KinnPorsche The Series แด่โลกมาเฟียทึมเทา ที่เราและนายรักกัน

KinnPorsche The Series แด่โลกมาเฟียทึมเทา ที่เราและนายรักกัน

KinnPorsche The Series แด่โลกมาเฟียทึมเทา ที่เราและนายรักกัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถึงจะลาจอไปแล้วหลายสัปดาห์ก่อน แต่เราไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่า KinnPorsche The Series กลายเป็นซีรีส์ที่นักอ่านนิยายวายรอคอยเรื่องหนึ่ง แม้ว่าก่อนหน้านี้ซีรีส์เรื่องนี้เกือบจะไม่ได้สร้างแล้ว แต่ท้ายที่สุดทุกอย่างที่ปรากฏสู่สายตาผู้ชมคือ “ผลงานคุณภาพ” และถือเป็นซีรีส์เรื่องหนึ่งในปี 2022 ที่เราอาจจะกล่าวได้เลยว่า มันเป็นชิ้นงานที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจในมิติต่างๆมากมาย

 

โลกของมาเฟีย ที่เต็มไปด้วยฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรน

ในโลกของมาเฟีย แม้ว่าเราจะไม่ได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสบรรยากาศเหล่านั้นด้วยตัวของเราเอง แต่ตลอดชีวิตการเติบโตมาพร้อมกับงานวรรณกรรม ไม่ว่าจะเป็นนิยาย ละคร เพลง และภาพยนตร์ ในโลกของมาเฟียนั้นถูกถ่ายทอดให้เราได้เห็นสภาพแวดล้อมอันรายรอบไปด้วยอาชญากรรม และมีตัวละครเดินเรื่องมีลักษณะเป็นผู้ชายดิบเถื่อน นิยมชมชอบใช้ความรุนแรงเพื่อแก้ไขปัญหา

ปมขัดแย้งในวรรณกรรมที่มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับเหล่ามาเฟีย มักโยงใยกับเรื่องผลประโยชน์ การช่วงชิงอำนาจความเป็นใหญ่ในวงการอาชญากร หรือกระทั่งการแย่งชิงผู้หญิงอันที่เป็นที่รักของตัวละครเอกจนนำไปสู่เรื่องราวบานปลายใหญ่โตและมักมีตอนจบในโทนโศกนาฏกรรม

ความน่าสนใจของ KinnPorsche การโยนตัวละครในบริบทของวรรณกรรมวาย (Yaoi) เข้าไปในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรุนแรง อาชญากรรม โดยปมขัดแย้งทั้งหมดที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ดำเนินไปข้างหน้าคือการช่วงชิงความยิ่งใหญ่ระหว่างตระกูลหลักและตระกูลรองในการแผ่อาณาเขตเพื่อการปกครองธุรกิจสีเทา

ตัวละครที่ทำหน้าที่ “เป็นตัวแทนผู้ชม” และนำพาคนดูเข้าสู่โลกของมาเฟียในจักรวาลนี้ก็คือพอร์ช (อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์) บาร์เทนเดอร์หนุ่มเจ้าเสน่ห์ ผู้ปากกัดตีนถีบ กลายเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องดูแลน้องชาย หลังจากที่เขาสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็ก มิหนำซ้ำอาของตัวเองก็ยังไปติดหนี้การพนัน จนพอร์ชต้องตามล้างตามเช็ดนิสัยไร้ความรับผิดชอบของอาตัวเอง จนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่เขาทำงานที่บาร์ และได้พบกับคินน์ (มาย-ภาคภูมิ ร่มไทรทอง) ลูกชายแก๊งมาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศ ซึ่งกำลังหนีการตามล่าจากคู่อริ มาร้องขอความช่วยเหลือจากพอร์ชให้พาเขาหนีตาย หลังจากนั้นเองความสัมพันธ์ในเชิงลิ้นกับฟันที่ไม่กินเส้นกันก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อคินน์ มองเห็นศักยภาพบางอย่างในตัวพอร์ช นั่นคือการมาทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดประจำตัวของเขา เพื่อแลกกับการปลดหนี้ของครอบครัว และคินน์ยังการันตีอีกว่าถ้าพอร์ชมาทำงานนี้ น้องของเขาจะสบายไปอีกนาน

 

การประกาศสถานะของตัวละครแบบปราศจากความคลุมเครือ

ตัวละครของคินน์ มีการนำเสนอสถานะเพศสภาพของตัวละครนี้ตั้งแต่ตอนแรกๆของซีรีส์ว่าเขาเป็น “เกย์” มาตั้งแต่เริ่ม เราจะได้เห็นความสัมพันธ์ของเขากับเด็กชายขายบริการทางเพศ แฟนคนเก่าที่เขายังลืมไม่ลงและนำไปสู่พฤติกรรมการปิดประตูหัวใจไม่ยอมให้ใครก้าวล่วงเข้ามาในปริมณฑลแห่งความรัก เพราะเขากลัวที่จะผิดหวังอีกครั้ง จนกระทั่งพอร์ชกลายเป็นคนที่มาทำให้เขากลับมามีความรู้สึก ห่วงใยและเกิดเป็นความรักอีกครั้ง

ความน่าสนใจในความเป็นเกย์ของคินน์ คือการที่ตัวละครนี้ดำรงอยู่ในโลกของมาเฟีย ซึ่งเราทราบกันดีอยู่แล้วว่ามันเป็นวงการที่ให้ความสำคัญกับระบอบ “ชายเป็นใหญ่” หลายครั้งบรรดานักวิจารณ์วรรณกรรม เคยเปรียบเปรยเอาไว้ด้วยซ้ำไปว่า “กระบอกปืน” ที่ตัวละครหยิบขึ้นมาประกาศศักดาใส่กันนั้น มันคือสัญลักษณ์ตัวแทนของอวัยวะเพศชายที่เอาไว้ ขิงฝ่ายตรงข้าม แต่เพศสภาพของคินน์ไม่ได้ถูกปฏิบัติว่าสิ่งที่เขาเป็นนั้นเป็นเรื่องผิดแปลก ผิดปกติ หรือกลายเป็นปมทางจิตใจที่ทำให้เขาไม่สามารถทำหน้าที่ “ลูกชาย” ของหัวหน้ามาเฟียระดับประเทศที่ต้องแบกรับความน่าเชื่อถือ ความเด็ดขาด เพราะเมื่อคินน์ต้องแสดง “ศักดา” ให้บรรดาลูกน้องใต้บังคับบัญชาได้เห็น เขาก็ไม่มีรีรอที่จะทำมัน แสดงให้เราเห็นว่าการเป็นเกย์ของคินน์ในโลกของมาเฟียนั้น กลายเป็นสิ่งปกติสามัญและก้าวข้ามการถูกคนในสังคมตัดสินว่ามันคือความแปลกแยกไปแล้วเรียบร้อย

 

พอร์ชกับความลื่นไหลทางเพศ และภาระอันหนักอึ้งบนบ่า

ตัวละครที่น่าจะกล่าวได้ว่า “เคราะห์ซ้ำกรรมซัดครั้งแล้วครั้งเล่า” คงหนีไม่พ้นพอร์ช ที่ต้องสู้ชีวิตเรื่อยมา มิหนำซ้ำตอนมาทำงานเป็นบอดี้การ์ด นิสัยไม่ยอมลงให้กับเจ้านายตัวเอง ทำให้เขาตกที่นั่งลำบากอยู่เสมอ แต่ข้อดีของพอร์ชคือนิสัยสู้ไม่ถอย และทำงานอย่างเต็มความสามารถทุ่มสุดตัว สิ่งนี้นี่เองที่ได้มัดใจคินน์ให้หลงเสน่ห์ในตัวของพอร์ช

ทว่าความลื่นไหลทางเพศของของตัวละครนี้ คือการที่เขาเคยกล่าวไว้ว่า ก่อนหน้าที่เขาจะตัดสินใจมาคบกับคินน์ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่เคย “มีอะไร” กับผู้ชายด้วยกัน ดังนั้นเพศสัมพันธ์ครั้งแรกระหว่างเขากับคินน์จึงกลายเป็นการเปิดประตูไปสู่โลกใบใหม่ ที่ตัวพอร์ชเองก็ไม่ได้ขัดขืนหรือรู้สึกถูกฝืนใจ แต่สิ่งที่เขาต้องเผชิญหน้าในเวลาต่อมาคือ นี่ความเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง ความยังไม่มั่นใจว่าผู้ชายสองคนในโลกที่เต็มไปด้วยอาชญากรจะไปกันรอด ถ่านไฟเก่าของคินน์ที่ยังกลายเป็นเรื่องราวตามหลอกหลอนพอร์ชอยู่ ยังไม่รวมไปถึงความคลุมเครือเกี่ยวกับสาเหตุการตายของพ่อและแม่ของตัวเองที่อาจจะเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในอดีต ทำให้ตลอดทั้งซีรีส์ ผู้ชมจึงได้รับโอกาสในการสำรวจประเด็นเหล่านี้ไปพร้อมๆกับพอร์ช

 

สิ่งสำคัญเลยใน KinnPorsche คือการหยิบเอาสูตรสำเร็จในวรรณกรรมวาย มาปรุงแต่งเรื่องราวและโยนตัวละครหลักของเรื่องเข้าไปในโลกของอาชญากร แต่สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีอะไรมากกว่าการขายฉากจิ้นฟินจิกหมอน คือการพาคนดูไปสำรวจพัฒนาการของตัวละครที่มีมิติ มีความเป็นมนุษย์ที่สามารถจับต้องได้ และแน่นอนว่ามันเรียกร้องทักษะทางการแสดงที่ละเอียดลุ่มลึก ซึ่งอาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ คือหนึ่งในนักแสดงที่เราต้องกล่าวว่า เขาตีบทแตกกระจุยเลยจริงๆ และอีกหนึ่งคนที่จะมองข้ามไปไม่ได้ก็คือ ไบเบิ้ล-วิชญ์ภาส สุเมตติกุล ในบทบาทเวกัส ที่เราจะกล่าวถึงในบทความชิ้นต่อไป

อัลบั้มภาพ 38 ภาพ

อัลบั้มภาพ 38 ภาพ ของ KinnPorsche The Series แด่โลกมาเฟียทึมเทา ที่เราและนายรักกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook