Love and Leashes ด้วยรักและ BDSM ที่ "ล่าม" เราสองเอาไว้

Love and Leashes ด้วยรักและ BDSM ที่ "ล่าม" เราสองเอาไว้

Love and Leashes ด้วยรักและ BDSM ที่ "ล่าม" เราสองเอาไว้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Love and Leashes อาจจะไม่ใช่การขึ้นจอครั้งแรกของความสัมพันธ์แบบ BDSM แต่การที่หนังเกาหลีจาก Netflix เลือกจะหยิบประเด็นนี้มาเป็นจุดขายหลักของเรื่อง และเคลือบความหวานภายใต้โทนโรแมนติกคอเมดี้ ทำให้หนังเรื่องนี้มีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจกว่าที่คิด

ไม่มีความสัมพันธ์ใดในโลกนี้เท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อคนสองคนได้พบกัน อำนาจมักจะตกอยู่ในมือของคนใดคนหนึ่งเสมอ คือประโยคเปิดฉากให้กับเรื่องราวของ Love and Leashes เมื่อชองจีฮู (อีจุนยองจาก U-KISS) ว่าที่รองผู้จัดการประชาสัมพันธ์คนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจากแผนกการตลาด และชองจีอู (ซอฮยอนจาก SNSD) พนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่มีมาดขรึม นิ่งแต่ทำงานเก่ง ด้วยชื่อที่ออกเสียงคล้ายกันมาก ทำให้วันหนึ่งเมื่อพัสดุที่จีฮูสั่งมาเกิดส่งผิดมือไปยังจีอู คงไม่มีอะไรเป็นเรื่องใหญ่โต ถ้าหากสิ่งของในกล่องนั้นไม่ใช่ “ปลอกคอ” อุปกรณ์สำหรับทำกิจกรรม BDSM

เมื่อจีฮูกลัวว่าทางฝ่ายจีอูจะรู้สึกไม่สบายใจที่เขามีรสนิยมทางเพศที่ดูผิดแผกไปจากกรอบของสังคม เขาจึงพยายามปรับความเข้าใจ แต่โชคดีที่ทางฝั่งจีอูเอง ดูเหมือนจะพยายามเปิดใจมากกว่าที่คิด จนนำไปสู่ข้อเสนอที่จีฮูพยายามวิงวอนขอร้องให้จีอูเป็น “นายหญิง” ของเขา

ในสถานที่ทำงานจีฮูดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการแผนกด้วยความเป็นมืออาชีพ ปฏิบัติงานกับเพื่อนร่วมงานอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่เมื่อหมดวันชายหนุ่มและหญิงสาวได้ก้าวเข้าสู่โลกของ BDSM เพื่อมอบความสุขให้แก่กันและกัน โดยที่มือใหม่อย่างจีอูได้พยายามเปิดโลกทัศน์ที่เธอไม่คุ้นเคยด้วยการเรียนรู้ “รสนิยมทางเพศ” นี้อย่างไม่ตัดสิน แต่ในขณะเดียวกันเธอเองก็เริ่มแยกไม่ออกว่าการที่เธอเป็นนายหญิงอยู่นั้น เธอเริ่มที่จะมอบหัวใจของตัวเองให้กับจีฮูด้วยหรือเปล่า

ก่อนหน้านี้ผู้ชมทั่วโลกอาจจะพอรู้จักเรื่องราวของ BDSM ผ่านหนังรักพันล้านอย่างแฟรนไชส์ Fifty Shades ทั้งสามภาค ว่าด้วยแอนาตาเซียที่พบรักกับหนุ่มหล่อนักธุรกิจระดับพันล้านอย่างคริสเตียน เกรย์ โดยที่เธอมารู้ว่าเขามีรสนิยมทางเพศแบบ BDSM โดยที่เขาจะบังคับให้ “บ่าว” ของตัวเองเซ็นสัญญาว่าจะไม่เปิดเผยความลับนี้ออกไป ความสัมพันธ์รักแบบเจ็บๆของทั้งคู่จึงเริ่มต้นขึ้นและนำไปสู่ความวุ่นวายขึ้นในแต่ละภาค

แฟรนไชส์ Fifty Shades อาจจะหยิบเรื่อง BDSM มาเล่าเป็นธีมหลักก็ตามที แต่ตัวละครอย่างมิสเตอร์เกรย์นั้น ดูไม่ต่างอะไรจากเจ้าชายอสูรใน Beauty and the Beast เขามีความเป็นตัวละครผู้ชายในเทพนิยายมากกว่าจะพบได้ในชีวิตจริง อีกทั้งเนื้อหาเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดทั้งสามภาค (ทั้งหนังและนิยายเอง) ก็ให้อารมณ์เหนือจริงมากกว่าที่ผู้ชมคนธรรมดาจะพบพานได้ในชีวิตประจำวัน

ขณะที่ Love and Leashes เลือกจะเล่า BDSM ในมุมที่ใกล้ตัวและใกล้เคียงกับชีวิตปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป เมื่อตัวเอกของเรื่องเป็นแค่เพียงพนักงานชนชั้นกลางสองคนในบริษัทผลิตสื่อสำหรับเด็กที่ต้องเผชิญหน้ากับหน้าที่การงาน ต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบเอาไว้มากมาย แต่การได้สวมบทบาทในฐานะ “นาย-บ่าว” อันเป็นบทบาทสมมติ เป็นการปลดปล่อยความเครียดในชีวิตและได้โอบรับ “ความสุข” ในแบบที่พวกเขาปรารถนาอีกด้วย

ความน่าสนใจของ Love and Leashes นั้นคือความพยายามในการย่อยเรื่อง BDSM ให้คนนอก (ตัวละครอย่างจีอู) เปรียบเสมือนคนที่กำลังถูกนำพาเข้าไปสู่โลกใบใหม่ ด้วยสายตาแบบทำความเข้าใจและไม่ตัดสิน และแน่นอนว่าหนังเรื่องนี้ก็ยังใส่ตัวละครแวดล้อมประเภทที่ยังคงมองรสนิยมทางเพศแบบ BDSM เป็นเรื่องแปลกประหลาด เป็นความผิดปกติทางจิตเข้ามา เพื่อแสดงให้เห็นว่ายังมีคนอีกไม่น้อยที่ยังไม่ “พยายามทำความเข้าใจ” และตัดสินในสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์

ตัวละครอย่างจีอูพยายามศึกษา BDSM ผ่านโลกไซเบอร์อยู่ตลอดเวลาและแน่นอนว่าอุปนิสัย ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ ได้กลายเป็นสิ่งที่ไปมัดใจรองหัวหน้าแผนกอย่างจีฮูเข้าอย่างจัง

จะว่าไปแล้วสิ่งที่น่ากลัวกว่า BDSM ที่ปรากฏขึ้นในเรื่อง คือการที่นางเอกของเรื่องอย่างจีอู ถูกปฏิบัติจากหัวหน้าแผนกที่เป็นผู้ชายด้วยความไม่เท่าเทียมทางเพศ และทุกครั้งที่เธอพยายามนำเสนอไอเดีย หรือแม้กระทั่งแสดงความกระตือรือร้นในการทำงาน เธอมักจะถูกแขวะ จิกกัด หรือไม่ก็จะมีคำติติงกลับมาจากหัวหน้าแผนกอยู่เสมอ หรือการใส่ตัวละครประเภทอีแอบ BDSM มาบังหน้า แต่ความจริงแล้วพวกเขาอยากจะใช้รสนิยมทางเพศแบบนี้เพื่อล่วงละเมิดทางเพศในยามเผลอ (มีเพศสัมพันธ์แบบขืนใจ โดยที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม)

หนึ่งฉากสำคัญของเรื่องที่นอกจากจะเป็นการบอกเล่า “ความไว้เนื้อเชื่อใจ” ของตัวละครเอกทั้งสองคือการที่ฝ่ายหญิงตัดสินใจที่จะล่ามโซ่ที่ข้อมือของกันและกัน ก่อนทั้งคู่จะออกไปเดินเล่นในสวนพฤกษศาสตร์และทิ้งกุญแจมือไว้ในรถ มันอาจจะเป็นแค่การเล่นสนุกสร้างความตื่นเต้นสำหรับจีฮู แต่ทางฝั่งจีอูแล้วการตัดสินใจทำเช่นนี้คือการที่เธอมั่นใจแล้วว่า จีอูกล้าที่จะยอมเสี่ยงที่จะโดนคนอื่นมองว่าตัวเธอเองมีรสนิยมทางเพศแบบ BDSM เช่นกัน

ก่อนหนังจะดำเนินไปสู่บทสรุป ที่เราจะขออุบไว้ไม่สปอยล์ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคู่พระนาง Love and Leashes ถือเป็นหนังเกาหลีที่ย่อยโลก BDSM ให้ใกล้ตัวเรากว่าที่คิด พยายามเป็นมิตรกับผู้ชมด้วยการวางให้สถานการณ์ในหนังเป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง และเหนืออื่นใดคือการให้ความหวังกับผู้ชมว่าความรักนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าหากต่างฝ่ายต่างเต็มใจที่จะเรียนรู้อีกฝ่ายเช่นกันนั่นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook