Apple พรีวิว "Tiger" แมคโอเอสเจเนอเรชั่นหน้า

Apple พรีวิว "Tiger" แมคโอเอสเจเนอเรชั่นหน้า

Apple พรีวิว "Tiger" แมคโอเอสเจเนอเรชั่นหน้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
แอปเปิลฯพรีวิว "Tiger" ระบบปฏิบัติการเจเนอเรชั่นใหม่ของแมคอินทอชที่มีกำหนดวางตลาดในต้นปีหน้า ที่งานประชุมนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของแอปเปิลฯ (Worldwide Developers Conference) ในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2004 แอปเปิลฯพรีวิว "Tiger" ระบบปฏิบัติการเจเนอเรชั่นใหม่ของแมคอินทอชที่มีกำหนดวางตลาดในต้นปีหน้า พร้อมกันนี้ก็เปิดตัวจอแฟลตพาเนลรุ่นใหม่ขนาด 30 นิ้วออกมาด้วย และมีกำหนดวางตลาดเดือนสิงหาคม สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ประธานคณะผู้บริหาร บริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์ (Apple Computer) พรีวิวระบบปฏิบัติการ Mac OS X เจเนอเรชั่นใหม่ โค้ดเนม "Tiger" ที่งานประชุมนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของแอปเปิลฯ (Worldwide Developers Conference) ในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2004 ที่ผ่านมา แอปเปิลฯมีกำหนดคลอด Tiger ออกสู่ตลาดในต้นปีหน้า ก่อนกำหนดคลอด Windows โค้ดเนม Longhorn ของไมโครซอฟท์ (Microsoft) ถึง 1 ปีหรือมากกว่า "เราแซงหน้าคนอื่นๆในการแข่งขัน และอีกครั้งที่เราเป็นผู้นำนวัตกรรม ขณะที่คนอื่นๆเป็นผู้ตาม" จ็อบส์กล่าว Window Longhorn มีกำหนดคลอดในปี 2006 ตามข้อมูลจากไมโครซอฟท์ บริษัทแอปเปิลฯคลอด Mac OS X ตัวแรกออกมาเมื่อเดือนมีนาคม 2001 ส่วนตัวปัจจุบัน Mac OS X 10.3 โค้ดเนม Panther เป็นรุ่นที่ 4 เปิดตัวออกมาเมื่อเดือนตุลาคม 2003 ขณะที่ Tiger ถือเป็นรุ่นที่ 5 Tiger จะมีฟีเจอร์ใหม่ๆเพิ่มเข้ามากว่า 150 ตัวจาก Panther หนึ่งในนั้นคือ "Spotlight" เสิร์ชเอนจิ้นประสิทธิภาพสูง ที่สามารถค้นหาสิ่งที่คุณต้องการได้อย่างทะลุทะลวง สามารถเข้าไปค้นหาในไฟล์ได้หลากหลายประเภท แม้แต่ในอีเมล, ไฟพ หรือไฟล์เอกสาร "ผลการทำงานของ Spotlight ที่ได้ออกมา บางครั้งก็เป็นสิ่งที่คุณนึกไม่ถึง" จ็อบส์กล่าว จอแฟลตพาเนลรุ่นใหม่ขนาด 30 นิ้ว ที่แม้จะมีขนาดใหญ่ แต่กลับสวยงามและบางอย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนหนึ่งคงเพราะใช้เคสแบบอลูมิเนียมที่ช่วยให้ดูสวยงามและหรูหราลงตัว โดยมีกำหนดวางตลาดในเดือนสิงหาคม 2004 สิ่งที่น่าสังเกตคือ เสิร์ชเอนจิ้นที่มีสมรรถนะสูง ขณะเดียวกันก็สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกและง่ายดายนั้น ก็เป็นเป้าหมายหนึ่งของการพัฒนาระบบปฏิบัติการ Window Longhorn ของไมโครซอฟท์เช่นกัน "สิ่งที่แอปเปิลฯทำในเรื่องเกี่ยวกับการค้นหา ก็เป็นฟีเจอร์หนึ่งของ Longhorn" ทิม บาจาริน (Tim Bajarin) จากบริษัทครีเอทีฟสแตรเตอจีส์ (Creative Strategies) กล่าว นอกจาก Spotlight แล้ว ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอื่นๆอีก เช่น iChat โปรแกรมวีดีโอคอนเฟอเรนซิ่งเวอร์ชั่นใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงกว่า, Safari อินเทอร์เน็ตเบราเซอร์เวอร์ชั่นใหม่ และ "Dashboard" ฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้โปรแกรมทั้งหมดที่มีการเปิดใช้งานอยู่เป็นประจำได้ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียวDashboard ก็เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่มีอยู่ใน Longhorn เช่นกัน แอปเปิลฯตั้งค่าตัวสำหรับ Tiger ไว้ที่ 129 ดอลลาร์ (ประมาณ 5,200 บาท) ตามการเปิดเผยของแอปเปิลฯ งานเดียวกันนี้ จ็อบส์ยังเปิดตัวจอแฟลตพาเนลรุ่นใหม่ออกมาด้วย ได้แก่รุ่น 20, 23 และ 30 นิ้ว แม้จะมีขนาดใหญ่ถึง 30 นิ้วซึ่งเป็นรุ่นใหญ่สุดของแอปเปิลฯ แต่ก็มีความบางและสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยเคสแบบอลูมิเนียมที่ให้ทั้งความสวยงามและหรูหราในคราวเดียวกัน ที่น่าสนใจก็คือ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของจอภาพรุ่นใหม่นี้ กลับไม่ได้จำกัดอยู่กับเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แมคอินทอชเท่านั้น คนใช้วินโดว์สพีซีก็มีสิทธิ์นำจอภาพรุ่นใหม่ของแอปเปิลฯไปต่อใช้งานกับพีซีของตนได้เช่นกัน แอปเปิลฯจะเริ่มวางจำหน่ายจอแฟลตพาเนลขนาด 30 นิ้ว ความละเอียด 2560x1600 พิกเซล ในเดือนสิงหาคม 2004 ด้วยสนนค่าตัว 3,299 ดอลลาร์ (ประมาณ 135,000 บาท) และจำเป็นต้องใช้ควบคู่กับกราฟิกการ์ดรุ่นไฮเอนด์จากบริษัทเอ็นวิเดีย (Nvidia) "GeForce 6800 Ultra" ที่มีค่าตัว 599 ดอลลาร์ (ประมาณ 24,500 บาท) ด้วย ขอขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ ของ Apple พรีวิว "Tiger" แมคโอเอสเจเนอเรชั่นหน้า

Apple พรีวิว "Tiger" แมคโอเอสเจเนอเรชั่นหน้า
Apple พรีวิว "Tiger" แมคโอเอสเจเนอเรชั่นหน้า
Apple พรีวิว "Tiger" แมคโอเอสเจเนอเรชั่นหน้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook