The Secret Garden ผจญภัยในสวนลับ หนังครอบครัวที่ยังยืนโรงฉายต่อในสัปดาห์ที่ 3

The Secret Garden ผจญภัยในสวนลับ หนังครอบครัวที่ยังยืนโรงฉายต่อในสัปดาห์ที่ 3

The Secret Garden ผจญภัยในสวนลับ หนังครอบครัวที่ยังยืนโรงฉายต่อในสัปดาห์ที่ 3
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

The Secret Garden คือวรรณกรรมเยาวชนเรื่องดังผลงานการประพันธ์ของฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เนทท์ ซึ่งมีการแปลออกมาในหลายเวอร์ชั่น และมีการตั้งชื่อภาษาไทยอาทิ สวนปริศนา, ในสวนศรี หรือ ในสวนลับซึ่งบางโรงเรียนถูกกำหนดให้วรรณกรรมเรื่องนี้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาเลยทีเดียว

 

เรื่องราวของเด็กหญิงกำพร้า

แมรี เลนน็อกซ์คือเด็กหญิงกำพร้าที่จำใจไปอาศัยอยู่กับคุณลุงผู้เย็นชาในคฤหาสน์หลังใหญ่ เธอถูกจำกัดบริเวณและต้องเปลี่ยวเหงาจนกระทั่งได้พบโคลินลูกชายของคุณลุงที่ป่วยเดินเหินไม่คล่องกับเด็กชายชื่อดิกสันที่อาศัยอยู่แถวนั้น ทั้งสามกลายเป็นเพื่อนกัน ต่อมาพวกเขาได้ค้นพบสวนวิเศษสุดมหัศจรรย์ ณ ที่นั่นเองเต็มไปด้วยสิ่งอัศจรรย์เกินจินตนาการของพวกเขาจะฝันถึง

 

วรรณกรรมเยาวชนพร้อมกับเรื่องราวที่เป็นอมตะ

The Secret Garden ถือเป็นผลงานวรรณกรรมที่ได้รับการตีพิมพ์ในปี 1911 หลังจากที่เคยตีพิมพ์รายเดือนในนิตยสาร The American Magazine (ช่วงเดือนพฤศจิกายน1910 – สิงหาคม1911) วรรณกรรมเรื่องนี้กลายเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดชิ้นหนึ่งของเบอร์เนทท์ อีกทั้งยังติดทำเนียบวรรณกรรมเยาวชนคลาสสิกของอังกฤษ แม้ตอนแรกเป้าหมายของวรรณกรรมนี้ถูกเขียนขึ้นสำหรับนักอ่านผู้ใหญ่ก็ตาม

เป้าหมายของการแต่งนิยายเรื่องนี้ตัวผู้แต่งเองตั้งใจที่จะออกแบบให้ตัวละครหลักของเรื่องอย่างแมรี คือเด็กกำพร้าที่โดนชนชั้นสูงนำไปเลี้ยงดูเพื่อเปลี่ยนให้เธอกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ จนกระทั่งเธอได้พบกับมิตรภาพระหว่างเพื่อนใหม่ รวมไปถึงสวนมหัศจรรย์ที่ช่วยให้ตัวเธอเองสามารถเยียวยาหัวใจก่อนจะค้นพบว่า สิ่งที่เธอได้พบเจอนั้นคือการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อก้าวข้ามผ่านช่วงวัย

 

The Secret Garden ดัดแปลงมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

The Secret Garden เคยถูกทำเป็นภาพยนตร์ถึงสี่ครั้งและมันยังถูกสร้างเป็นละครบรอดเวย์และทีวีซีรีส์อีกสี่เวอร์ชั่นแต่มันยังคงความสดใหม่ ไม่ตกยุคเหมาะกับการนำเสนอให้เยาวชนยุคนี้ที่พลาดเวอร์ชันที่ผ่านๆมาได้รับชม โดยเวอร์ชั่นก่อนหน้าที่เคยการสร้างคือเวอร์ชั่นปี 1993 ผลงานการกำกับของแอกเนสก้า ฮอลแลนด์ ภายใต้ชายคาของสตูดิโอวอร์เนอร์ บราเธอร์

สำหรับมือเขียนบทอย่างแจ็ค ธอร์นที่จับนิยายมาดัดแปลงให้กลายเป็นบทภาพยนตร์ แม้ว่าตัวเขาจะเคยอ่านงานเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แต่เขากลับพบว่าเมื่อนำกลับมาอ่านใหม่ในสายตาของผู้ใหญ่ เขากลับพบว่างานเขียนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์อันแสนซับซ้อนของเด็กหญิงเหลือขอที่ค้นพบคุณค่าของตัวเองอีกครั้ง และการดัดแปลงบทครั้งนี้เขาอยากจะชูประเด็นที่แมรี กลายเป็นเด็กก้าวร้าวเอาแต่ใจ ว่าจริงๆแล้วต้นตอของปัญหาทางอารมณ์ของเด็กคนหนึ่งนั้นอาจจะมีสาเหตุมาจากผู้ใหญ่ที่สามารถทำลายหัวใจอันแสนบริสุทธิ์ของเด็กๆได้อย่างง่ายดาย

ในวรรณกรรมต้นฉบับและบทภาพยนตร์นั้น แมรีเติบโตขึ้นมาในอินเดียและบอกเล่าว่าเด็กหญิงคนนี้ไม่ได้รับความรักจากภายในครอบครัวอย่างที่เธอควรจะได้รับ มันมีเหตุผลบางประการที่ทำให้แม่ของแมรี่ผู้เฉยชา ได้สร้างรอยแผลลึกๆในจิตใจของแมรีและทำให้เธอกลายเป็นคนก้าวร้าว

 

วิธีการดัดแปลงงานคลาสสิกให้ร่วมสมัย

เดวิด เฮย์แมน โปรดิวเซอร์ของ The Secret Garden เขาเป็นนักดัดแปลงวรรณกรรมเยาวชนให้กลายมาเป็นภาพยนตร์มากมายหลายต่อหลายเรื่องแต่เรื่องที่โด่งดังที่สุดคือการตัดสินใจหยิบเอางานเขียนของเจ.เค.โรว์ลิ่งอย่าง Harry Potter มาขึ้นจอใหญ่

แม้ว่างานเขียนต้นฉบับของ The Secret Garden จะเขียนขึ้นในปี 1910 แต่เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันยิ่งขึ้น ทีมงานจึงตัดสินใจเปลี่ยนฉากหลังของเรื่องให้เป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ราวปี1947 และได้สร้างบริบทเชิงประวัติศาสตร์ให้กับคฤหาสถ์มิสเซิลเธวตที่กำลังบูรณะหลังจากถูกใช้เป็นโรงพยาบาลชั่วคราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

ทีมงานต้องการจะเจาะลึกถึงความลับของครอบครัวที่หลอกหลอนคฤหาสถ์มิสเซิลเธวต จึงเพิ่มวิญญาณลึกลับเข้าไปในเรื่องทั้งทางสัญลักษณ์และที่จับต้องได้ซึ่งคือวิญญาณสองสาวฝาแฝดแม่ของแมรีและภรรยาของอาร์ชิบัลด์(แม่ของโคลิน) ซึ่งการปรากฏตัวของวิญญาณเหล่านี้คือภาพสะท้อนที่ทำให้ผู้ชมทำความเข้าใจอดีตอันแสนขมขื่นของครอบครัวนี้ รวมไปถึงหน้าที่ของแมรีในการประสานรอยร้าวของคนในครอบครัวและพยายามเยียวยาแผลใจของตัวเองอีกด้วย

เรื่องราวใน The Secret Garden ฉบับนี้จึงเน้นหนักไปที่เด็กหญิงที่มีแผลใจหลังจากถูกทิ้งให้เอาตัวรอดอยู่ตามลำพังที่อินเดีย ตอนที่เธอกลับมาอังกฤษเธออยู่ในช่วงฟื้นฟูจิตใจแต่ต้องมาเจอสภาพแวดล้อมไม่คุ้นเคยสิ่งเดียวที่พึ่งพาได้คือจินตนาการของเธอเอง หนังจึงอาศัยการตัดสลับไปมาระหว่างจินตนาการของแมรี (ที่เปรียบเสมือนภาพสะท้อนจิตใจของตัวละคร)

 

แมรี เลนน็อกซ์กับว่าที่นักแสดงดาวรุ่ง

การออดิชั่นนักแสดงที่จะมารับบทแมรี เลนน็อกซ์ทีมงานเฟ้นหาจากเหล่านักแสดงกว่า 800 ร้อยคนจนได้มาพบกับดิกซี่ เอเกอร์ริกซ์วัย12 ปี ซึ่งตัวเธอได้พูดถึงตัวละครของตัวเองว่า แมรีนั้นเป็นเด็กมีปัญหาเธอสูญเสียทุกสิ่งมีแต่ความเศร้าเต็มหัวใจ แต่พอเรื่องดำเนินไป ความสุขก็ค่อยเบ่งบานและเปลี่ยนเธอเป็นตัวละครที่น่าเอาใจช่วยเธออาจไม่ใช่คนอ่อนหวานแต่เธอไม่กลัวที่จะแสดงความเป็นตัวเองออกมา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook