Emergency Declaration ตราบาปลอยฟ้า กับความซวยเกิดขึ้นได้ทุกเวลา

Emergency Declaration ตราบาปลอยฟ้า กับความซวยเกิดขึ้นได้ทุกเวลา

Emergency Declaration ตราบาปลอยฟ้า กับความซวยเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนังระทึกขวัญอาชญากรรมเหนือน่านฟ้า ซึ่งขนดาราเกาหลีระดับแถวหน้าไม่ว่าจะเป็น ซงคังโฮ, อีบยองฮอน, จอนโดยอน, คิมนัมกิล, อิมชีวาน , คิมโซจิน ,พัคแฮจุนและ ซอลอินอา มาร่วมกันประชันบทบาทและหนีตายกันบนเครื่องบินมรณะที่ไวรัสอันตรายถูกแพร่กระจายในระบบหมุนเวียนอากาศ

Emergency Declaration เป็นผลงานการกำกับของ ฮันแจริม (ผู้กำกับ The King) เลือกจะบอกเล่าเรื่องราวเครื่องบินที่บรรทุกผู้โดยสารเต็มลำ ซึ่งกำลังเดินทางจากท่าอากาศยานอินชอนในเกาหลี มุ่งหน้าไปยังฮาวาย ประเทศอเมริกา โดยที่บรรดาผู้โดยสารไม่รู้เลยว่ากำลังมีคนมุ่งก่อการร้ายที่คร่าชีวิตทุกคนบนนี้ ด้วยอาวุธชีวภาพเชื้อไวรัสที่ทำให้พวกเขาเสียชีวิตได้ในเวลาอันสั้น

อันที่จริงหนังทริลเลอร์ที่เหตุการณ์หลักๆของเรื่องเกิดขึ้นบนเครื่องบิน นั้นถ้าหวนย้อนกลับไปในความทรงจำ Air Force One (1997) ผลงานของวูล์ฟกัง ปีเตอร์เซน น่าจะเป็นหนังที่โดดเด่นขึ้นมาในความทรงจำของใครหลายคน เมื่อหนังสมมติว่ามีผู้ก่อการร้ายเกิดปล้นจี้เครื่องบินแอร์ฟอสวัน ซึ่งเป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเจมส์ มาร์แชล (แฮร์ริสัน ฟอร์ด) โดยมีข้อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวทรราชในรัสเซีย และจับตัวผู้โดยสาร ลูกเรือ ลูกสาวและภรรยาของประธานาธิบดีเป็นตัวประกัน แต่อเมริกาจะไม่ยินยอมผ่อนปรนให้กับข้อเสนอของผู้ก่อการร้าย ทำให้เจมส์ที่หลบหนีมาอยู่ใต้ท้องเครื่องพยายาม ต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายและช่วยเหลือคนอื่นๆบนเครื่อง

จะเห็นได้ว่าตัวเอกของ Air Force One มีลักษณะของอเมริกันฮีโร่อย่างเต็มสูบ เขาเป็นทั้งประธานาธิบดี เป็นพ่อ และยังเป็นความหวังเดียวของคนบนเครื่องบินแอร์ฟอสวัน คล้ายกับวันแมนโชว์เพื่อดำรงอยู่ซึ่งสถานะความปลอดภัยของคนอื่นๆบนเครื่องบิน

ขณะที่ Emergency Declaration ตัวละครเอกของเรื่องแจฮยอก (อีบยองฮอน) คุณพ่อที่กำลังจะพาลูกสาวเดินทางไปยังฮาวาย ผู้เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง ตั้งแต่ก่อนเครื่องบินจะเทคออฟจากรันเวย์ ส่วนจินซอก (อิมชีวาน) ชายหน้าหล่อแต่ดูร้อนรนและพยายามจะมาหาเรื่องลูกสาวของแจฮยอก เพราะเหตุผลบางอย่างได้ตามขึ้นเครื่องบินไฟลต์เดียวกันกับพวกเขา

หลังจากที่เครื่องบินลอยอยู่เหนือน่านฟ้า จินซอก ที่ผู้ชมทราบดีตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วว่าเขาคือผู้ก่อการร้าย ได้ยัดวัตถุบรรจุสารเคมีบางอย่างเข้าไปในร่างกายของตัวเอง เพื่อหลบหลีกการตรวจจับจากเจ้าหน้าที่สนามบิน และเมื่อสบจังหวะที่เหมาะสม เขาจึงเริ่มนำสารดังกล่าวออกมาฉีดพ่นในห้องน้ำ

เวลาผ่านไปไม่นานหลังจากมีผู้โดยสารเข้าไปใช้ห้องน้ำ และพบว่ามีเศษฝุ่นละอองบางอย่างตกใส่หัวเขา ชายคนดังกล่าวจึงร้องเรียนกับแอร์โอสเตสให้มาตรวจสอบว่ามันคือสิ่งใด แน่นอนว่าไม่มีใครคาดคิดว่าฝุ่นนั้นคืออาวุธชีวภาพที่กำลังจะเข้าสู่ร่างกายของพวกเขา โดยมันมีฤทธิ์ถึงตาย!

เมื่อเหยื่อรายแรก เกิดเสียชีวิตลงอย่างน่าตกใจ เหล่าผู้คนบนเครื่องบินก็เริ่มแตกตื่น แจฮยอกที่สงสัยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ น่าจะเป็นฝีมือของจินซอก เขาจึงพยายามบอกลูกเรือให้จับตัวเขาไว้ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการณ์ทันเวลา เมื่อจินซอกกระหน่ำฉีดพ่นอาวุธชีวภาพดังกล่าวให้ฟุ้งกระจายไปทั่ว ใครที่สูดดมเข้าไปอาจจะกลายเป็นศพรายต่อไปในอีกไม่ช้า

 

 

ต่อจากนี้มีการเปิดเผยข้อมูลสำคัญในภาพยนตร์หากยังไม่ได้รับชมกรุณาข้ามไปก่อน

 

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ Emergency Declaration คือความพยายามถ่ายทอด “หลายชีวิต” บนเครื่องบินลอยฟ้า เมื่อพวกเขากำลังจะต้องเผชิญกับสถานการณ์คับขัน แน่นอนหลายคนกรีดร้องเสียสติ บ้างก็เผยธาตุแท้แสดงความเห็นแก่ตัวออกมาเพื่อความอยู่รอด ในขณะที่บรรดาลูกเรือ ไม่ว่าจะเป็นฮีจิน (คิมโซจิน) หัวหน้าแอร์โฮสเตส ที่ต้องกดทับความหวาดกลัวของตัวเองและคอยช่วยเหลือผู้โดยสารให้ปลอดภัย รวมไปถึงประสานงานกับกัปตันเครื่องบิน ฮยอนซู (คิมนัมกิล) ผู้ช่วยนักบินที่ต้องประกาศ “Emergency Declaration” (ภาวะฉุกเฉิน) ครั้งแรกในชีวิตการทำงาน และมีภารกิจสำคัญในห้วงเวลานี้คือการต้องเอาเครื่องบินลงจอดให้ได้

ส่วนตัวละครร้ายอย่างจินซอก ที่หนังวางความน่าสนใจมาตั้งแต่เปิดเรื่อง หนังก็พลิกสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ให้เขาเสียชีวิตเพราะไวรัสที่ตัวเองสร้างขึ้น พร้อมกับทิ้งประโยคชวนขนลุกที่ว่า “พวกคุณคิดว่าผมมาที่นี่เพราะกะจะรอดชีวิตเหรอ เปล่าผมมาเพื่อตาย ตายพร้อมกับทุกคนเครื่องบินนี้แหละ” เหลือทิ้งไว้ซึ่งปริศนา ว่าสรุปแล้วไวรัสนี้มีทางรักษาหรือไม่ และแรงจูงใจของชายคนนี้ก่อเหตุการณ์สะเทือนขวัญเช่นนี้ไปเพื่ออะไรกัน ดังนั้นการที่ตัวละครนี้ตายจากเราไป แต่ตลอดทั้งเรื่องเราจะสามารถสัมผัสถึงเงาตะคุ่มๆ อันทำให้เรานึกถึงการมีอยู่ของจินซอก อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน

ทางด้านแจฮยอกผู้เป็นพ่อ แม้เราจะไม่ได้รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับตัวเขา ทว่าหลังจากที่หนังดำเนินเรื่องราวไปข้างหน้า เราก็จะได้เห็นว่าตัวละครนี้เคยมี “เรื่องราวบางอย่าง” ที่กลายเป็นปมฝังใจเกี่ยวกับการเดินทางด้วยเครื่องบิน และมันเป็นดั่งตราบาปที่ทำให้เขาไม่สามารถก้าวข้ามความกลัวของตัวเองไปได้ แต่เมื่อสถานการณ์ได้บีบบังคับให้เขาต้องใช้ความกล้า เพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง ลูกสาว รวมไปถึงคนอื่นๆบนเครื่องบินลำนี้ แจฮยอกก็ต้องตัดสินใจ

Emergency Declaration คือหนึ่งในตัวอย่างหนังที่สะท้อนให้ผู้ชมได้เห็นว่า หลายครั้ง “ความซวย” ก็เกิดขึ้นได้แบบไม่เลือกที่เลือกเวลา บทคนเราจะตายก็สามารถตายได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเมื่อชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน อยากทำอะไรจงรีบทำเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียใจในภายหลังนั่นเอง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook