รีวิว Nokia 3110 Classic

รีวิว Nokia 3110 Classic

รีวิว Nokia 3110 Classic
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สิ่งที่ทำให้โทรศัพท์มือถือของ Nokia นั้นโดดเด่นเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้ใช้หลายๆ คน ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของฟังก์ชั่นเครื่องที่มีความแปลกใหม่ทันสมัยมาให้ใช้อยู่เสมอ ซึ่งก็น่าจะรวมถึงรูปลักษณ์ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อผู้ใช้ในกลุ่มต่างๆ อย่างครบถ้วน แต่นั่นก็หมายถึงราคาที่อาจจะ สูง หรือต่ำลดหลั่นกันไปตามฟังก์ชั่น หรือรูปแบบของเครื่องมือถือรุ่นนั้นๆ ด้วยเช่นกัน แต่จะมีใครบ้างที่พอจะนึกออกว่า Nokia นั้นก็ยังมีรุ่นสุดคุ้ม ในราคาที่ไม่แพงนักแต่สามารถใช้งานได้อย่างครบถ้วน ที่ปัจจุบันก็มีให้เห็นอยู่หลายรุ่น แต่วันนี้เราขอแนะนำเจ้า 3110 Classic ซึ่งเป็น Classic Series ตัวแรกที่เรานำมาให้ชมกันก่อนในวันนี้ ด้วยการเน้นรูปลักษณ์ที่เรียบง่าย แต่สวยงาม แถมยังมีฟังก์ชั่นเครื่องที่ทันสมัย และที่สำคัญราคาก็ยังย่อมเยา ไม่แพงอย่างที่หลายคนคิดซะด้วย สัมผัสโดยรวม : ตัวเครื่องนั้นทำจากวัสดุพลาสติกขึ้นรูปอย่างดี โดยด้านหน้านั้นจะมีการเคลือบที่ให้ความรู้สึกคล้ายกระจก โดยที่ด้านหลังนั้นมีการเสริมการเคลือบสีด้วยยาง ที่กันรอยขีดข่วนได้อย่างดี ส่วนตัวปุ่มกดนั้นถือว่าลงตัวมีขนาดใหญ่พอดีกับปลายนิ้วใช้งานง่าย ตัวอักษรบนปุ่มกดชัดเจนดี ส่วนปุ่มเมนูนั้นก็มีให้ครบตามมาตรฐานทั้งปุ่ม Navigator 5 ทิศทาง, ซอพต์คีย์ซ้าย-ขวา, ปุ่มโทรออก และวาสาย ส่วนปุ่มที่ใช้เปิด-ปิดเครื่องนั้นจะแยกอยู่ด้านบนหัวเครื่อง นอกจากนี้ยังมีช่องอินฟราเรด IR port อยู่ด้านข้างเครื่องซ้ายมือด้วย ส่วนด้านข้างทางขวามือนั้นจะมีเพียงปุ่ม Volume แบบ +/- เท่านั้น และแน่นอนว่าที่ด้านหลังเครื่องจะต้องมีเลนส์กล้องติดตั้งอยู่ กับช่องลำโพงที่ด้านข้างเลนส์กล้องด้วย แต่ที่ดูน่าแปลกใจก็คือที่ด้านล่างตัวเครื่องซึ่งเป็นทีติดตั้งช่องเสียบต่อต่างๆ นั้นจะมีช่อง miniUSB สำหรับเสียบสายดาต้ามาให้ด้วยพร้อมกับฝายาง โดยที่ข้างๆ กันนั้นก็จะเป็นช่อง Jack ขนาด 2.5 มิลลิเมตรสำหรับเสียบหูฟังสเตอริโอ และช่องเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่ที่อยู่ถัดกันไปนั่นด้วย ส่วนช่องรองรับการ์ด microSD นั้นถูกซ่อนไว้ด้านในใต้แบตเตอรี่ใกล้กับช่อง SIM ครับ หน้าจอ : ส่วนของจอแสดงผลนั้นจะเป็นชนิด TFT-LCD แบบรองรับความรเอียดสีถึง 262,000 สี (128 x 160 พิกเซล) หรือกว้างประมาณ 1.9 นิ้ว ซึ่งสามารถแสดงรายละเอียดต่างๆของเครื่องได้ตามมาตรของจอสีระดับสูง นอกจากนี้ก็ยังสามารถรองรับการตั้งแสดง Active standby menu ได้ด้วย หรือจะเลือกตั้งสีให้กับตัวอักษร (Font Color) ในโหมดสแตนด์บายได้ด้วยและแน่นอนว่าผู้ใช้ยังสามารถเลือกขนาด Font size สำหรับตัวอักษรขนาดต่างๆ ใน Messaging, Contact หรือใน Web เพื่อความคมชัดในการใช้งานของผู้สายตาไม่ปกติก็ได้ หากต้องการจะเลือกแสดง Navigation key icons บนหน้าจอก็สามารถทำได้เช่นกัน หรือผู้ใช้จะตั้งค่า Sleep mode, Power saver เพื่อเป็นการประหยัดไฟก็สามารถทำได้อีกเช่นกัน และแน่นอนว่าการเลือก Themes เมนูนั้นก็ยังมีให้ผู้ใช้ได้เลือกใช้อีกด้วยเรียกว่าครบเครื่องทีเดียว ส่วนความคมชัดของสีสัน และการแสดงผลนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจครับ รูปแบบเมนู : จะเป็นแบบ ซีรี่ย์ 40 ที่ค่อนข้างยืดหยุ่นต่อการปรับตั้งค่าแสดงเมนูได้หลากหลายทีเดียว โดยตัวเมนูนั้นก็สามารถตั้งแสดงแบบ Active standby หรือแบบแสดงไอคอนของปุ่ม Navigator แบบสี่ทิศบนหน้าจอด้วยก็ได้ ซึ่งการตั้งค่าของปุ่มเมนูสี่ทิศนั้นก็เข้าไปตั้งค่าเลือกได้ในเมนู My shortcuts ครับ ส่วนเมนูหลักนั้น ก็สามารถเลือกแสดงแบบ List หรือแบบ Grid ก็ได้ตามความถนัดครับ เสียงเรียกเข้า : เป็นเสียงมาตรฐานระดับ 64 โพลีโฟนิกรองรับทั้งแบบ MIDI, MP3, AAC/eAAC+, AMR audio clips และ video พร้อมกับมีเมนู Profiles มาให้เลือกปรับตั้งสถานการณ์เตือนในรูปแบบ หรือสถานการณ์แวดล้อมที่ต่างกันไปด้วย การเชื่อมต่อ : มีมาให้ค่อนข้างครบถ้วนทีเดียวทั้งระบบเชื่อมต่อการโอนถ่ายข้อมูลไร้สายแบบผ่านช่องอินฟราเรด, บลูทูธ สามารถเชื่อมต่อกับเครื่อง PC ด้วยช่อง miniUSB ในตัวได้ด้วย และหากต้องการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตก็ทำได้โดย WAP 2.0/xHTML Browser ผ่าน GPRS Class 10, EDGE Class 10 และ HSCSD ที่รองรับ 3GPP Video streaming พร้อมระบบ OMA/DRM 2.0 พร้อมกันนี้ยังสามารถรับ-ส่งข้อความผ่านรูปแบบ SMS, MMS และ Email แนบไฟล์ในเวอร์ชั่นของ Java ได้ด้วย เครื่องมีเดีย : แน่นอนว่ากล้องถ่ายรูปนั้นถูกจัดเป็นหนึ่งในเครื่องมือมีเดียนี้ กับความสามารถในระดับ 1.3 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอพร้อมเสียง (Video playback ในตัว) และภาพนิ่ง ซึ่งฟังก์ชั่นกล้องนั้นก็มากับโหมดปรับตั้งมาตรฐานของกล้องดิจิตอลระดับนี้ ซึ่งก็ยังไม่ลมใส่การปรับตั้ง White balance และเลือกซูมดิจิตอลได้ 8x มาให้ด้วย ส่วนที่น่าสนใจอีกอย่างก็คงหนีไม่พ้นเครื่องเล่นเพลงดิจิตอลหรือ Music player นั้นจะมีลูกเล่นสำหรับการเลือกรูปแบบเสียงต่างๆ ตามแนวเพลงด้วย 5-bands Equalizer รวมถึงการเพิ่มไดนามิกให้กับเสียงเพลงด้วย Stereo windenig และยังรองรับการเล่นเพลงผ่านบลูทูธ (A2DP) เพื่อผ่านหูฟังบลูทูธสเตอริโอได้ด้วย ส่วนไฟล์เพลงดิจิตอลที่รองรับนั้นจะได้ทั้ง MP3, MP4, AAC, AAC+, eAAC+ และ WMA รวมถึงไฟล์ . H.263, H.264,3GPP สำหรับวิดีโออย่างทั่วถึงอีกด้วย และที่ลืมไม่ได้สำหรับเครื่องมีเดียอื่นๆ ก็คือ วิทยุ FM และเครื่องบันทึกเสียงก็มีมาให้ใช้งานด้วยเช่นกัน การใช้งานต่อเนื่อง : เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นสำหรับแบตเตอรี่ความจุ 1020 mAh ที่ถือว่ารองรับกับลูกเล่นเครื่องที่มีอยู่ได้อย่างเหลือเฟือ โดยสามารถใช้งานทั่วไปแบบต่อเนื่องได้นาน 4 8 ชั่วโมงด้วยกัน (ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล) ส่วนการเปิดรอรับสายนั้นโดยทั่วไปแล้วสามารถทำได้ถึง 370 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เจ้ามือถือเครื่องนี้ดูน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว เอื้อเฟื้อเครื่องทดสอบ : Nokia (Thailand)/ Aziam Burson-Marsteller ราคาเปิดตัว 5,620 บาท

สนับสนุนเนื้อหาโดย

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ รีวิว Nokia 3110 Classic

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook