บทสัมภาษณ์สองผู้กำกับวยลากไส้

บทสัมภาษณ์สองผู้กำกับวยลากไส้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
บทสัมภาษณ์สองผู้กำกับหนุ่ม ทศพล ศิริวิวัฒน์ และ พีระพันธ์ เหล่ายนตร์ ในหนังสวย สยอง ( แบบ sick sick ) สวยลากไส้ ผมว่า สวยลากไส้เป็นหนังสวยที่มีความสยอง การตายของแต่ละคนจะสยดสยองและน่ากลัว แต่มันจะแฝงไว้ด้วยเบื้องหลังที่มาจากความรัก นี่คือคำนิยามของหนังเรื่องนี้ จุดเริ่มต้นของ สวยลากไส้ ทศพล ผมกับส่นเคยกำกับหนังร่วมกันเรื่อง นายอโศกกับนางสาวเพลินจิต นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ประมาณ 3 ปี ส่วนจุดเริ่มต้นของเรื่อง สวยลากไส้ ก็มาจากเรื่องที่แล้ว ซึ่งตอนที่ถ่ายทำจะมีอยู่ฉากหนึ่งที่เติ้ล ตะวัน จารุจินดา พระเอกของเรื่องหลงเข้าไปในโรงพยาบาลประมาณ 10 นาที ซึ่งช่วงนั้นนางพยาบาลก็จะเคลื่อนตัวไปมาคล้ายผี ปรากฏว่าคุณปรัชญา ปิ่นแก้วชอบฉากนี้มาก เขาอยากให้เราลองไปขยายเพิ่ม ผมกับส่นก็เลยจับฉากนี้มาขยายจนกลายเป็นจุดกำเนิดของภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ พีระพันธ์ คล้ายกับว่าเราต้องการทำอะไรให้แตกต่างจากเรื่องแรกและต้องการทำหนังผี ก็เลยจับตรงนี้มาทำครับซึ่งใช้เวลาในการวางโปรเจกต์ วางพล็อตเรื่องมาประมาณ 3 ปี สะสมกันมาเรื่อยตั้งแต่ข้อมูลและการดีไซน์รูปแบบต่างๆ เนื้อเรื่องโดยย่อของ สวยลากไส้ ทศพล จะเป็นเรื่องของนางพยาบาลในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ถูกฆ่าตายและในวันที่ 7 วิญญาณของเขาก็กลับมาล้างแค้นคนที่เหลืออย่างสยองขวัญและสุดจะคาดเดา ทราบมาว่า สวยลากไส้ มีอะไรที่ไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ พีระพันธ์ คือเรื่องแรก ( นายอโศกกับนางสาวเพลินจิต ) เราจะบวกในเรื่องของการฆ่าตัวตายกับความตลกแต่ในเรื่องนี้เราจะบวกในเรื่องของความสวยกับความสยอง แต่ในความสวยและสยองนั้นก็จะมีอาการจิต -จิต อยู่ในคาแรกเตอร์ของแต่ละคน ส่วนตัวผีก็เป็นการดีไซน์ใหม่ มีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร ทศพล ผมว่า สวยลากไส้ เป็นหนังสวยที่มีความสยอง มันไม่ธรรมดาตั้งแต่ชื่อ สวยลากไส้ แล้ว เราคิดชื่อนี้กันอยู่นานกว่าจะลงตัว คือมีอยู่วันหนึ่งทีมงานเขาก็พูดกันเล่นๆว่า จะชื่ออะไรดี เอ้า ถ้างั้น สวยลากไส้ก็แล้วกัน พูดกันแบบฮาๆแต่ผมกับส่นเกิดสะดุดชื่อนี้ คือตามความหมาย สวยลากไส้ จะหมายถึงผู้หญิงที่มีความสวยมาก มันคือคำโบราณคู่กับหล่อลากดิน และมันก็มีความน่ากลัวอยู่ในตัวเองด้วย เป็นความสวยที่อันตรายน่ากลัวและสยดสยอง นี่คือคำนิยามของสวยลากไส้สำหรับผม อย่างตัวผีก็สวย ผู้หญิงทุกคนก็สวย แสง สี ภาพในหนังทุกอย่างสวยลงตัวหมด ทั้งหมดนี้คือความไม่ธรรมดาสำหรับผม คาแรกเตอร์นักแสดงก็ถือว่าไม่ธรรมดา ทศพล ครับ สวยลากไส้ จะมีนักแสดงทั้งหมด 8 คน โดยตัวเนื้อเรื่องแล้วเกิดขึ้นที่โรงพยาบาล คาแรกเตอร์นักแสดงก็จะเป็นหมอและนางพยาบาล เริ่มจากคนแรกคือหมอต้า ซึ่งรับบทโดย ตั้ม วิชญ จารุจินดา คาแรกเตอร์หมอต้าที่ตั้งไว้ คือต้องเป็นผู้ชายไทย หน้าตาดี ทำงานดี เหมือนเป็นมาตรฐานของผู้ชายไทยในสมัยนี้ ซึ่งตั้มเขาก็มีบุคลิกที่ตรงกับโจทย์ เขาจะเงียบๆขรึมๆ แต่ดูน่าจะเป็นหมอได้ พีระพันธ์ และตอนที่ถ่ายทำเรื่อง นายอโศก ก็ได้เจอกับตั้มบ่อยเพราะเขามาเยี่ยมเติ้ลในกองถ่าย พอเขียนบทเรื่องนี้ คาแรกเตอร์หมอต้าผมคิดถึงตั้มก่อนเป็นคนแรกเลยครับ ทศพล ต่อมาเป็นคาแรกเตอร์ของนางพยาบาลสาว เริ่มที่ตาหวาน บทตาหวานเป็นบทที่เราแคสอยู่นานมาก เนื่องจากโจทย์ที่ว่า ตัวตาหวานต้องเป็นผีนางพยาบาลแต่เรารู้สึกว่าเบื่อแล้วกับการเห็นผีตัวขาวแบบเกาหลีหรือญี่ปุ่น ก็เลยอยากให้ผีตัวดำและในการปรากฏตัวแต่ละครั้งต้องเหมือนนางแบบ คือมีโพสต์ มีท่าทาง ดังนั้นตาหวานต้องเป็นผู้หญิงตาโต ตาสวยเพราะหากว่าทาตัวดำแล้ว สิ่งที่จะเด่นออกมาคือตา ก็ปรากฏว่าได้น้องชลลี่ ชล วจนานนท์ ซึ่งเป็นพิธีกรรายการ club x ทางช่อง 3 ซึ่งเขาตาโตมาก ผิวขาว และหุ่นดีซึ่งจะช่วยในเรื่องของการโพสต์ท่า ตอนที่ชลมาแคสเราก็ให้เขาโพสต์ท่าทาง แสดงสีหน้าและแววตาที่ดูลึกลับ ซึ่งเขาสามารถถ่ายทอดได้อย่างดีทีเดียวครับ พีระพันธ์ บทต่อมาคือนุ๊ก รับบทโดย พลอย ชิดจันทร์ รุจิพรรณ ตอนแรกเราเกร็งกันมากเนื่องจากพลอยเขาเล่นละครทีวีมาก่อน ผมก็กลัวว่าเขาจะติดการแสดงแบบละครแต่ปรากฏว่าพลอยเขาเกิดมาจากหนัง เล่นเรื่อง รับน้องสยองขวัญ เป็นเรื่องแรก เพราะฉะนั้นเขาจะมีพื้นฐานการแสดงที่ดีมาก ส่วนคาแรกเตอร์ของนุ๊กนั้นจะต้องเป็นผู้หญิงที่เหมือนตุ๊กตา ช่างฝัน อยากมีครอบครัว มีสามีที่ดี ซึ่งผมว่ารูปร่างหน้าตาของพลอยตรงกับนุ๊กมาก ผมสีทอง หน้าตาน่ารัก คิกขุ ถือว่าพลอยสามารถตอบโจทย์เราได้ทุกอย่างครับ ผู้หญิงสวยอีกคนคือ ยิ้ม รับบทโดยผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุดแห่งเอเชีย โอซา วัง ( Ase Wang )ยิ้มจะเป็นคนที่สนใจในบุคลิกภาพของตัวเองเป็นที่สุด บ้าความเพอร์เฟกต์ รักผม เราเลยอยากได้ผู้หญิงที่เป็นนางแบบ ช่วงนั้นโอซาดังมาก ด้วยความที่เขาเพิ่งได้รับตำแหน่งของนิตยสาร FHM ซึ่งถือเป็นโชคดีของเราที่ได้เขามาร่วมแสดง โอซาเป็นคนที่มีความสามารถทางด้านการแสดงสูง เขาสามารถแสดงออกทางสีหน้าและแววตาได้ชัดเจนและเป็นผู้หญิงหุ่นดีมาก เล่นโยคะได้ เป็นคนที่รูปร่างเพอร์เฟกต์อยู่แล้ว ตรงกับคาแรกเตอร์ของยิ้มมากเลยครับ ทศพล ต่อมาคือเอ๊ะ เอ๊ะจะเป็นผู้หญิงใฝ่สูง ชอบของแบรนด์เนม บ้ายี่ห้อ ใฝ่ฝันจะเป็นนางแบบ บทเอ๊ะก็ถือว่าแคสนานเหมือนกันเพราะต้องเป็นคนที่มีแววทางด้านการแสดง ซึ่งตาล ( กัญญา รัตนเพชร )ก็เป็นหนึ่งในคนที่มาแคส ผมชอบเขาตั้งแต่เรื่อง รับน้องสยองขวัญ ซึ่งตอนนั้นตาลจะเล่นเป็นเด็กขี้กลัวซึ่งความกลัวของเขาแสดงออกทางแววตา พอได้เจอตัวจริงก็ตรงกับคาแรกเตอร์ที่เราวางไว้คือ ต้องเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี ดูมีฐานะ ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน ขาวเหมือนคนจีนแต่ต้องมีแววร้าย ซึ่งพอได้คุยกับตาลเขาก็เข้าใจบทบาทได้อย่างดีและเป็นเด็กที่มีพัฒนาการสูงมากครับ อีกบทที่ผมชอบมากคือ โจ้ เพราะเป็นบทที่เซ็กซี่ที่สุด ( หัวเราะ ) ผมประทับใจในการแสดงของปุ้ม ( ดลรส เดชะประทุมวัน ) มากและรูปร่างของเขาก็ดูเซ็กซี่ มีอก มีเอวมีสะโพก สิ่งสำคัญคือปาก ปากปุ้มจะมีเอกลักษณ์ ดูเซ็กซี่และแปลก ซึ่งเวลาเขากินอะไรมันดูอร่อยไปหมดซึ่งตรงกับคาแรกเตอร์โจ้ ที่ผมวางไว้คือ เป็นผู้หญิงที่หุ่นดี แต่ชอบทานขนม ทานของหวานแต่ก็ต้องรักษาหุ่นของตัวเองเอาไว้ พีระพันธ์ ปุ้มจะมีอาการทางจิตคือ ชอบทานแต่ทานปุ๊ปต้องล้วงคอปั๊ปและทานได้ทุกเวลาแม้ในขณะแปรงฟันและบทสุดท้ายคือ อรและแอม ซึ่งเป็นฝาแฝด อรแอมจะเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่รักตัวเอง ชอบส่องกระจกแต่เราก็วางไว้ว่าแทนที่เขาจะส่องกระจกเราก็จะให้เขาเห็นอีกคนหนึ่งเลย ซึ่งก็คือฝาแฝด ให้กลายเป็นภาพสะท้อน เขาจะมีโลกส่วนตัวเฉพาะแค่สองคน บ้าถ่ายรูปและชมกันเอง โจทย์ของบทอรแอม หนึ่งคือต้องเป็นฝาแฝดที่หน้าตาดี สองคือสามารถแสดงหนังได้ ซึ่งตอนที่ทั้งคู่มาแคส เขาน่ารักมากทั้งหน้าตาและความสนิทสนมกันซึ่งในเรื่องต้องมีบทที่เขาทั้งคู่ต้องทำอะไรเกินกว่าที่ฝาแฝดธรรมดาเขาทำกัน ซึ่งถือว่าพิสดารมาก ส่วนเรื่องของแอ็คติ้งถือว่าทั้งคู่สอบผ่านครับ การดีไซน์ชุดนางพยาบาลสุดเซ็กซี่ ทศพล คือเราต้องออกตัวก่อนเลยว่า สวยลากไส้ จะมีความเป็นแฟนตาซีผสมอยู่และเราต้องการขายดีไซน์ทั้งตัวผี รูปแบบการตายรวมไปถึงคอสตูม ซึ่งเราต้องการดีไซน์ชุดนางพยาบาลให้ดูต่างจากปรกติและพยายามไม่ให้อิงกับชุดนางพยาบาลของที่อื่น สรุปคือดีไซน์ตามคาแรกเตอร์และอิงกับรูปร่าง สรีระของแต่ละตัวละคร อย่าง บี เอ็ม ที่เขาเล่นเป็นแฝดเราก็อยากให้ดูน่ารักมากกว่าเซ็กซี่ ชุดนางพยาบาลหรือเครื่องประดับก็จะออกแนวญี่ปุ่น ชุดก็จะเป็นเอี๊ยม เป็นกางเกง ส่วนปุ้มที่รับบทเป็นโจ้ ด้วยความที่รูปร่างดีอยู่แล้วเราก็ออกแบบให้ชุดเขามีส่วนเว้า ส่วนโค้ง หรืออย่างโอซา วัง ชุดเขาก็จะคล้ายกับปุ้ม แต่จะมีความเป็นสปอร์ตมากกว่า มีรองเท้าผ้าใบ และครอบหูฟังตลอด เหมือนฟังเพลงณะออกกำลังกาย ส่วนเอ๊ะจะเป็นชุดนางพยาบาลที่หรูหรา มีคัทสูง ปกเสื้อจะใหญ่เลิศกว่าคนอื่น ส่วนนุ๊กก็จะเหมือนตุ๊กตาดูอ่อนหวาน น่ารัก การดีไซน์รูปแบบการตาย พีระพันธ์ คือเราได้ตกลงกันไว้แล้วว่าทุกคนจะต้องตายในสิ่งที่ตนเองชอบ เขาจะถูกวิญญาณตาหวานตามฆ่า อย่างโจ้ที่ชอบทานก็จะตายจากการรับประทาน เอ๊ะซึ่งบ้าวัตถุ บ้าเครื่องประดับก็จะตายด้วยเครื่องประดับ ยิ้มซึ่งเป็นคนรักผมมากก็จะตายโดยผมตัวเอง อรแอม ฝาแฝดก็จะตายโดยกันและกัน ด้วยความที่เขารักและหลงใหลในกันและกัน ทศพล พอเราได้กำหนดว่าเขาจะต้องตายอย่างไร ก็คิดหารูปแบบการตายกันมาเรื่อยๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องแปลกใหม่ ถ้าไม่สวยก็ต้องโหดและสยองไปเลยก็จะได้ทั้งสองแบบคือความสยดสยองแต่ยังมีความสวยงามในทุกๆฉาก เกือบทั้งหมดถือเป็นนักแสดงหน้าใหม่ มีปัญหาหรืออุปสรรคในการแสดงอย่างไรบ้าง ทศพล ไม่มีเลยครับและต้องขอยกเครดิตให้น้องๆนักแสดงทุกคน เรื่องนี้เป็นหนังสวยและสยอง ฉะนั้นมันจะมีฉากโหด ฉากยากอยู่หลายฉาก สรุปแล้วทุกคนเจอฉากยากหมด ยกตัวอย่างเช่น ฝาแฝดบี เอ็ม ซึ่งเขาต้องลงไปนอนแช่ในอ่างน้ำ ซึ่งในหนังอาจจะเห็นแค่ 5 นาที แต่ทั้งคู่ต้องนอนแช่สองวัน ขึ้นมาเนี่ย ตัวแดงเลยครับ เพราะน้ำเราต้องผสมสีลงไปด้วย กลับไปถึงบ้านพ่อเขาก็ถามว่าไปทำอะไรมาลูก ทำไมตัวแดง ( หัวเราะ ) อย่างปุ้มก็มีฉากที่ต้องแปรงฟัน แปรงทั้งวันจนปากเปื่อย เยินไปหมดเพราะเจอยาสีฟันกัด อย่างคนปรกติอาจจะไม่ทราบเพราะเราแปรงวันละสองครั้ง แต่ถ้าวันไหนหากเราแปรงตอนเช้า 3 ครั้งจะรู้สึกแน่นอน ส่วน โอซา เนี่ยโหดมากครับเพราะเขาต้องขึ้นสลิง ต้องจับเขาหมุนพลิกตัวไปมาอยู่อย่างนั้นทั้งวัน และต้องเอาหัวจุ่มลงไปในน้ำ จุ่มขึ้น จุ่มลงทั้งวันซึ่งมันจะทรมานมาก อย่างเวลาเราจุ่มหัวลงไปในน้ำ น้ำจะเข้าจมูกต้องมีวิธีไล่อากาศแต่บังเอิญว่าโอซาเขาเคยเรียนรู้วิธีตรงนี้มาก่อนก็จะสามารถทำได้ ถือว่านักแสดงทั้งหมดทุ่มเทให้กับการแสดงเรื่องนี้มาก ทศพล ใช่ครับ สะบักสะบอมกันทุกคนแต่เขาก็ตั้งใจมาก ซึ่งผมสองคนต้องขอบคุณเขาจริงๆ คือทุกครั้งที่ถ่าย ผมจะรู้สึกว่าทุกคนยอมเจ็บตัว ยอมเจ็บปวดเพราะหนัง เขาอยากให้ผลงานออกมาดี อย่างชลลี่ ที่เล่นเป็นผีตาหวาน วันที่เขามาเทสต์ เขาต้องพ่นตัวดำด้วยแอร์บลัชทั้งตัว รวมทั้งหน้าด้วย พ่นเสร็จเราก็ถ่ายเก็บไปเรื่อยๆ ซักประมาณช่วงบ่ายเขาก็เข้าห้องน้ำ ปรากฏว่ามีเสียงดังตึง ! ผมก็ให้คนเข้าไปดู ปรากฏว่าชลเป็นลมชัก คือผิวหนังเขาไม่ได้ระบายความร้อนเลย ยิ่งมาเจอไฟที่กองถ่ายมันยิ่งอบผิวเข้าไปอีก แต่เขาไม่อยากให้เสียงานเลยไม่บอกใครว่าไม่ไหวแล้ว จนเป็นลมไปเลย พีระพันธ์ รู้สึกว่าชลจะเป็นลมชักทั้งหมดสองครั้งครับ ผมว่าด้วยสปิริตของตัวเขาเองที่อยากให้งานเสร็จทีเดียวเลย เลยไม่อยากบอกใคร และเขาต้องมาถึงกองถ่ายเช้ากว่าคนอื่นเพราะต้องพ่นแอร์บลัชกว่า 2 ชั่วโมง และอยู่อย่างนั้นทั้งวันหรืออย่างตาลซึ่งรับบทเป็นสาวไฮโซ เขาจะต้องมีกระเป๋าติดบนหัว ซึ่งมันจะมืด หายใจไม่ออก เหม็นก็เหม็นเพราะทำจากหนังเทียม ต้องอยู่อย่างนั้นทั้งวันถอดออกไม่ได้ ต้องเดินแบบมืดๆ ก็ถือว่าทรมานมากครับ ทศพล หรืออย่างบทนุ๊กที่รับบทโดยพลอย อาจดูเหมือนไม่มีอะไรเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ต้องวิ่งหนีผี แต่ด้วยความที่เขาต้องโดนทำร้ายมากที่สุด ต้องโดนผีสั่งให้บีบคอตัวเอง ต้องรับแอ็คตัวเอง เพราะผีไม่ต้องลงมือ พีระพันธ์ เปรียบเสมือนหนังแอ็คชั่นแต่พลอยต้องเล่นคนเดียว พอผีสั่ง เขาก็ต้องจับหัวตัวเองทิ่มลงไป โซซัดโซเซ ล้มไปล้มมา ซึ่งพลอยเขาทุ่มเทมาก กลับบ้านไปแบบตัวเขียวทุกวัน สำหรับนักแสดงต้องมีการเรียนแอ็คติ้งด้วย ทศพล ใช่ครับ ก็เรียนกับครูเงาะ แต่จะเน้นในเรื่องของคาแรกเตอร์ ให้เขาทำความเข้าใจกับคาแรกเตอร์ของตัวเองให้มากที่สุด ซึ่งพอเปิดกล้องเขาก็ทำได้ดีทุกคน มีความตั้งใจกันสูงมาก และบวกคำอธิบายจากผู้กำกับทั้งสองด้วยในเรื่องของการแสดง ทศพล ครับ ส่นเขาจะเป็นคนรับผิดชอบอธิบายน้องๆ ให้รู้ว่าฉากนี้มันต้องต่อกับฉากไหน ความกลัว ความรุนแรงมันระดับไหน อย่างน้องบางคนเขาอาจจะติดในเรื่องของการแสดงละครคือในละครมันต้องแสดงให้เยอะ ให้โอเว่อร์กว่าปรกติ เพื่อให้คนดูรู้สึกแต่หนังไม่ต้อง เราแค่แสดงความรู้สึกแล้วคนดูก็จะทราบได้เอง พีระพันธ์ เรื่องนี้จะแตกต่างจากหนังสยองขวัญเรื่องอื่นๆตรงที่ หนีความสยองแล้วต้องไปเจอกับอะไรซักอย่าง อย่างโจ้ ( ปุ้ม ดลรส ) เขากำลังจะแปรงฟัน ผีก็เดินมาข้างหลัง ปุ้มก็ต้องรับแอ็คคือมองผ่านกระจก ตัวกล้องจะแทนกระจก ซึ่งคิวจะต้องเป๊ะๆ เขาต้องใช้ความรู้สึกช่วย พยายามจะไม่ให้เขานับ 123 แต่อยากให้ใช้ความรู้สึกว่าถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์นั้นจริงๆ คุณจะทำยังไง ดีไซน์ตัวผีไว้อย่างไรบ้าง พีระพันธ์ เริ่มจากคอนเซปต์แรกที่วางไว้คือ ไม่อยากเห็นผีตัวขาวแล้ว อยากได้ผีตัวดำ พี่ทศเขาก็ไปหา reference มาจากหนังสือแฟชั่น ทศพล คือผมก็ไปเปิดดูตามหนังสือต่างๆ หาไปเรื่อยๆ ก็บังเอิญไปเจอภาพแฟชั่นภาพหนึ่ง มันมีทั้งความลึกลับและสวยงาม ก็เอามาให้ทีมงานได้ดูกัน ให้เขาเห็นว่า คำว่าดำของผมไม่ได้ตัวดำแบบเลอะๆ แต่จะดำเนียนสวยงาม เสื้อผ้าสวยพร้อมและฝ่ายเสื้อผ้าเขาก็ออกแบบให้เป็นผ้าลูกไม้ กระโปรงก็จะเป็นแฉกๆ เป็นริ้วๆ เวลาเจอแสงไฟ ผ้ามันก็จะเป็นริ้วๆสีทอง ดูสวยแต่ลึกลับมากครับ ส่วนการดีไซน์ท่าทาง ตอนแรกยอมรับครับว่ารู้สึกไม่มั่นใจว่าจะโพสต์ยังไงดี นี่คือสิ่งที่บางครั้งเราต้องไปดูหน้ากอง อย่างเช่น มีอยู่ฉากหนึ่งในห้องเก็บยา เราก็ดีไซน์ให้ผีเขานอนราบไปกับชั้นยา ปรากฏว่ามันดูไม่สวย ชลลี่เขาก็โพสต์อยู่นานมาก จนเหนื่อย ก็เลยกึ่งนั่งกึ่งนอน ชันเข่าขึ้นมา ปรากฏว่ามันได้อารมณ์ ก็เลยกลายเป็นลงตัวไป ซึ่งพอถึงฉากการปรากฏตัวของตาหวาน พวกเราจะตื่นเต้นกันทุกครั้งว่ามันจะเหมาะ จะลงตัวหรือเปล่า พีระพันธ์ หรือมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ชลเขาโพสต์มา 3 4 ท่าแล้ว แต่เราต้องการมากกว่านั้น แต่ก็คิดกันไม่ออก จนทีมงานต้องวิ่งไปหาหนังสือแฟชั่นมาดูกันเป็น reference และดัดแปลงมาเป็นท่าโพสต์ ซึ่งก็ได้ผลครับ สิ่งที่ยากและเป็นอุปสรรคที่สุดในการถ่ายทำ ทศพล อุปสรรคส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของเทคนิคมากกว่า บางวิธีที่เราใช้อาจจะไม่เวิร์ค ก็ต้องหาทางแก้ไขกันหน้างาน ก็ปวดหัวในระดับหนึ่ง หรืออย่างเทคนิคบางอย่างที่พวกเราใช้นักแสดงก็ต้องทุ่มเทมากกว่าปรกติ ต้องเจ็บตัวกว่าเดิม เช่น ฉากที่โจ้ ( ปุ้ม ดลรส ) วิ่งหนีผี เราก็จะล็อคกล้องกับตัวนักแสดง เขาก็จะต้องแบกกล้องวิ่งหนีผีเองด้วย หรือบางฉากเขาต้องเข้าไปอยู่ในถังขยะแล้วกลิ้ง ก็เจ็บตัวอยู่ครับ โลเกชั่นถือเป็นหนึ่งในอุปสรรคในการถ่ายทำ พีระพันธ์ ใช่ครับ เพราะสถานที่ถ่ายทำ เราต้องทำอะไรได้ง่าย คือสามารถเอาเลือดไปราดตรงฉากได้เลย โดยที่เจ้าของที่ไม่ว่า ทางทีมงานก็เลยเสาะหาโลเกชั่นที่ไม่ได้ใช้งานแต่โครงสร้างสวย ก็ไปได้ที่โรงเรียนช่างหนังแถวราชดำเนินและโรงพยาบาลยาสูบ ถือว่าโปรดักชั่นดีไซน์และอาร์ตไดเรกเตอร์วางโครงสร้างได้ดีมาก คือจะมีเรื่องของแสง สีเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนพื้นเราก็จะใช้สีเดียวกันหมด จะเป็นกระเบื้องยางสีขาว ดำ ดังนั้นเราสามารถเอาพื้น เอาไฟ ไปที่ไหนก็ได้ คือออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาโดยเฉพาะครับ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคคือ สวยลากไส้ จะเล่าเรื่องระหว่างเวลา 23.45 ถึง เที่ยงคืนเพราะฉะนั้นหนังจะเป็นช่วงกลางคืน แต่เราไม่ค่อยอยากทำงานกลางคืนเท่าไหร่ ก็เลยถ่ายเป็น Day for night หรือทำกลางวันให้เป็นกลางคืน ซึ่งต้องหาม่านมาปิดให้มันทึบ ไม่เห็นข้างนอก ดังนั้นผมเลยรู้สึกว่าหนังมันทึบไปนิดนึง และรู้สึกว่าอยากให้มันดูแปลกตาเลยใช้แสงสีม่วง หรือสีเหลืองเข้ามาช่วย ซึ่งแสง สีพวกนี้สามารถบอกเอกลักษณ์ของหนังเราได้ชัดขึ้นครับ ยิ่งบวกโลเกชั่นที่เราถ่ายทำมันดูลึกลับ มีมิติ ก็ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและลูกเล่นเข้าไปอีก ทราบมาว่าบางฉากก็ดีไซน์ขึ้นมาโดยฉับพลัน ทศพล ใช่ครับ อย่างเช่นมีอยู่ฉากหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นโบนัส คืนกำไรให้ผู้ชม โดยเฉพาะหนุ่มๆ เป็นฉากในห้องของโจ้ ( ปุ้ม ดลรส ) ตอนแรกไปดูห้องที่เซทไว้ ก็โอเค แต่บังเอิญเหลือบไปเห็นหน้าต่างที่ทีมงานเซทเอาไว้ก็เลยไปดู ไปแอบมอง ปรากฏว่า เกิดไอเดียขึ้นมานอกบท ก็เดินมาบอกปุ้มว่า ขอถ่ายเพิ่มนะ ให้ปุ้มเดินเข้ามาเหมือนอยู่ในห้องส่วนตัว ปุ้มจะทำอะไรก็ได้ แต่คอนเซปต์ของคุณต้องเป็นคนชอบกินและเซ็กซี่ ก็อธิบายเขาไปประมาณนี้ ให้เขาแสดงเอง พอสั่งแอ็คชั่น ปุ้มก็เดินเข้ามา ปิดประตู เปิดเพลง ค่อยๆถอดเสื้อผ้าทีละชิ้น แต่ไม่หมดนะ เต้นไปด้วยกินขนมไปด้วยตรงหน้าต่าง ผมว่ามันได้อารมณ์มากเลย มันบอกสไตล์ของหนัง บอกคาแรกเตอร์ตัวละคร และบอกว่าหนังเรื่องนี้เซ็กซี่ประมาณไหน ฉากนี้ปุ้มทำได้ดีมากถ่ายแค่สองเทค คือทำเหมือนคนดูเป็นพวกถ้ำมอง ค่อยๆผ่านช่องสีดำ มองแล้วแอบกลับมา พีระพันธ์ คือวิธีการทำงานของพวกเราจะไม่ค่อยเข้มงวดกับตัวเอง เพราะหน้างานเราอาจเจออะไรใหม่ๆได้ตลอด ถ้าเราเข้มงวดมากเวลามีปัญหาเราจะไม่สามารถแก้ไขได้ อย่างบางวิธีมันไม่เวิร์ค เราก็เปลี่ยนแปลงซึ่งบางครั้งมันอาจมหัศจรรย์กว่าเดิม อย่างฉากที่โอซา วังอยู่ในตู้ปลา ตอนแรกมันมีอะไรเยอะแยะมาก แต่ด้วยความที่มันดูมโหฬารเกินไป เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ เราก็หาวิธีใหม่ ที่มันสวยกว่า ถูกกว่าและปรากฏว่าออกมาได้อย่างต้องการครับ ฉากที่ถ่ายทำยากที่สุด ทศพล ฉากยากคือฉากการตายของแต่ละคน คือมันจะมีเทคนิคพิเศษ อย่างโอซา ก็ต้องมีขึ้นสลิงและกดตัวเขาลงไปในน้ำ ซึ่งเขาต้องเล่นเองหมดเพราะต้องเห็นหน้า ก็ถือว่าหนักครับ หรืออย่างปุ้มก็มีเทคนิคเอากล้องติดไปกับวัตถุต่างๆ เช่น ติดที่ถังขยะซึ่งเขาต้องเข้าไปอยู่ในถังขยะและกลิ้งไปมา เอากล้องไปติดที่ถังน้ำและต้องแบกถังน้ำติดตัวไปด้วย วิ่งไปวิ่งมาอยู่อย่างนั้นทั้งวัน จนตัวเขาเกือบเป็นลม เจ็บไปทั้งตัว ส่วนพวกเราก็นั่งสะใจอยู่หลังมอนิเตอร์ ( หัวเราะ ) คือไม่ได้โหดหรือซาดิสถ์นะครับ แค่อยากได้ภาพที่แปลกออกไป แต่ทุกอย่างต้องสวย เหมาะกับเนื้อเรื่อง พีระพันธ์ อีกฉากที่ยากคือ ฉากที่มีนักแสดงรวมตัวกันเยอะๆ อย่างบางคนก็ถือเป็นหน้าใหม่ ต้องไล่อธิบายทำความเข้าใจไปทีละคน ซึ่งผีของเราไม่ได้เขียนขึ้นจากซีจี ไม่ต้องเล่นกับสิ่งไม่มีตัวตน คือเล่นกับผีจริงแต่ผีไม่ได้ทำอะไร เขาต้องบังคับอวัยวะตัวเอง อย่างผีกำลังบังคับมือ เขาก็จะต้องเล่นให้มือเป็นผี ต้องแยกความรู้สึกและมีสมาธิที่ดี อย่างพลอยซึ่งถูกบังคับปากให้พูดตามที่ผีอยากให้พูด ปากต้องร่าเริง แต่สีหน้าต้องหวาดกลัว เขาต้องยิ้มในขณะที่ดวงตาหวาดระแวง อยากให้จับตามองฉากนี้ครับเพราะพลอยเล่นได้ดีมาก ความประทับใจในการถ่ายทำ ทศพล สิ่งที่ผมกังวลที่สุดคือการดีไซน์ผี ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของหนัง ดังนั้นก่อนถ่ายทำ เราจะเรียกชลมาทำเทสต์บ่อยมาก ถ่ายวิดีโอเก็บไว้ มุมนั้นมุมนี้ ให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด สิ่งประทับใจก็คือวันที่ถ่ายผีเป็นวันแรก สิ่งที่ผมตั้งใจคืออยากให้เป็นผีที่สวยที่สุด ทั้งท่าทางการโพสต์และองค์ประกอบทุกอย่าง แต่มันจะโพสต์อย่างไรไม่ให้หลุด ตอนถ่ายวิดีโอเก็บไว้ก็ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ จนถ่ายฉากแรก เป็นฉากที่ผีนอนบนชั้นยา ในห้องเก็บอวัยวะศพที่โจ้ ( ปุ้ม ดลรส ) วิ่งหนีเข้าไป ครั้งแรกที่เห็นในมอนิเตอร์ รู้สึกทันทีว่า เรามาถูกทางแล้ว รอดแล้ว ( หัวเราะ ) ฉากนี้มันมีองค์ประกอบที่ผมอยากได้ทุกอย่าง ทั้งแสงแวดล้อมที่เราใช้ก็สีเหลือง ในโหลดอง น้ำก็เป็นสีเหลือง พอถ่ายทำมันจะเป็นแสงสะท้อน เหมือนพรายน้ำ แล้วชลเขาก็โพสต์ท่าได้อย่างสวยงามมาก มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ ทำให้ความกังวลใจทุกอย่างของผมหายไป จนเป็นภาพที่ผมให้คะแนนเต็มเลยครับ พีระพันธ์ ผมชอบฉากห้องเก็บศพครับ เพราะจุดไคลแมกซ์ของเรื่องจะถูกเฉลยในฉากนี้ มีทั้งความน่ากลัว ความตื่นเต้น ความเศร้า ทุกอย่างรวมในฉากนี้ และตอนที่ถ่ายเขาใช้แสงสีบานเย็น ซึ่งเป็นสีโปรด ก่อนถ่ายอาจจะดูเหมือนไฟคาราโอเกะ แต่พอถ่ายไปมันสวยมาก ไม่เฉพาะแค่สีนะครับ แต่มันมีองค์ประกอบครบทุกอย่าง จาก นายอโศกกับนางสาวเพลินจิตถึง สวยลากไส้ ส่วนไหนที่เปลี่ยนไปและส่วนไหนที่เหมือนเดิม ทศพล ถ้าพูดถึงเรื่องของความแตกต่าง เรื่องที่แล้วจะมีความตลก โรแมนติค แต่เรื่องที่สองจะสยองขวัญ ส่วนเรื่องของความเหมือนผมกับส่น รู้สึกว่ามันสนุกในการที่จะออกแบบเทคนิค วิธีการต่างๆที่เราหลีกเลี่ยงการใช้ซีจี อย่างในนายอโศกฯ จะมีเทคนิคง่ายๆหมูๆ เช่น การดึงเสื้อให้ขาดเหมือนในแสดงละครเวที เรื่องนี้เราก็เอามาใช้อีกครั้งแต่ดูเคร่งขรึมขึ้น อย่างฉากความฝันของนุ๊กที่ยังสวมชุดนางพยาบาล แล้วก็ดึงเสื้อออกกลายเป็นชุดแต่งงาน นี่คือคาแรกเตอร์ที่เรายังคงอยู่ คือไม่เน้นซีจี อย่างผีเราก็ไม่ทำซีจี เราเอาของจริงเลย ผีตัวเป็นๆ พีระพันธ์ มันน่าจะเรียกว่าความชอบส่วนตัว คือต่อให้มีเรื่องที่สาม ที่สี่ตามมา เราก็จะหาเทคนิคพิเศษ เทคนิคสดๆ กันมาอีก สุดท้ายให้พูดถึงความน่าสนใจของ สวยลากไส้ พร้อมกับฝากผลงานภาพยนตร์ ทศพล สวยลากไส้ เกิดมาจากการต้องการความแปลกใหม่ให้กับหนังสยองขวัญ โดยเราสองคนและทีมงานใส่ไอเดียลงไปพอสมควร ส่วนการดีไซน์การตายเราก็ทำการบ้านกันเยอะมาก ผมคิดทุกวิธีที่ทำให้มันดูดีและสนุก ผมว่า สวยลากไส้ สามารถทำให้ทุกคนตื่นเต้นที่จะพบกับความสยองและความสวยงามได้แน่นอนครับ พีระพันธ์ หนังเรื่องนี้ มีน้องๆนักแสดงหน้าใหม่หลายคนมาก ซึ่งทุกคนมีความตั้งใจและทุ่มเทให้กับเรื่องนี้ ไม่มีใครที่ไม่เจ็บตัว ทุกคนยอมเจ็บ ยอมฟกช้ำดำเขียวเพื่อให้ สวยลากไส้ ออกมาดีที่สุดครับ ก็อยากจะฝากการแสดงของเขาทุกคนด้วย

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ บทสัมภาษณ์สองผู้กำกับวยลากไส้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook