รีวิว Don’t Breathe 2 เกิดโดยใคร ไม่สำคัญเท่าใครเป็นคนเลี้ยงดู

รีวิว Don’t Breathe 2 เกิดโดยใคร ไม่สำคัญเท่าใครเป็นคนเลี้ยงดู

รีวิว Don’t Breathe 2 เกิดโดยใคร ไม่สำคัญเท่าใครเป็นคนเลี้ยงดู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รีวิวนี้มีการเปิดเผยจุดสำคัญของเรื่อง

หลายปีให้หลังจากเหตุการณ์ในหนังภาคแรก เมื่อนอร์แมนพยายามเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาได้อุ้มชูเลี้ยงดู ฟินิกซ์ (แมดเดอลิน เกรซ) เด็กสาวผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ไฟไหม้บ้าน ชายตาบอดและเด็กผู้หญิงท่ามกลางสภาพแวดล้อมของเมืองที่ทรุดโทรมและสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมในทุกขณะ ทำให้นอร์แมนพยายามเตรียมความพร้อมให้กับฟินิกซ์ในยามที่เกิดเหตุการณ์ร้ายกับเธอ หรือแม้กระทั่งตัวของนอร์แมนเอง

แม้วิธีการเลี้ยงดูฟินิกซ์ของนอร์แมนจะไม่ต่างอะไรจากการฝึกทหารในหน่วยรบ แต่ปัจจัยหนึ่งเมื่อเรามองย้อนกลับไปในชีวิตของตัวละครชายตาบอด เราจะพบว่าชีวิตของเขาคลุกคลีอยู่กับความรุนแรงมาตลอดชีวิต ความรู้ ทักษะชีวิตของเขาจึงวนเวียนอยู่กับการเอาชีวิตรอดด้วยการต่อสู้ทางร่างกาย ไหวพริบ อันเป็นทักษะพื้นฐานของมนุษย์ มากกว่าความรู้ด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สอดรับกับสถานการณ์โลกปัจจุบัน

จึงไม่น่าแปลกใจนักที่หนังจะเผยให้เห็นว่าตัวฟินิกซ์เอง พยายามมองหา “ชีวิตในวัยเด็ก” แบบเดียวกับที่เยาวชนคนอื่นๆพึงได้รับในช่วงอายุของตัวเอง ผ่านฉากที่เธอกำลังเตร็ดเตร่ในละแวกบ้านมายังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความฝันเพราะเธอยังจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่กับนอร์แมนต่อไป

จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อมีผู้บุกรุกเข้ามาในบ้านของนอร์แมนและวางแผนจะจับตัวฟินิกซ์ไปด้วยเหตุผลบางอย่าง หนังอาศัยการหลอกล่อคนดูซึ่งจุดประสงค์ที่แท้จริงของตัวร้าย ว่ามีกลุ่มอาชญากรที่ออกอาละวาดเพื่อขโมยอวัยวะมนุษย์ไปขายในตลาดมืด แต่ผู้ชมจะได้ทราบในเวลาต่อมาว่า การบุกจับตัวฟินิกซ์ในครั้งนี้มีอะไรที่ซับซ้อนไปกว่านั้น

จุดประสงค์ที่แท้จริงปรากฏขึ้นว่า “หัวโจก” ของผู้บุกรุก แท้ที่จริงแล้วเขาคือพ่อของฟีนิกซ์ผู้พัดพรากจากกันตั้งแต่เหตุการณ์ไฟไหม้ แต่เมื่อเขาได้เห็นลูกสาวของตัวเองกลับไปยังบ้านที่เกิดเหตุ ทำให้เขารู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องมาทวงเอาลูกสาวของตัวเองคืนกลับไป

จุดตรงนี้เอง หนังเลือกจะหยิบประเด็นความเป็นพ่อ มาขยี้กับความรู้สึกของผู้ชมว่า สรุปแล้ว ระหว่างสายเลือดและคนที่เลี้ยงดูฟูมฟักอุ้มชูฟีนิกซ์มา ใครกันแน่ที่คู่ควรจะเป็นคนที่ได้รับโอกาสครั้งที่สองจากฟินิกซ์ อย่างไรก็ตาม Don’t Breathe 2 เลือกจะวางบท “ตัวร้ายกว่า” ให้กับฝั่งใดฝั่งหนึ่งไป เพื่อเปิดโอกาสให้คนดูเอาใจช่วยตัวละครอีกฝั่งแบบชัดเจน พูดง่ายๆคือท่ามกลางความชั่วร้าย หนังก็ยังวางเฉดสีที่เข้มกว่าให้กับตัวละครอีกฝั่งหนึ่งอยู่ดี

จุดเด่นของ Don’t Breathe 2 คือการคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของหนังภาคแรก และเลือกจะฉีกตัวเองให้เปลี่ยนอารมณ์จากหนังระทึกขวัญ ให้ค่อนมาเป็นหนังแอ็คชั่นเร้าใจแทน ซึ่งดูได้เพลินๆสนุกตามสไตล์หนังป๊อปคอร์นซัมเมอร์ที่จบแล้วก็จบกัน ไม่มีอะไรน่าจดจำเท่าภาคแรกนัก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook