ไม่ได้มีแค่ชิบูยะ! 5 สถานที่ที่คุณจะพบกับอนุสาวรีย์ฮาจิโกะ

ไม่ได้มีแค่ชิบูยะ! 5 สถานที่ที่คุณจะพบกับอนุสาวรีย์ฮาจิโกะ

ไม่ได้มีแค่ชิบูยะ! 5 สถานที่ที่คุณจะพบกับอนุสาวรีย์ฮาจิโกะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของ ฮาจิโกะ สุนัขแสนซื่อสัตย์ ซึ่งมีเรื่องราวเล่าขานกันมายาวนานในญี่ปุ่น สำหรับคนญี่ปุ่นที่ยึดถือเรื่องความซื่อสัตย์แล้ว นี่ถือเป็นเรื่องราวสุดซาบซึ้งน่าจดจำเป็นที่สุด จนกระทั่งกลายมาเป็น อนุสาวรีย์ฮาจิโกะ ที่ยืนเด่นอยู่หน้าสถานีชิบูยะมายาวนาน แต่เชื่อหรือไม่ว่า อนุสาวรีย์ของหมาน้อยแสนซื่อสัตย์ตัวนี้ ไม่ได้มีแค่ที่ชิบูยะ แต่ยังมีอีกหลายที่ในญี่ปุ่น ซึ่งเราจะพาไปแนะนำให้รู้จักกัน แต่ก่อนอื่น ขอเล่าเรื่องราวอันแสนประทับใจของเจ้าฮาจิโกะตัวนี้ก่อนนะ

ฮาจิโกะ เรื่องราวแห่งความภักดี

5 Places Related To Hachiko - Follow The Pawsteps Of The Famous Dog!

ในปี ค.ศ. 1924 ฮิเดะซะบุโร อุเอะโนะ ศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยโตเกียว ได้นำสุนัขพันธุ์อากิตะตัวหนึ่งมาเลี้ยง โดยให้ชื่อมันว่า ฮาจิ แปลว่าเลข 8 ซึ่งถือเป็นเลขนำโชคของคนญี่ปุ่น ทุกๆ เช้าเจ้าฮาจิจะเดินไปส่งศาสตราจารย์อุเอะโนะขึ้นรถไฟที่สถานีชิบูยะ และไปรับเจ้านายตอนบ่ายเพื่อเดินกลับบ้านด้วยกัน

เช้าวันหนึ่งในเดือนพฤษภาคมปีต่อมา ศาสตราจารย์อุเอะโนะขึ้นรถไฟไปทำงานตามปกติ แต่ก็เกิดเรื่องเศร้าขึ้น เขาไม่ได้เดินทางกลับมาอีกเลย เพราะอุเอะโนะเกิดอาการเลือดออกในสมองและเสียชีวิตที่มหาวิทยาลัยในวันนั้น แต่ฮาจิที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้ ยังคงเดินทางไปรอรับเจ้านายที่สถานีชิบูยะทุกวันไม่เคยขาด

หลายคนพยายามจะพาฮาจิไปเลี้ยง แต่ทุกครั้งมันก็จะหนีออกมารอเจ้านายที่สถานีชิบูยะทุกครั้งไป จนในที่สุดมันก็อาศัยอยู่ที่บ้านของอดีตชาวสวนใกล้ๆ กับสถานีนั่นเอง และทุกๆ วันมันก็จะวิ่งมาที่สถานีเพื่อรอรับเจ้านายกลับมาเหมือนเดิม

ในตอนนั้นเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟและคนท้องถิ่นบางคน ออกจะไม่พอใจนักเพราะรู้สึกว่าเหมือนมีสุนัขจรจัดมาดักซุ่มอยู่แถวสถานี จึงพยายามไล่มันออกไป แต่ก็เหมือนเดิมคือ ไม่สำเร็จ เพราะเจ้าฮาจิยังคงมาที่สถานีทุกวันเพื่อรอรับเจ้านายกลับบ้าน

จนวันหนึ่งอดีตลูกศิษย์ของศาสตราจารย์อุเอะโนมาได้ยินเรื่องนี้เข้า เขาประทับใจมากจึงเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับสุนัขที่แสนซื่อสัตย์ตัวนี้ออกมาในช่วงต้นปี ค.ศ. 1930 และนับแต่นั้น เจ้าฮาจิก็กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ประจำชาติญี่ปุ่นไป และคนได้เติมคำว่า โกะ ตรงท้ายชื่อของฮาจิ เพื่อแสดงถึงความรักและชื่นชม ทุกคนจึงเรียกฮาจิว่า ฮาจิโกะ นับแต่นั้นเป็นต้นมา

ฮาจิโกะยังคงมารอเจ้านายที่สถานีทุกวันเป็นเวลาเกือบสิบปี จนกระทั่งมันจากไปในเดือนมีนาคมปี ค.ศ. 1935

ทีนี้เรามาดูกันว่า เราจะไปพบกับเจ้าฮาจิโกะได้ที่ไหนบ้าง

1. สถานีรถไฟชิบูยะ

5 Places Related To Hachiko - Follow The Pawsteps Of The Famous Dog!

จุดที่ถือว่าเป็นที่รู้จักมากที่สุด นั่นคือที่ด้านหน้าฝั่งขวาของสถานีชิบูยะ รูปปั้นสัมฤทธิ์ของฮาจิโกะตั้งอยู่ตรงประตู Hachiko Exit ประตูแห่งนี้ได้รับชื่อตามอย่างเจ้าฮาจิโกะ เพราะคาดว่านี่เป็นประตูที่ฮาจิโกะมานั่งรอเจ้านายมันนั่นเอง รูปปั้นฮาจิโกะตรงชิบูยะนี้ เป็นจุดที่มีคนมาถ่ายรูปกันเยอะมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งในปี ค.ศ. 2014 หิมะตกหนักจนรถไฟต้องหยุดวิ่ง มีคนติดค้างที่สถานีชิบูยะจนแน่นขนัด ตอนนั้นมีคนเกิดสร้างสรรค์ เอาหิมะมาปั้นเป็นรูปฮาจิโกะ ตั้งอยู่ข้างๆ อนุสาวรีย์ด้วย

แม้อนุสาวรีย์หน้าสถานีชิบูยะจะสร้างมายาวนานจนเป็นที่รู้จัก แต่รู้หรือไม่ว่า นี่ไม่ใช่รูปปั้นตัวดั้งเดิม รูปปั้นฮาจิโกะดั้งเดิมนั้นเปิดตัวในปี ค.ศ. 1934 หรือ 1 ปีก่อนที่ฮาจิจะเสียชีวิต ดังนั้นวันที่เปิดตัวรูปปั้น เจ้าฮาจิก็ยังมาร่วมเป็นสักขีพยานด้วยเลย แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง วัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างขาดแคลน รูปปั้นฮาจิโกะจึงถูกนำไปหลอมและรีไซเคิลใหม่เพื่อใช้ในช่วงสงครามนั่นเอง จนกระทั่งปี ค.ศ. 1948 ทาเคชิ อันโด บุตรชายของศิลปินผู้สร้างรูปปั้นดังเดิมได้หลอมรูปปั้นฮาจิโกะนี้ขึ้นมาใหม่ และยังคงตั้งอยู่จนถึงปัจจุบัน

ทุกๆ ปีในวันที่ 8 มีนาคม ซึ่งเป็นเหมือนครบรอบการจากไปของฮาจิ บรรดาคนที่รักสุนัข จะพากันมารำลึกถึงฮาจิโกะกันที่รูปปั้นแห่งนี้

 

5 Places Related To Hachiko - Follow The Pawsteps Of The Famous Dog!

อันที่จริงนอกจากรูปปั้น คุณจะยังได้เห็นงานศิลปะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับฮาจิบริเวณสถานีชิบูยะแห่งนี้ด้วย เช่น โมเสกหลากสีบนกำแพงที่อยู่ริมขวาด้านหน้าของประตู Hachiko Exit มีฮาจิโกะในท่าทางน่ารักๆ หลายแบบเลย

5 Places Related To Hachiko - Follow The Pawsteps Of The Famous Dog!

5 Places Related To Hachiko - Follow The Pawsteps Of The Famous Dog!

หรือมองให้ดีที่ฝาท่อใกล้ๆ กับรูปปั้น ก็มีรูปฮาจิโกะเหมือนกัน

5 Places Related To Hachiko - Follow The Pawsteps Of The Famous Dog!

พื้นของทางเดินใต้ดินบริเวณใต้ฐานรูปปั้นมีรอยอุ้งเท้าสุนัขเต็มไปหมด นี่ก็เพื่อระลึกถึงฮาจิโกะด้วยนะ

และถ้าเดินออกไปไกลจากสถานีอีกสักหน่อย คุณจะได้พบกับรูปปั้นจำลองของฮาจิโกะตรงหน้าร้าน Tower Records สาขาชิบูยะด้วย

2. มหาวิทยาลัยโตเกียว ในอุเอะโนะ

5 Places Related To Hachiko - Follow The Pawsteps Of The Famous Dog!

ในปี ค.ศ. 2015 มหาวิทยาลัยโตเกียวได้เปิดตัวอนุสาวรีย์แห่งนี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่อดีตพนักงานและสุนัขตัวโปรด ปีดังกล่าวถือเป็นการครบรอบ 80 การจากไปของฮาจิโกะ ในภาษาญี่ปุ่น 80 ออกเสียงว่า ฮาจิจู จึงถือได้ว่าเป็นปีพิเศษสำหรับฮาจิโกะจริงๆ

5 Places Related To Hachiko - Follow The Pawsteps Of The Famous Dog!

รูปปั้นนี้ทำเป็นรูปศาสตราจารย์อุเอะโนะกับเจ้าฮาจิที่มีโอกาสกลับมาเจอกันอีกครั้ง ผู้ที่อยากเห็นสามารถไปเยี่ยมเยือนได้ทุกเวลา รูปปั้นอยู่ทางด้านขวาของประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยโตเกียว (ประตู No-Seimon) ตอนกลางคืนมีการฉายสปอร์ตไลท์พร้อมกับไฟตกแต่งด้วย ช่างเป็นภาพที่ชวนให้อบอุ่นหัวใจ

ข้อมูลแนะนำอีกเล็กน้อยก็คือ ที่พิพิธภัณฑ์ของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียวแห่งนี้ มีอวัยวะบางส่วนของฮาจิเก็บรักษาไว้ด้วย อวัยวะเหล่านี้เคยถูกนำออกมาตรวจสอบครั้งหนึ่งในปี ค.ศ. 2011 เพื่อสืบหาสาเหตุการตายของเจ้าสุนัขผู้ซื่อสัตย์ ถ้าคุณสนใจสามารถไปดูที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้

3. พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ในอุเอะโนะ

5 Places Related To Hachiko - Follow The Pawsteps Of The Famous Dog!

From The Japan Gallery at the National Museum of Nature and Science

สำหรับคนที่ประทับใจในตัวฮาจิโกะมากๆ เชื่อหรือไม่ว่า คุณสามารถไปเจอฮาจิโกะตัวจริงของแท้ได้! ที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ในอูเอะโนะนี่แหละ หลายคนที่เคยไปอาจจะไม่ทันสังเกตหรือมองข้ามไป แต่ถ้าลองสังเกตในบรรดาสัตว์ที่สตัฟฟ์ไว้ดีๆ จะเห็นมีป้ายชื่อเล็กๆ เขียนไว้ว่า Akita dog (Hachi) ตั้งอยู่กับสุนัขตัวอื่นอีกสองตัว บางคนอาจจะคิดว่าเป็นแค่หมาพันธุ์อะคิตะทั่วไป ที่ดูคล้ายฮาจิเท่านั้นหรือเปล่า บอกเลยว่าไม่ใช่ เพราะนี่คือฮาจิโกะตัวจริง ที่ทางพิพิธภัณฑ์ได้สตัฟฟ์ไว้ ส่วนสุนัขอีกสองตัวที่อยู่กับมันคือ จิโร่กับทาโร่

จิโร่กับทาโร่ เป็นสุนัขลากเลื่อนพันธุ์ฮัสกี้ ที่ออกสำรวจทวีปแอนตาร์กติกาไปพร้อมกับนักสำรวจชาวญี่ปุ่น แต่ด้วยสภาวะอากาศที่เลวร้ายและอุปสรรคด้านการเดินทาง ทำให้นักสำรวจต้องทิ้งสุนัขลากเลื่อนเกือบทั้งหมดไว้ที่ขั้วโลกใต้ตามยถากรรม จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานถึง 1 ปี นักสำรวจจึงได้กลับไปใหม่ และพบว่าสุนัขที่ทิ้งไว้ตายเกือบหมด เหลือเพียงจิโร่กับทาโร่ สองยอดนักสู้ ที่เอาชีวิตรอดผ่านความอดอยากจนกลับบ้านได้ และมาอยู่กับฮาจิที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ในที่สุด

4. สุสานอาโอยามะ

5 Places Related To Hachiko - Follow The Pawsteps Of The Famous Dog!

From 5 Excellent And Less Crowded Cherry Blossom Viewing Spots In Tokyo

โดยปกติคนญี่ปุ่นไม่นิยมฝังสัตว์ไว้ร่วมกับคน แต่กับกรณีของฮาจิคงไม่มีอะไรเหมาะสมไปกว่า การฝังเถ้ากระดูกของมันข้างๆ กับศาสตราจารย์อุเอะโนะผู้เป็นเจ้านาย เพื่อให้ทั้งสองได้พบกันหลังจากที่มันรอคอยมายาวนานนับสิบปี สุสานของฮาจิสังเกตไม่ยาก ลองดูจุดที่เป็นศาลเจ้าเล็กๆ รูปทรงคล้ายๆ บ้านสุนัขก็จะรู้แล้ว

สำหรับคนที่ไปสุสานอาโอยามะช่วงฤดูใบไม้ผลิ จะได้ชมบรรยากาศซากุระบานอันแสนสวยงามด้วย

5. เมืองโอดะเตะ ในจังหวัดอะกิตะ

5 Places Related To Hachiko - Follow The Pawsteps Of The Famous Dog!

©Akita Prefecture/©JNTO

เมืองโอดะเตะ จังหวัดอะกิตะ ถือเป็นบ้านเกิดของสุนัขอะกิตะพันธุ์แท้อย่างฮาจิโกะเลย และเมืองนี้ก็ภูมิใจมากด้วยที่ได้เป็นจังหวัดบ้านเกิดของฮาจิโกะ ดังนั้นทุกคนจึงสามารถพบรูปปั้นและการ์ตูนฮาจิโกะได้ทั่วไปในเมืองนี้เลย

จุดยอดนิยมก็คือ ด้านหน้าของสถานีรถไฟโอดะเตะ ที่นี่เป็นรูปปั้นฮาจิโกะแบบวัยเด็ก รูปปั้นนี้ถูกหล่อขึ้นครั้งแรกหลังจากรูปปั้นที่สถานีชิบูยะทำเสร็จเพียงไม่กี่เดือน ก่อนจะถูกนำไปหลอมในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเหมือนกัน และถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปีเดียวกันด้วย

อีกที่หนึ่งคือ พิพิธภัณฑ์สุนัขอะกิตะ ความพิเศษของรูปปั้นหน้าฮาจิโกะหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็คือ มันถูกสร้างขึ้นโดยวางไว้บนแท่นหินของรูปปั้นฮาจิโกะตัวดั้งเดิมที่อยู่ซึ่งชิบูยะ รูปปั้นหล่อตัวนี้ทำขึ้นในปี ค.ศ. 2004 โดยทางจังหวัดอะกิตะเป็นผู้ทำเอง

หากคุณหลงรักเจ้าฮาจิโกะ หรือเป็นคนรักสุนัข โอดะเตะเป็นหนึ่งในเมืองที่คุณควรจะมาเยือน เพราะคุณจะได้พบทั้งฮาจิโกะ และทั้งทัศนียภาพทางธรรมชาติที่งดงามเหลือเชื่อของจังหวัดอะกิตะด้วย

เรื่องราวความรักอันไม่รู้จบ และความภักดีที่ยังถูกกล่าวขานถึง

ความรักและภักดีของฮาจิโกะนั้น ไม่ว่าเอ่ยถึงเมื่อไหร่ ก็ยังคงจับใจผู้คนได้ทุกครั้ง จนกลายเป็นเรื่องราวเปี่ยมชีวิตชีวาที่ถูกเล่าขานครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งในวรรณกรรมและภาพยนตร์จากทั่วทั้งโลก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook