10 หนังสายลับพยัคฆ์ร้าย James Bond 007 ที่ดีที่สุดตลอดกาล

10 หนังสายลับพยัคฆ์ร้าย James Bond 007 ที่ดีที่สุดตลอดกาล

10 หนังสายลับพยัคฆ์ร้าย James Bond 007 ที่ดีที่สุดตลอดกาล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าไม่มีสถานการณ์โควิด คอหนังทั่วโลกก็คงจะได้ดู No Time To Die หนัง James Bond ภาคสุดท้ายของ Daniel Craig ไปแล้ว หนังเลื่อนฉายไปเป็น 20 พฤศจิกายน และในตลาดต่างประเทศน่าจะไม่เลื่อนฉายอีกถ้าโมเดลการฉายของ Tenet ที่ฉายแบบไม่สนตลาดสหรัฐฯ สร้างรายได้ให้ค่ายหนังและโรงหนังทั่วโลกที่ขาดเงินจนแทบจะไม่ไหวกันหมด เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมกันชม Beartai What The Fact จึงหยิบ 10 ภาพยนตร์สายลับพยัคฆ์ร้ายที่ดีที่สุดตามคะแนนของเว็บไซต์ให้คะแนนหนัง Rotten Tomatoes โดยเป็นการหยิบคะแนนจากฝั่งมหาชนคนดู (ที่ไม่ได้รวมกับฝั่งนักวิจารณ์) เรียกว่า เป็น 10 หนังดีของ 007 ที่ครองใจคนดูมากที่สุดในบรรดา 25 เรื่อง

อันดับ 10 The Living Daylights (1987) – 66%

เป็น James Bond อีกคนที่รับบทน้อยที่สุดไว้แค่ 2 เรื่อง สำหรับ Timothy Dalton แต่หนึ่งในนั้นก็เป็นหนังที่ถูกใจแฟน ๆ อยู่พอสมควร กับการปรากฏตัวครั้งแรกของเขาในตอน The Living Daylights มีการวิเคราะห์กันว่า ที่ Bond ของ Dalton ไม่ประสบความสำเร็จนั้นเพราะท่าที “ใจร้อนแต่อ่อนไหว” ไม่เจือความตลกเลยมากเกินไปของเขา พลิกแนวจาก Roger Moore มากเกินไป และความจริงตอนแรกผู้อำนวยการสร้างจะให้ Pierce Brosnan มาเล่นตั้งแต่ตอนนี้เลยแต่ติดสัญญาซีรีส์ทางทีวีเรื่อง Remington Steel อยู่ จึงได้มาเล่นในอีก 2 ภาคถัดไป และได้ Dalton ที่เป็นนักแสดงละครเวทีเช็คสเปียร์มาแทน

The Living Daylights Movie Poster
  • นักแสดง: Timothy Dalton, Maryam d’Abo, Jeroen Krabbé, Joe Don Baker, John Rhys-Davies
  • ผู้กำกับ: John Glen (007-A View to a Kill Octopussy, License to Kill, Christopher Columbus: The Discovery)
  • ชื่อภาษาไทยของหนัง: 007 พยัคฆ์สะบัดลาย
  • วายร้ายประจำเรื่อง: นายพล Georgi Koskov แห่งโซเวียตที่ทำทีว่าขอลี้ภัย
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 40/51 ล้านเหรียญฯ
  • เรื่องย่อ: ณ ช่องแคบยิบรอลตา แผนกสายลับ 00 James Bond เข้าร่วมปฏิบัติการ แต่ก็มีสายลับ KGB ของสหภาพโซเวียตแฝงตัวเข้ามาหาสังหาร 004 แต่ Bond ก็สังหารสายลับ KGB คนนั้นได้ ต่อมา Bond ได้รับการติดต่อจากสายลับในเวียนนาว่า นายพล Georgi Koskov แห่งโซเวียตได้ติดต่อขอลี้ภัยพร้อมจะขายความลับในช่วงสงครามเย็นให้ฝั่งชาติเสรี แต่ Koskov เกือบถูกฆ่าโดยนักเล่นเชลโลหน้าสวย Kara Milovy สุดท้าย Bond ช่วย Koskov ลี้ภัยได้สำเร็จผ่านทางท่อเชื่อมส่งน้ำมันระหว่างประเทศ ก่อนที่ภายหลังจะเพิ่งรู้ตัวว่า เป็นการซ้อนแผนจัดฉากของโซเวียตที่จะแทรกซึม Koskov เข้ามาปฏิบัติการร้าย

อันดับ 9 You Only Live Twice (1967) – 68%

หนัง James Bond ลำดับที่ 5 ที่พลิกแนวไปจากเดิมตรงที่มาดำเนินเรื่องกันที่ประเทศญี่ปุ่น และใช้นักแสดงญี่ปุ่นกันเกือบตลอดทั้งเรื่อง หลังจากเรื่องนี้ Sean Connery ขอถอนตัวจากบท Bond หลังจากเรื่องนี้ หนังจึงได้ George Lazenby มารับบท Bond ใน On Her Majesty’s Secret Service (1969) แต่หนังประสบความล้มเหลวมาก ทำให้ผู้อำนวยการสร้างต้องกลับไปจีบ Connery มาสร้างความเชื่อมั่นอีกครั้ง ในภาคนี้หนังได้แสดงท่าทีกดขี่ทางเพศกับเพศหญิงอย่างชัดเจน ซ้ำสองด้วยการเป็นผู้หญิงเอเชียอย่างญี่ปุ่นเสียด้วย ตั้งแต่ฉากรวมรักของ Bond กับสาวฮ่องกงและญี่ปุ่นจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้น Bond ก็ได้เข้าพิธีแต่งงานแบบญี่ปุ่น (ปลอม ๆ เพื่อทำงานลับ) เป็นคร้ังแรก

Extra Large Movie Poster Image for You Only Live Twice (#4 of 4)
  • นักแสดง: Sean Connery, Donald Pleasence, Akiko Wakabayashi, Mie Hama, Tetsurô Tanba
  • ผู้กำกับ: Lewis Gilbert (007-Moonraker, The Spy Who Loved Me, Educating Rita)
  • ชื่อภาษาไทยของหนัง: จอมมหากาฬ 007
  • วายร้ายประจำเรื่อง: คู่ปรับตลอดกาล Blofeld แห่ง Spectre
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 9/111 ล้านเหรียญฯ
  • เรื่องย่อ: องค์การร้ายระดับโลก Spectre ร่วมมือกับประเทศจีน สร้างยานอวกาศพิเศษเพื่อดูดกลืนยานอวกาศของสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียต เพื่อให้เกิดการเข้าใจผิดระหว่างกันของขั้วมหาอำนาจและหวังจะให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 กองทัพเรือของอังกฤ๋๋ษต้นสังกัดเดิมของผู้การ Bond จึงขอความช่วยเหลือมายังหน่วย MI6 และขอให้ 007 ออกปฏิบัติการ มีการสร้างเรื่องว่า Bond ออกสืบราชการลับในฮ่องกงและถูกยิงตาย แต่จริง ๆ แล้วเป็นการสร้างข่าวลวง เขาบุกไปถึงญี่ปุ่นได้สู้กับซามูไรและนินจา เขาตามไปจนเจอฐานลับของ Spectre ที่ซ่อนไว้ในปล่องภูเขาไฟ และได้เผชิญหน้ากับคู่ปรับตลอดกาล Blofeld เป็นครั้งแรกในภาคนี้ ที่บอกกับ Bond (ที่แกล้งตายไปแล้วว่า) “คุณมีแค่สองชีวิตเท่านั่นละ”

อันดับ 8 Thunderball (1965) – 73%

ลิขสิทธิ์การสร้างหนัง James Bond ทุกตอนนั้นเป็นของบริษัท EON Production ของ Albert R. Broccoli และ Harry Saltzman จะมีก็แต่เรื่องราวในนิยายจากภาค Thunderball นี้เองที่ลิขสิทธิ์เป็นของ Kevin McClory ที่ถือลิขสิทธิ์ร่วมกับ Ian Flemming ผู้เขียนนิยาย EON ได้ทุมงบมหาศาลเพื่อซื้อสิทธิ์นิยายเรื่องนี้มาสร้าง ทำให้งบสร้างถีบตัวจาก 3 ล้านเหรียญฯ ในภาคก่อนเป็น 9 ล้านเหรียญฯ และก็ยังต้องยอมให้ Kevin McClory เป็นผู้อำนวยการสร้างแต่เพียงผู้เดียว Thunderball ยังเป็นหนัง 007 ที่ทำรายได้สูงสุดของ Sean Connery ด้วย

ต่อมา McClory ก็ได้นำเนื้อหาตอนนี้มารีเมกเป็นหนัง Bond อีกตอนที่ไม่ถูกนำรวมเข้าไปในจำนวน 50 เรื่องของ EON Production ชื่อเรื่อง Never Say Never Again (1983) ซึ่งได้ Sean Connery กลับมารับบทเดิมและเล่นในหนังที่เนื้อเรื่องเหมือนเดิมเป๊ะ

Extra Large Movie Poster Image for Thunderball (#4 of 4)
  • นักแสดง: Sean Connery, Claudine Auger, Adolfo Celi, Luciana Paluzzi, Rik Van Nutter
  • ผู้กำกับ: Terrence Young (007-Dr. No, From Russia With Love, Bloodline, Inchon)
  • ชื่อภาษาไทยของหนัง: ธันเดอร์บอล 007
  • วายร้ายประจำเรื่อง: มหาเศรษฐี Largo สมาชิกหมายเลข 2 ขององค์กร Spectre
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 9/141 ล้านเหรียญฯ
  • เรื่องย่อ: องค์การ Spectre วางแผนขโมยระเบิดปรมาณู 2 ลูกขององค์การ Nato โดย Blofeld ได้มอบหมายให้สมาชิกหมายเลข 2 Largo เป็นผู้ดำเนินการ โดยให้สมาชิกขององค์การปลอมตัวเพื่อเป็นนักบินของ Nato และสังหารนักบินตัวจริง Largo ส่งมือสังหารคนสวย Fiona เข้าไปจัดการฆ่านักบินที่ศูนย์พักฟื้นสุขภาพที่ James Bond ไปรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บอยู่พอดี Spectre ขโมยระเบิดปรมาณู 2 ลูกได้สำเร็จและเรียกค่าไถ่ 289 ล้านเหรียญฯ หรือ 100 ล้านปอนด์ ไม่อย่างนั้นจะถล่มใส่สักเมือง ไม่อังกฤษก็สหรัฐฯ Bond จึงต้องออกปฏิบัติการภายใต้รหัสลับ Thunderball เขาออกเดินทางไปหมู่เกาะบาฮามาส ได้รับความช่วยเหลือจาก CIA Felix Leiter เพื่อแทรกซึมเข้าไปตัว Largo ผ่านทาง Domino เมียเก็บของ Largo

 

 

อันดับ 7 The Spy Who Loved Me (1977) – 76%

เป็น James Bond ตอนที่ตั้งหลักได้ของ Roger Moore หลังจากสองตอนก่อนหน้าอย่าง Live and Let Die (1973) และ The Man with the Golden Gun (1974) ที่สองภาคนั้น Moore ยังเดินตามรอบ Sean Connery ในการเป็น Bond เจ้าสำอางค์ที่ขรึมและมาดเท่ ก่อนจะมาพลิกคาแร็คเตอร์เป็น Bond สายทะเล้นแต่ยังคงมีมาดในภาคนี้เป็นภาคแรก นางเอกของเรื่องคือ Barbara Bach ผู้มารับบทสายลับรัสเซีย Triple x ตัวจริงของเธอเป็นภรรยายของ Ringo Star แห่งวง The Beatles หนังแฝงบรรยกาศของสงครามเย็นที่ผ่อนคลายลงเมื่อสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียตร่วมมือกันรับมือกับเศรษฐีโรคจิตที่อยากจะก่อสงครามโลกครั้งที่ 3 หนังเรื่องนี้เป็นหนัง 007 ที่ออกฉายช่วงซัมเมอร์เป็นครั้งแรก (ภาคอื่นฉายช่วงคริสต์มาสมาตลอด) และโด่งดังตีคู่มากับ Star Wars: A New Hope ในปีนั้น

Extra Large Movie Poster Image for The Spy Who Loved Me (#2 of 3)

  • นักแสดง: Roger Moore, Barbara Bach, Curd Jürgens, Richard Kiel, Caroline Munro
  • ผู้กำกับ: Lewis Gilbert (007-Moonraker, You Only Live Twice, Educating Rita)
  • ชื่อภาษาไทยของหนัง: 007 พยัคฆ์ร้ายสุดที่รัก
  • วายร้ายประจำเรื่อง: Karl Stromberg มหาเศรษฐีที่มีกองทัพทหารส่วนตัว
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 14/46 ล้านเหรียญฯ
  • เรื่องย่อ: Karl Stromberg มหาเศรษฐีนักสมุทรศาสตร์ ต้องการก่อสงครามโลกครั้งที่ 3 และสร้างโลกใหม่ใต้ทะเล (หนังวางตัวให้ Stromberg เหมือนวายร้าย Blofeld ใน 007 เวอร์ชันของ Connery) เรื่องเริ่มต้นเมื่อเรือดำน้ำของอังกฤษและโซเวียตเกิดหายไปอย่างลึกลับทั้งคู่ M ส่ง 007 เข้าปฏิบัติการ ส่วนนายพล Gogol ส่งสายลับสาวสวย Anya Triple X เข้าร่วมด้วย Bond เพิ่งฆ่าคนรักของ Anya ในปฏิบัติการก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาปิดบัง Anya จนตอนท้ายเรื่องถึงยอมบอก พงกเขาปลอมตัวเป็นนักสมุทรศาสตร์ไปพบกับ Stromberg ที่ฐานลับใต้ทะเลก่อนจะถูกจับได้ และนำตัวไปที่แอตแลนติส เมืองใต้น้ำของ Stromberg ที่เก็บเรือดำน้ำสองลำที่หายไปไว้ Bond ต้องสวมชุดทหารเรือนำทีมทหารเรืออังกฤษเข้าประจัญบาน

อันดับ 6 Dr. No (1962) – 82%

ตอนแรกสุดอันถือเป็นต้นกำเนิดของหนัง James Bond ตลอด 25 เรื่อง Sean Connery ที่เคยเข้าประกวดมิสเตอร์ยูนิเวอร์สหรือชายงานจักรวาลจนได้อันดับ 3 และเคยรับบทเล็ก ๆ ในหนังของ Disney ได้รับการคัดเลือกมารับบทสายลับพยัคฆ์ร้าย เขาเป็นชาวสก็อตแลนด์ แต่ด้วยเพราะมีบุคลิกได้สัดส่วนแกมแววเจ้าชู้ จึงทำให้ได้รับบทนี้ไป สมทบด้วย Ursula Andress นักแสดงสาวที่กลายเป็นดาวเซ็กซี่มาอีกหลายสิบปี หนังภาคแรกยังคงเอกลักษณ์นิยายของ Ian Flemming ในการเป็นเรื่องราวสายลับแต่เพิ่มเติมบทบู๊โลดโผนเข้าไปทำให้ถูกใจคอหนังทั่วโลก แม้ตอนฉายจะมีกลุ่มหัวอนุรักษ์นิยมออกมาต่อต้านหนังว่าเต็มไปด้วยฉากเซ็กซ์และความรุนแรงที่มากเกินไปก็ตาม

Extra Large Movie Poster Image for Dr. No (#7 of 14)

  • นักแสดง: Sean Connery, Ursula Andress, Joseph Wiseman, Jack Lord, Bernard Lee, Lois Maxwell
  • ผู้กำกับ: Terrence Young (007- From Russia With Love, Thunderball, Bloodline, Inchon)
  • ชื่อภาษาไทยของหนัง: พยัคฆ์ร้าย 007
  • วายร้ายประจำเรื่อง: เศรษฐีนักวิทยาศาสตร์ Dr. No แห่ง Spectre
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 1/16 ล้านเหรียญฯ
  • เรื่องย่อ: เมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการของอังกฤษและเลขานุการส่วนตัวถูกฆ่าตายอย่างลึกลับที่จาไมก้า James Bond ได้รับคำสั่งจาก M ให้เขาไปสืบสวน พร้อมกับหาสาเหตุว่า ทำไมจรวดของสหรัฐฯ ที่ส่งไปจากแหลมคาร์นาเวอร์รัลจึงไม่ตกไปยังพิเนที่เป้าหมายที่กำหนดไว้ ที่จาไมก้า Bond ได้พบกับสายลับ CIA Felix Leiter และได้สืบสาวไปจนเกือบจะถูก Miss Taro ฆ่าตาย เธอเชื่อมโยงไปถึง Dr. No บุรุษลึกลับที่ Bond ตามไปจนถึงเกาะลึกลับที่ไม่มีใครกล้าเดินทางไป Bond ได้พบกับ Dr. No สมาชิกคนสำคัญขององค์การร้าย Spectre ที่สร้างเครื่องมือพิเศษเพื่อควบคุมเรดาร์นำวิถีแบบพิเศษล่าสุด เพื่อให้ไปตกยังที่ใดก็ได้ตามที่ต้องการ Bond จึงต้องหยุดยั้งวายร้ายคนนี้ให้ได้

อันดับ 5 Goldeneye (1995) – 83%

หนัง 007 ตอนแรกของ James Bond ที่กลับไปสู่ภาพลักษณ์ที่คล้ายกับ Sean Connery มากที่สุดและคงจะพูดไม่ผิดว่า คอหนังที่โตมาในยุค 90s ต่างก็มีภาพจำว่า James Bond ก็คือ Pierce Brosnan คนนี้ หลังจากติดคิวซีรีส์ทางโทรทัศน์มา 2 ตอน ประจวบกับ Timothy Dalton ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ Bond จึงเปลี่ยนมาเป็นเขา ก่อนหน้านี้ Brosnan เคยรับบทสายลับ KGB ถล่มอังกฤษในหนังสายลับ The Fouth Protocol (1987) หนังยังสมทบด้วย Sean Bean ที่เล่นเรื่องไหนต้องตายเรื่องนั้น (เรื่องนี้ไม่แปลกเพราะเป็นผู้ร้าย) กับบทเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดกับ 007 และ Famke Janssen มารับบทสายลับรัสเซียสวยโหด

GoldenEye Movie Poster

  • นักแสดง: Pierce Brosnan, Sean Bean, Famke Janssen, Joe Don Baker, Judi Dench, Robbie Coltrane
  • ผู้กำกับ: Martin Campbell (007- Casino Royale, Green Lantern, The Mask of Zorro, Vertical Limit)
  • ชื่อภาษาไทยของหนัง: พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลก
  • วายร้ายประจำเรื่อง: เพื่อนซี้อดีตสายลับ รหัส 006 Alec Trevelyan
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 60/352 ล้านเหรียญฯ
  • เรื่องย่อ: Alec Trevelyan สายลับ 006 ออกปฏิบัติการร่วมกับ 007 บุกไปโรงงานผลิตอาวุธเคมี แต่พลาดท่าถูกนายพล Ourumov ยิงจนเสียชีวิต ส่วน Bond ก็ถล่มทหารรัสเซียจนราบคาบและรอดมาได้ ต่อมาอีก 9 ปี James Bond ต้องพบกับองค์กรร้าย Janus โดยต้องต่อสู้กับสายลับรัสเซียสุดแกร่ง Xenia เธอเป็นลูกน้องของนายพล Ourumov ที่กำลังวางแผนขโมยรหัสลับควบคุมดาวเทียม Golden Eye ที่ใช้พลังงานคลื่นแเม่เหล็กไฟฟ้าถล่มที่ไหนของโลกก็ได้ Xenia ถล่มศูนย์ควบคุมอวกาศจนเจ้าหน้าที่รอดอยู่แค่คนเดียวคือ Natalya Simonova นอกจากนั้นเครื่องบินของรัสเซียและดาวเทียมของสหรัฐฯ ก็โดนถล่มไปด้วย Bond สืบจนเจอว่า 006 ยังไม่ตายและอยู่เบื้องหลังแผนการก่อการร้ายนี้ร่วมกับนายพล Ourumov ด้วย

อันดับ 4 From Russia With Love (1963) – 84%

ตอนที่ 2 ของสายลับพยัคฆ์ร้ายหลังจากความสำเร็จในภาคแรก ทำให้ได้ทุนสร้างเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเท่าตัว Seam Connery ยังคงกลับมารับบทเดิมที่แจ้งเกิดเขาให้เป็นนักแสดงระดับโลก สมทบด้วยนางเอก Daniela Bianchi ชาวอิตาเลียนที่ Ian Flemming ผู้เขียนนิยายแนะนำให้มารับบทนี้ หลังจากเล่นเรื่องนี้เธอแต่งงานกับมหาเศรษฐีและอำลาวงการแสดงไป หนังยังเป็นการปรากฎตัวครั้งแรกของ Q หัวหน้าแผนกอาวุธของหน่วยงานราชการลับอังกฤษ รับบทโดย Desmond Llewelyn ซึ่งรับบทนี้ยาวนานมาจนถึงภาค The World is not Enough (2000) ก่อนจะเสียชีวิต และหนังยังเปิดตัววายร้ายตลอดกาล Blofeld เป็นครั้งแรก ที่ยังไม่เปิดเผยใบหน้า เพียงแต่นั่งลูบแมวเปอร์เซียสีขาวเท่านั้น

Extra Large Movie Poster Image for From Russia With Love (#3 of 15)

  • นักแสดง: Sean Connery, Daniela Bianchi, Pedro Armendáriz, Lotte Lenya, Robert Shaw
  • ผู้กำกับ: Terrence Young (007- Dr. No, Thunderball, Bloodline, Inchon)
  • ชื่อภาษาไทยของหนัง: เพชรฆาต 007
  • วายร้ายประจำเรื่อง: สายลับสองหน้าชาวรัสเซีย Rosa Klebb
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 2/24 ล้านเหรียญฯ
  • เรื่องย่อ: องค์การ Spectre ต้องการกำจัด James Bond เพราะแค้นที่ฆ่า Dr. No สมาชิกคนสำคัญแถมยังทำลายแผนการจะครองโลก จึงได้ส่งสมาชิกลำดับ 3 Rosa Klebb กับสมาชิกลำดับ 5 ที่เป็นนักหมากรุกระดับแชมป์โลก วางแผนฆ่า Bond Klebb ใช้สาวสวย Tatiana Romanova เจ้าหน้าที่สถานทูตรัสเซียเป็นเหยื่อล่อ Bond ที่ได้รับคำสั่งให้มารับเครื่องมือถอดรหัสรุ่นใหม่จากสถานทูตรัสเซียที่ประเทศตุรกี เมื่อ 007 ได้รับเครื่องถอดรหัสไปแล้ว เขาและ Tatiana ที่ Bond มารู้ทีหลังว่าถูกหลอกเป็นเหยื่อล่อ ก็ถูกติดตามจากสายลับ Donald ‘Red’ Grant ลูกน้องของ Klebb ที่จะมาแย่งเครื่องมือถอดรหัสจาก Bond Red ทั้งโหดและฝีมือใกล้เคียงกับเขา จนกระทั่ง Bond ได้เผชิญหน้ากับ Rosa Klebb ในท้ายที่สุด

อันดับ 3 Skyfall (2012) – 89%

อาจจะเป็น James Bond ในช่วงหลัง ๆ ที่ดีที่สุดสำหรับใครหลายคน การันตีด้วยการคว้ารางวัลสองรางวัลออสการ์ ทั้งสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม “Skyfall” โดย Adele และ Paul Epworth รวมถึงสาขาผสมเสียงยอดเยี่ยม หนังยังเป็น 007 เรื่องแรกที่ทำรายรับรวมทั่วโลกเกินพันล้านเหรียญฯ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นผลมาจากเรื่องราวของหนังที่แสนเข้มข้น เต็มไปด้วยความสูญเสียของ Bond ต่อตัวละครที่เขาและคนดูผูกพันมานาน แถมยังได้นักแสดงออสการ์ Javier Bardem มารับบทวายร้าย Silva ที่หลอนจนติดตาชนิดที่ไม่ได้เห็นในหนัง Bond มานานแล้ว หนังจงใจมาในธีม Nostalgia ย้อนสิ่งละอันพันละน้อยของหนัง 007 ตอนเก่า ๆ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีของหนังชุดนี้ด้วย

Extra Large Movie Poster Image for Skyfall (#6 of 11)

  • นักแสดง: Daniel Craig, Judi Dench, Javier Bardem, Ralph Fiennes, Naomie Harris, Albert Finney
  • ผู้กำกับ: Sam Mendes (007- Spectre, 1917, American Beauty, Road to Perdition)
  • ชื่อภาษาไทยของหนัง: พลิกรหัสพิฆาตพยัคฆ์ร้าย 007
  • วายร้ายประจำเรื่อง: อดีตสายลับ MI6 แปรพักตร์ Silva
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 200/1,108 ล้านเหรียญฯ
  • เรื่องย่อ: ที่อิสตันบูล 2 สายลับ 007 และ Eve ได้รับภารกิจให้ตามยึดฮาร์ดไดรฟ์ที่บรรจุข้อมูลเกี่ยวกับสายลับองค์การ Nato Bond ถูกยิงและตกลงไปสู่แม่น้ำเบื้องล่าง เมื่อไม่พบศพจึงตกอยู่ในสถานะ “หายสาบสูญ คาดว่าเสียชีวิตแล้ว” ต่อมา เมื่อภารกิจล้มเหลว M ถูกกดดันให้ลาออกและเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ศูนย์บัญชาการของ MI6 Bond เดินทางกลับมาเพื่อรับภารกิจ และใช้เศษกระสุนที่ถูกยิงที่ไหล่คราวทำภารกิจที่อิสตันบูล ใช้สาวไปหาตัวคนร้ายที่ลูกน้องมายิงเขาและเกี่ยวข้องกับระเบิดที่ MI6 นั่นก็คือ Silva อดีตสายลับ MI6 แปรพักตร์ Silva แกล้งถูกจับเพื่อกลับมาฆ่าล้างแค้น M Bond จึงต้องพา M หนีเพราะไม่อาจไว้ใจใครได้อีกต่อไป ทั้ง M และ Bond จึงได้ใช้เวลาระหว่างทางเรียนรู้ซึ่งกันและกันเป็นครั้งสุดท้าย

อันดับ 2 Goldfinger (1964) – 89%

เป็นตอนที่คอหนังชอบที่สุดของ Sean Connery รวมถึงยังเป็น Bond ตอนที่ Steven Spielberg ผู้กำกับชื่อดังชอบมากที่สุดด้วย Goldfinger เป็นตอนที่ Bond เริ่มเปลี่ยนจากหนังนิ่ง ๆ มีฉากแอ็กชันไม่เยอะ มาเป็นหนังที่เข้าสู่สูตรสำเร็จของหนัง 007 ที่ปรากฎมาจนถึงยุคหลัง นั่นคือการเปิดเรื่องด้วยฉากแอ็กชันตื่นตา และเต็มไปด้วยฉากสัมพันธ์หวาบหวามกับสาว ๆ หนังยังมีตัวละครสาวใหญ่ครั้งแรกที่อายุมากกว่า Bond มาเป็นสาว Bond นั่นคือ Pussy Galore ที่ในนิยายของ Flemming บอกว่าเธอเป็นเลสเบียนด้วย แต่ในที่สุดเธอก็พ่ายแพ้ต่อเสน่ห์ของ Bond ตอนนี้เป็นตอนเดียวของ Connery ที่ตัวร้ายไม่ได้ข้องเกี่ยวกับองค์การ Spectre เลย

Extra Large Movie Poster Image for Goldfinger (#3 of 4)

  • นักแสดง: Sean Connery, Gert Fröbe, Honor Blackman, Shirley Eaton, Tania Mallet
  • ผู้กำกับ: Guy Hamilton (007- Diamonds Are Forever, Live and Let Die, The Man with the Golden Gun)
  • ชื่อภาษาไทยของหนัง: จอมมฤตยู 007
  • วายร้ายประจำเรื่อง: นายทหาร Goldfinger
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 3/124 ล้านเหรียญฯ
  • เรื่องย่อ: James Bond ไปพักผ่อนที่ไมอามี เขาได้รับคำสั่งให้ติดตาม Goldfinger มหาเศรษฐีนักธุรกิจการเงินระดับโลก Bond จับกลโกงไพ่ของเขาได้ตอนเจอกันที่ไมอามี จากความช่วยเหลือของ Jill Masterson ที่ Bond มีสัมพันธ์ด้วยก่อนที่เธอจะถูกฆ่าตายและถูกทองคำทาทั่วศพของเธอ อีกครั้ง Bond ซ้อนแผนกลโกงของเขาตอนมาเล่นตีกอล์ฟด้วยกัน นั่นทำให้ Goldfinger แค้นฝังใจ หลักฐานปรากฎว่า Goldfinger ลักลอบขนทองคำข้ามประเทศและเป็นผู้สะสมทองจำนวนมาก และกำลังจะปล้นทองคำสำรองของสหรัฐฯ ที่ฟอร์ดน็อกซ์ และทำลายทองคำเหล่านั้นด้วยนิวเคลียร์ด้วยความร่วมมือจากประเทศจีน โดยหวังจะให้ทองคำสำรองของสหรัฐฯ ปนเปื้อนไปทั่วโลก 007 จึงต้องหยุด Goldfinger ให้ได้

อันดับ 1 Casino Royale (2006) – 89%

หนัง James Bond ที่ดีที่สุดสำหรับการจัดอันดับในครั้งนี้ และสำหรับคอหนังที่ชอบเรื่องโรแมนติคดราม่า เพราะภาค Casino Royale นั้นจัดเรื่องรักของ Bond ที่ต้องใจสลายและทำให้เขาไม่อาจรักใครได้อีกในหลายเรื่องต่อมา จริง ๆ แล้ว Casino Royale นั้นเป็นหนังสือเล่มแรกที่ Ian Flemming เขียนเรื่อง 007 แต่ยังไม่เคยมีการสร้างตอนนี้ออกมาจนกระทั่งได้ Daniel Craig ที่ถูกต่อต้านอย่างหนักตอนประกาศชื่อให้เป็น Bond มารับเล่น เพราะหน้าตาไม่หล่อแถมยังผมสีบลอนด์อีกต่างหาก (Bond ผมสีน้ำตาลดำมาตลอด)

 

แต่ด้วยเรื่องราวที่เหมือนรีเมกแฟรนไชส์นี้กลาย ๆ (แม้ M จะเป็นคนเดิม) และการเข้าคู่กันของ Criag และ Eva Green ก็ทำให้ Craig ลบข้อครหาได้แถมหนังยังประสบความสำเร็จอย่างดี รวมถึงแนวทางของหนังที่เปลี่ยนไปเป็นหนังสายลับที่ฉากบู๊แอ็กชันสมจริง ดุเดือด เหมือนหนังตระกูล Bourne หรือ Mission Impossible ก็ถูกใจคนดูสมัยใหม่ หนังเป็นผลงานกำกับของ Martin Campbell ที่เคยแจ้งเกิด Brosnan เป็น 007 มาแล้วใน Goldeneye (1995)

Casino Royale Movie Poster

  • นักแสดง: Daniel Craig, Eva Green, Mads Mikkelsen, Judi Dench, Jeffrey Wright, Giancarlo Giannini
  • ผู้กำกับ: Martin Campbell (007- Goldeneye, Green Lantern, The Mask of Zorro, Vertical Limit)
  • ชื่อภาษาไทยของหนัง: พยัคฆ์ร้ายเดิมพันระห่ำโลก
  • วายร้ายประจำเรื่อง: นักพนันและนักค้าอาวุธสงคราม Le Chiffre
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 150/616 ล้านเหรียญฯ
  • เรื่องย่อ: หลังจากที่ได้รับรหัสประจำตัว 007 ได้ไม่นาน ภารกิจเสี่ยงตายครั้งแรกของสายลับ James Bond ก็อุบัติขึ้น ชีวิต อาชีพ และจิตวิญญาญของชายหนุ่มถูกเปลี่ยนจากคนธรรมดา ไปสู่สายลับมือล่าสังหาร Bond ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจครั้งแรกที่บ่อนคาสิโนรอยัล เพื่อสืบหากลุ่มผู้ก่อการร้ายรายใหญ่ Bond ได้เผชิญหน้ากับ Le Chiffre อาชญากรร้ายข้ามชาติ หัวหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้ายรายใหญ่ เพื่อโค่น Le Chiffre 007 จึงต้องต่อกรกับวายร้ายรายนี้ ทั้งบนโต๊ะพนันไพ่และจากการถูกลอบสังหารลับหลัง ฝั่งทางการไม่ไว้ใจให้เงิน Bond มาเล่นพนันจำนวนมาก เลยส่ง Vesper Lynd เจ้าหน้าที่มาแฝงตัวด้วย Bond และ Lynd จะรักกันอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่จะถูก Lynd หักหลังทั้งที่ยังรักกันมาก นั่นทำให้เรื่องเดินไปสู่โศกนาฏกรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook