ผู้กำกับ "ชู้" ยอมรับหนัง "โป๊" บอกไมายเซ็กส์ แต่แจก ถุงยาง

มีข่าวฮือฮาตั้งแต่ไปฉายที่เทศกาลหนังเมืองคานส์แล้วว่าภายนตร์เรื่อง ชู้ ของอาร์เอสโป๊ระเบิด มีฉากร่วมรักกันอย่างถึงพริกถึงขิง สมจริงสมจังถึงขั้นแก้ผ้ากันเล่นเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้กระจอกข่าวทั้งหลายก็เลยพร้อมใจกันไปดูหนังรอบสื่อที่จัดฉายเมื่อวานนี้ (7/มิ.ย./47) อย่างคับคั่ง เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นกันจะๆ ว่าโป๊จริงหรือเปล่า แต่ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไปดูก็ต้องอึ้งกันไปแล้วเมื่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ควักถุงยางอนามัยออกมาแจกเป็นของที่ระลึก งานนี้ก็เลยเดากันได้ไม่ยากว่าต้อง เด็ด แน่นอน ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดเพราะหนังเรื่องนี้มีหลายซีนหลายฉากที่หวือหวาจนน่าตกใจว่าผ่านกรรไกรเซ็นเซอร์มาได้อย่างไร? ไม่ว่าจะเป็นฉากที่พระเอกใช้ปากเล้าโลมจนเห็นหน้าอกหน้าใจนางเอกแบบเต็มลูกกะตา หรือว่าฉากที่ร่วมรักกันแบบสะเทือนแผ่นดินชนิดที่ว่าผู้สื่อข่าวทั้งหลายได้แต่อ้าปากค้างในความใจถึงของนักแสดงพร้อมกับคำถามไว้ในใจว่า เวอร์ชั่นนี้มันจะถูกฉายที่เมืองไทยจริง ๆ หรือเปล่า? สอบถามไปยังผู้กำกับหนุ่ม องอาจ สิงห์ลำพอง ก็ได้ความว่า ต่างประเทศชอบหนังเรื่องค้าบอกว่ามันต่างจากหนังที่บ้านเค้ามีอยู่ คือบ้านเค้าจะมีแต่อีโรติก แต่ของเรามันเป็นแบบอีโรติกดราม่าที่มาผสานกันอย่างลงตัว ตอนนี้เค้าซื้อไปแล้ว 12 ประเทศทั้งญี่ปุ่น มาเลเซีย เยอรมัน อินเดีย ฝรั่งเศส ฯลฯ และตอนนี้เรากำลังเจรจาอยู่อีก 7 - 8 ประเทศ ส่วนในประเทศไทยกระแสเป็นยังไงยังไม่รู้ แต่ถ้าถามว่าหนังเรื่องนี้โป๊ไหม ผมบอกได้เลยว่าโป๊ ใครเห็นก็บอกว่าโป๊ แต่มันเป็นโป๊แบบมีศิลปะ เรียกว่าเสมือนโป๊ แต่จริงๆ แล้วคนดูยุคเก่าที่เคยดูเรื่องชู้มาแล้ว เค้าจะรู้ดีว่าอะไรมันเป็นอาร์ตอะไรมันเป็นโป๊ เวอร์ชั่นนี้เป็นเวอร์ชั่นที่ใกล้เคียงกันกับสมัยก่อน มันไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกันมาก ความเป็นอาร์ตความเป็นศิลปะยังมีเหมือนเดิม แต่รูปแบบอาจจะมีเปลี่ยนไปบ้าง แต่อรรถรสไม่เปลี่ยน ค่ายไหนที่ทำหนังอีโรติกรายไหนรายนั้น มักจะมีข่าวออกมาโวยกบว.อยู่เรื่อยๆ ว่าเซ็นเซอร์โอเวอร์ แต่สำหรับชู้อีโรติกของอาร์เอสนั้น กลับไม่ถูกเล่นงานซักเท่าไหร่ เล่นเอาผู้กำกับถึงกับยกยอกองเซ็นเซอร์เป็นการใหญ่ มันก็มีโดนตัดบ้างเหมือนกันนะ แต่ครั้งนี้กองเซ็นเซอร์เค้าให้ในสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะให้ มันทำให้เรารู้สึกว่าเวลานี้กองเซ็นเซอร์ได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว มารถเปิดประตูให้ทางเลือกกับเรามากขึ้น และใช้บรรทัดฐานอีกระดับหนึ่ง อย่างเรื่องของเลิฟซีนเค้าก็เริ่มมองเป็นและเริ่มเข้าใจว่า ภาพยนตร์มันจะต้องมองภาพรวมของหนังก่อนแล้วค่อยมาใช้วิจารณญาณ ผิดกับเมื่อก่อนที่จะมองเป็นคัทๆ พอเกิดอะไรก็ตัดทิ้งเลย แต่สำหรับหนังเรื่องนี้มันไม่ใช่ อย่างฉากเลิฟซีนในตลาดที่ผมคิดว่าไม่น่าจะผ่านมันก็ผ่าน แต่อย่างไรก็ตาม หนังผมไม่ได้ขายเซ็กส์นะ แต่เผอิญว่าเซ็กส์มันเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดเรื่องราว ผมบอกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้ขายดราม่า ขายเซ็กส์จริงหรือเปล่าไม่รู้รู้แต่ว่าพอดูหนังจบเมื่อคืน ไอ้กล่องคอนดอมที่แจกคงได้แตกบ้างล่ะ