Everything Everywhere All at Once ซือเจ๊และหลากมัลติเวิร์สที่ชวนเรามองย้อนชีวิตตัวเอง

Everything Everywhere All at Once ซือเจ๊และหลากมัลติเวิร์สที่ชวนเรามองย้อนชีวิตตัวเอง

Everything Everywhere All at Once ซือเจ๊และหลากมัลติเวิร์สที่ชวนเรามองย้อนชีวิตตัวเอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Everything Everywhere All at Once หรือชื่อไทยสุดคูลอย่าง ซือเจ๊ทะลุมัลติเวิร์ส ที่หยิบเอาเรื่องมัลติเวิร์สหรือจักรวาลคู่ขนานมาเป็นธีมหลักของเรื่อง โดยตัวละครเอกอย่าง เอเวอลิน หวัง รับบทโดยมิเชล โหย่วผู้ได้เดินทางไปพบกับตัวเองในจักรวาลอื่นๆ พร้อมการผจญภัยเหนือการคาดเดา

แม้ว่าตัวพล็อตเรื่องของ Everything Everywhere All at Once อาจจะดูพิลึกพิลั่น เพี้ยน จนหลายคนอาจจะเมินกันตั้งแต่เห็นโปสเตอร์หนัง ซึ่งคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากถ้าหากคุณจะพลาดหนังสักเรื่องที่น่าจะติดอันดับหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดในรอบปี 2022 เลยก็ว่าได้

เอเวอลิน หวัง (มิเชล โหย่ว) คุณแม่วัยกลางคน ภรรยาผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตแต่งงานเต็มทน มิหนำซ้ำธุรกิจร้านซักเสื้อผ้าอัตโนมัติของเธอกำลังต้องเผชิญกับวิกฤตทางการเงิน แค่ฉากแรกที่หนังเปิดเรื่องราวมา เราจะได้เห็นปัญหามากมายมะรุมมะตุ้มถาโถมใส่เอเวอลิน งานบ้านงานครัวก็ต้องทำ ธุรกิจครอบครัวก็ต้องดู ไหนจะลูกสาวอย่างจอย (สเตฟานี ซู) ที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นและพยายามจะเปิดตัวกับแม่ตัวเองว่าเธอเป็นเลสเบี้ยนที่คบหาดูใจกับแฟนสาวอย่างเบ็คกี้

เชื้อสายจีนที่แทรกตัวอยู่ในสายเลือด ทำให้เอเวอลินต้องเป็นกังวลกับลูกสาว แม้ว่าเธอพยายามจะทำความเข้าใจลูกสาวมากแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนกับว่าตัวลูกสาวนั้นอาจจะไม่ได้เข้าใจเธอสักเท่าไหร่ ระหว่างที่กำลังจัดการกับลูกค้าจอมป่วน มีอยู่ห้วงเวลาหนึ่งที่เธอใจลอยมองไปในจอทีวีและได้เห็นหนังรักโรแมนติกคลาสสิก ดูเหมือนห้วงเวลานั้นเองจะทำให้เอเวอลินได้ยิ้มออกมา แม้มันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เราจะได้เห็นว่าบางทีความสุขของเธอนั้นช่างสั้นและน้อยนิดเหลือเกิน

เมื่อเอเวอลินต้องเดินทางไปยังกรมสรรพากร เพื่อจัดการเรื่องภาษีกับเดรียเดร (เจมี ลี เคอร์ติส) ที่เคี่ยวลากดินเอาซะเหลือเกินกับเรื่องรายรับรายจ่ายของธุรกิจร้านซักเสื้อผ้าระหว่างที่ขึ้นลิฟต์ไปกับเวย์มอนด์ (โจนาธาน คี ควาน) สามีของเธอ จู่ๆเขาก็มีท่าทีแปลกๆไป และพยายามจะมอบเครื่องเดินทางข้ามจักรวาลให้กับเอเวอลิน พร้อมกับส่งสัญญาณเตือนภัยว่า ตัวเอเวอลินกำลังตกอยู่ในอันตรายอันใหญ่หลวง เธอจำเป็นต้องเดินทางข้ามไปยังจักรวาลอื่นเพื่อช่วยทุกๆจักรวาลให้รอดพ้นจากวายร้ายโจบู ทูพากิ ที่หมายจะทำลายทุกจักรวาลให้ราบคาบ

ความน่าสนใจในการเดินทางข้ามพหุจักรวาลใน ของ Everything Everywhere All at Once คือการที่อุปกรณ์ที่ใช้เดินทางนั้น คล้ายกับเครื่องที่ช่วยให้เอเวอลินสามารถย้ายจิตวิญญาณของตัวเองไปอยู่ในร่างของเอเวอลินในอีกจักรวาล ทำให้ระบบประสาทสัมผัสและการรับรู้ของเธอเกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันด่วน

เหตุการณ์หลักๆของหนังจริงๆแล้วถูกดำเนินอยู่ในตัวตึกสรรพากร แต่ระหว่างทางการที่ตัวเอเวอลินได้เดินทางไปยังจักรวาลคู่ขนานเพื่อเรียนรู้ทักษะจากตัวเอง แต่ระหว่างนั้นเองเธอก็ได้พบกับความจริงที่น่าสนใจว่า ตัวตนในอีกจักรวาลหนึ่งนั้นล้วนแล้วแต่มีผลมาจากการตัดสินใจในอดีต ไม่ว่าจะเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต การที่เธอตัดสินใจไม่แต่งงานกับเวย์มอนด์ ฯลฯ โดยในพหุจักรวาลนั้น เธอล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จ เป็นคนมีอำนาจ มีความรู้ เป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นผู้นำ แต่ในจักรวาลเหล่านั้น เอเวอลินถูกฆ่าตายโดยโจบู ทูพากิไปแล้ว ทำให้เวย์มอนด์ในจักวาลอื่นต้องเดินทางมาขอความช่วยเหลือจากเอเวอลินในจักรวาลที่ปรากฏในหนัง

แม้ว่าในช่วงหนึ่งชั่วโมงแรกของเรื่อง หนังจะพยายามอธิบายวิธีการเดินทางข้ามจักรวาล การที่ตัวละครอย่างเอเวอลินพยายามทำความเข้าใจกับชีวิตของตัวเองในจักรวาลอื่น มันได้ทำให้ผู้ชมได้มองย้อนกลับมาขบคิดพิจารณาตัวเองว่า ถ้าสมมติว่าตัวเองมีโอกาสที่จะได้หวนกลับไปเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของตัวเองอีกสักครั้งและเดินไปอีกทิศทางหนึ่ง ชีวิตในทุกวันนี้จะดีกว่าแค่ไหนกัน ในทุกการตัดสินใจเลือกล้วนแล้วแต่นำพาชีวิตของเราเดินทางไปยังจุดใดจุดหนึ่งอยู่เสมอ

อย่างไรก็ตามเมื่อหนังเดินทางมาสู่กึ่งกลางเรื่อง เวย์มอนด์ได้เปิดเผยความจริงที่น่าตกใจว่า เหตุผลสำคัญที่เขาตัดสินใจเลือกเอเวอลินในจักรวาลนี้ก็เพราะว่าเธอคือเวอร์ชั่นที่ “ห่วยที่สุด” ในทุกๆจักรวาล ในทุกครั้งที่ตัวละครนี้ประสบความล้มเหลว ตัวเธอในอีกหลากหลายจักรวาลจะประสบความสำเร็จ

ระหว่างทางที่เอเวอลินได้เห็นตัวเองในทุกๆจักรวาล จนกระทั่งทุกอย่างได้เดินทางมาถึงทางแยก เธอจะได้พบว่า ในทุกหุบห้วงที่เธอต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต บางครั้งมันดูไร้เหตุผลและหาคำตอบไม่ได้ หลายครั้งมันดูน่าสับสนและเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไมจึงตัดสินใจเช่นนั้นไป จากในทุกๆจักรวาลความเป็นไปได้ หนังได้ตัดต่อให้เราได้เห็นความแตกต่างในทุกๆจักรวาลอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งหนังเลือกจะหยุดไปที่จักรวาลหนึ่งที่ ตัวเอเวอลินได้กลายเป็นแค่เพียงก้อนหินอยู่ไม่ไกลกับจอย

ก้อนหินเอเวอลินและจอยได้เกิดการพูดคุยผ่านกระแสจิตกัน ว่าจริงๆแล้วมนุษย์เป็นแค่เพียงเศษเสี้ยวเล็กๆของจักรวาลอันกว้างใหญ่ ที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้มากมายไม่สิ้นสุด ในหลายครั้งเราอาจจะคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ เก่งกาจ แต่จริงๆแล้วเราเป็นแค่คนธรรมดาที่พยายามจะหาทางออกให้กับชีวิตตัวเองก็เท่านั้น

จริงๆแล้ว Everything Everywhere All at Once อาจจะดูเป็นหนังเพี้ยนๆหลุดๆ แต่เมื่อเราพินิจพิเคราะห์มันอย่างทำความเข้าใจ (หรือแม้กระทั่งดูซ้ำ) เราจะพบว่ามันเป็นหนังที่หยิบเอาหุบห้วงชีวิตของมนุษย์ที่อาจจะห่วยที่สุดในทุกๆจักรวาล เอามาทำให้เราเห็นว่า ท่ามกลางความย่ำแย่ สิ้นหวัง ไร้หนทาง บางครั้งสุดท้ายแล้วความ “ห่วยที่สุด” อาจจะเป็นจักรวาลที่เราไม่เคย “โดดเดี่ยว” เลยก็เป็นได้

เราเชื่ออย่างสนิทใจว่า Everything Everywhere All at Once เป็นหนังที่ทำให้เราทั้งตลก ทั้งสนุกไปกับฉากต่อสู้แบบศิลปะป้องกันตัว งานตัดต่อ การลำดับภาพ ที่บ้าคลั่ง ในขณะเดียวกันมันยังมาพร้อมฉากปรัชญาคมคาย กระทั่งฉากกระชากน้ำตาที่เล่นเอาคนดูร้องไห้ตายคาเบาะเลยทีเดียว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook