่งคอยดูแล เจคมีความสุขกับเมืองที่เงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง ร้อนถึงทางบ้านที่กำลังประสบปัญหาการเงินอย่างหนัก แม่เขา ไดอาน่า (ซึ่งรับบทโดย Ellen Burstyn ดาราเจ้าของรางวัลออสการ์จากเรื่อง Alice Doesn’t Live Here Anymore) จึงส่งน้องชายโอลิเวอร์ (Tate Ellington) มาตามตัวกลับบ้าน แต่ไม่ง่ายนักเมื่อโอลิเวอร์ตกหลุมรักเล็กอย่างหัวปักหัวปำ ในขณะที่แดงหนุ่มนักดนตรีรับบทโดย แบงค์ ปวริศร์ มงคลพิสิฐ ก็หลงรักเธออยู่เช่นกัน และในส่วนลึกของเจคเองก็ชอบเล็กอยู่ไม่น้อย เกิดสับสนระหว่างความรักที่มีต่อน้องชายและสาวไทย เขาจึงหาทางออกโดยทำร้ายตัวเองให้แย่ลง ทั้งเที่ยวผู้หญิง ดื่มหนักกระทั่งเสพยา หนังตีแผ่สังคมไทยหลากหลายมุม ไม่ว่าจะมุมของอารมณ์ ที่สร้างความรู้สึกแปลกแยก แตกต่างของคนต่างชาติต่างวัฒนธรรม แม้แต่คนไทยอย่างเราๆยังอาจสัมผัสได้ว่า เมืองนี้ช่างน่าสับสน กลางวันดูเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม ศิลปะ ในเรื่องจะเห็นพระภิกษุสงฆ์ วัดวาอาราม พระพุทธรูป และสิ่งปลูกสร้างที่แสดงความเป็นไทยอยู่ตลอด แต่พอตกกลางคืน เสน่ห์เหล่านั้นกลับถูกบดบังด้วยแสงสียามราตรีเสียหมดสิ้น หรือจะเป็นด้านของความรักที่ก็ทำออกมาได้สวยงาม

ตัวหนังพูดถึงประเด็นของการจากถิ่นฐานบ้านเกิด โดยธรรมชาติคนทุกคนล้วนแปลกแยกในต่างถิ่น แต่ด้วยความจำเป็นจึงต้องจากบ้านมา อย่างฉากที่เล็กอธิบายให้โอลิเวอร์ฟังว่าตึกร้างคือบ้านของช้าง เพราะที่บ้านเกิดของมันไม่มีไม้ซุงให้ลาก ไม่มีงานให้ทำ เจ้าของก็ไม่มีเงินจึงมันพามาหากินในเมือง หรือจะเป็นฉากท้ายเรื่องที่เจคฝันว่าตัวเองอยู่ในตู้กระจกกับสาวบริการ เหมือนเป็นดั่งกระจกเงาที่สะท้อนถึงใจเขาใจเรา เมื่อตัวเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับบรรดาสาวบริการที่ถูกกักขังไม่ต่างจากคุก สาวบริการเหล่านั้นก็คงจากบ้านมาทำงานด้วยความจำเป็นเช่นกัน ดูจากสีหน้าแต่ละคนบ่งบอกถึงความว่างเปล่า เศร้าสร้อย ไร้ชีวิตชีวา

ในเรื่องของการแสดงเหล่าดาราทุกคนล้วนแต่ทำหน้าของตัวเองที่ได้ดี แม้ Ellen Burstyn ดาราระดับออสการ์จะมีบทในเรื่องน้อยนิด แต่ทุกครั้งที่ซีนเธอโผล่มา ก็ฉายแสงความเป็นมือฉมังที่ไม่ทำให้ผิดหวังเลย อีกฉากที่บิลด์อารมณ์ได้หลากหลาย คือ ฉากที่เจคกลับมาจากบ้านเล็ก แล้วทำพฤติกรรมแปลกๆใส่โอลิเวอร์ ให้ความรู้สึกอึดอัด ระแวง ความไม่น่าไว้ใจ แล้วจบด้วยความอุ่นใจ รู้ตัวอีกทีก็เผลอแอบยิ้มไปด้วย เกิดอินตามหนังไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย...อิอิ แม้หนังจะมีเนื้อหาที่ดูหนักอึ้ง แต่เนื้อแท้แล้วกลับอบอวลไปด้วยความรักความห่วงใย ระหว่างแม่ลูก พี่น้อง หรือคู่รักให้เห็นอยู่ตลอดเวลา สมชื่อหนังจริงๆที่ว่า 'ฤดูแห่งรัก' แต่ใจผมกลับช๊อบชอบเพลง 'ฤดูอกหัก' อิอิ เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย

ลักษณะโดยธรรมชาติคนทุกคนย่อมรู้สึกแตกต่าง เมื่ออยู่ในที่ๆไม่ใช่ที่ๆคุ้นเคย และความแตกต่างมากมายที่เข้ากันไม่ได้นี้เอง อาจเป็นบ่อเกิดของความเหงา ซึ่งใน The Elephant King ก็มีอารมณ์เหงาเจือปนอยู่ไม่น้อย หลากหลายอารมณ์จริงๆ เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดีมาก หากใครเบื่อหนังกระแสในปัจจุบันที่หาความสดใหม่แปลกใหม่ค่อนข้างยาก ท้ายนี้ถือโอกาสช่วงตรุษจีนอวยพรให้ทุกคนเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพนะครับ แม้เศรษฐกิจจะย่ำแย่อย่างไร ก็ขอให้เงินทองไม่ติดขัด สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยๆกันทุกคน อวยพรช้าไปนิดนะ...อิอิ

บทวิจารณ์โดย Manasuk

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง The Elephant King

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook