รีวิว ROG Xbox Ally X เครื่องเล่นเกมพกพาสีดำดุดัน ร่างสมบูรณ์ที่เกิดจาก ASUS x Xbox

กลับมาพบกับรีวิวจาก Sanook Hitech อีกครั้ง ในรอบนี้พบกับ ROG Xbox Ally X ซึ่งเป็นรุ่นที่สุดของคอมพิวเตอร์แบบพกพา (จริงๆ นะ) เห็นแล้วน่าสนใจแค่ไหน วันนี้เราจะมาดูกันว่า กับราคาเกือบ 30,000 บาท มีอะไรน่าใช้บ้าง

รูปลักษณ์ดีไซน์ของ ROG Xbox Ally X

หน้าจอแสดงผล ROG Xbox Ally X มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD (1080p) อัตราส่วน 16:9 ซึ่งเมื่อทดลองใช้งานจริงพบว่าหน้าจอมีขนาดใหญ่กำลังดีและมองเห็นรายละเอียดกราฟิกในเกมได้ชัดเจนเต็มตา แถมยังสู้แสงได้ดีด้วยความสว่าง 500 nits และลื่นไหลด้วย Refresh Rate 120Hz

ปุ่มควบคุมด้านหน้า นอกจากนี้ยังมีปุ่มควบคุมวางอยู่ขนาบข้างหน้าจอที่ออกแบบมาเพื่อการสั่งงานได้เป็นอย่างดี โดยเลย์เอาต์ทั้งหมดได้รับแรงบันดาลใจและถอดแบบมาจาก Xbox Wireless Controller ทำให้ผู้ที่คุ้นเคยกับจอย Xbox ใช้งานได้คล่องมือทันที โดยก้าน Analog และปุ่มต่างๆ ถูกจัดวางให้รองรับสรีระมืออย่างลงตัว

ด้านบนของเครื่องจะมี Port เชื่อมต่อ ประกอบด้วย

• USB 4: จำนวน 1 ช่อง (รองรับ DisplayPort 2.1, Power Delivery 3.0 และ Thunderbolt 4)
• USB 3.2 Gen 2 Type-C: จำนวน 1 ช่อง (รองรับ DisplayPort 2.1 และ Power Delivery 3.0)
• ช่องอ่าน MicroSD Card: รองรับมาตรฐาน UHS-II
• ช่องเสียบหูฟัง: แบบ Combo Audio Jack ขนาด 3.5 มม.

ด้านหลังเครื่อง เมื่อพลิกมาด้านหลังจะมี ปุ่ม Macro เสริม (M1 และ M2) เพิ่มเข้ามา 2 ปุ่ม ซึ่งปุ่มนี้เอาไว้สำหรับตั้งค่าเป็นปุ่มลัด (Map keys) เพื่อกดคำสั่งพิเศษในเกม ช่วยให้เรากดท่าคอมโบยากๆ หรือคำสั่งที่ต้องใช้บ่อยๆ ได้สะดวกขึ้นโดยไม่ต้องละนิ้วโป้งจากก้าน Analog

การจับ / และน้ำหนัก

เรื่องการจับถือ ROG Xbox Ally X ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ (Ergonomics) ให้กริปจับมีความโค้งมน กระชับมือยิ่งขึ้นเหมือนจอย Xbox Wireless Controller ทำให้เล่นเกมได้นานโดยไม่เมื่อย แม้ตัวเครื่องจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 715 กรัม แต่ด้วยการกระจายน้ำหนักที่ดีทำให้รู้สึกสมดุล นอกจากนี้ยังมีระบบระบายความร้อนแบบ Zero Gravity ที่ใช้พัดลมคู่ ทำให้ไม่ว่าจะนอนเล่น นั่งเล่น หรือยืนเล่น เครื่องก็ระบายความร้อนได้ดีไม่มีปัญหา

ประสิทธิภาพของเครื่อง

ขุมพลังคือหัวใจหลักของรุ่นนี้ โดยใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen™ AI Z2 Extreme ใหม่ล่าสุด ที่มี 8 Cores / 16 Threads ความเร็วสูงสุด 5.0 GHz มาพร้อมแรม 24GB LPDDR5X บัส 8000MHz แบบออนบอร์ด ซึ่งถือว่าเหลือเฟือมากสำหรับการเล่นเกมยุคปัจจุบัน และเลือกใช้ระบบ พัดลมบางเพียง 0.1 มม. พร้อมตัวกรองฝุ่น Dust Filter ยืดอายุการใช้งาน

จากการทดสอบจริงกับเกมยอดฮิตอย่าง Forza Horizon 5 (ซึ่งมีให้เล่นฟรีใน PC Game Pass ที่แถมมากับเครื่อง 3 เดือน ) พบว่า

• การเล่นบนแบตเตอรี่: เมื่อปรับโหมดการทำงานเป็น Extreme Mode ตัวเครื่องสามารถรันเกมได้ลื่นไหลน่าประทับใจ เฟรมเรตวิ่งสวยๆ แม้จะไม่ได้เสียบสายชาร์จ 
• คำแนะนำเพิ่มเติม: หากต้องการรีดกราฟิกให้สุดหรือเล่นต่อเนื่องยาวๆ แนะนำว่า "ควรเสียบปลั๊กเล่น" จะดีที่สุด เพื่อให้ตัวเครื่องดึงพลังงานมาใช้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยโดยไม่ต้องห่วงเรื่องแบตเตอรี่

อยากแรงกว่านี้? จัดไป! สำหรับฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ที่รู้สึกว่าลำพังชิปในเครื่องยังแรงไม่พอ หรืออยากเปลี่ยนเครื่องพกพาให้กลายเป็น Desktop PC ย่อมๆ ทาง ROG ก็เปิดช่องทางให้คุณอัปเกรดความแรงได้ด้วยการต่อการ์ดจอแยกอย่าง XG Mobile ซึ่งรองรับการทำงานร่วมกันได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้เฟรมเรตพุ่งกระฉูดปรับสุดได้ทุกเกม เพียงแต่ว่า... ราคาค่าตัวของเจ้า XG Mobile นั้นอาจจะต้องทำใจแข็งๆ ควักกระเป๋าจ่ายกันหนักหน่อยนะครับ (แต่ถ้าไหว คือจบจริง!)

นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมี NPU 50 TOPS ที่ช่วยประมวลผล AI รองรับฟีเจอร์อนาคตอย่าง Automatic Super Resolution (Auto SR) ที่จะมาช่วยอัปสเกลภาพให้คมชัดขึ้นโดยไม่กินสเปก แสดงผ่านหน้าจอ 7 นิ้ว FHD 120Hz ที่สู้แสงได้ดีด้วยความสว่าง 500 nits

แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ

จุดที่อัปเกรดแบบก้าวกระโดดคือแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ถึง 80Wh ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับเครื่องเกมพกพา

• จากการใช้งานจริง: หากเน้นเล่นเกมหนักๆ ต่อเนื่อง แบตเตอรี่จะอยู่ได้ราวๆ 4 - 5 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าทำได้ดีและเล่นได้นานกว่าเดิมมาก แต่ถ้าเปลี่ยนโหมดมาใช้ทำงานทั่วไป เช่น พิมพ์งานหรือดูคอนเทนต์ บอกเลยว่า "อึดหายห่วง" ไว้ใจได้แน่นอนครับ พกไปทำงานข้างนอกได้สบายโดยไม่ต้องวิ่งหาปลั๊ก
• โหมดการทำงาน: เมื่อใช้งานในโหมด Silent จะให้ประสิทธิภาพความแรงเทียบเท่าโหมด Performance ของรุ่นก่อนหน้าเลยทีเดียว ทำให้ประหยัดแบตแต่ยังเล่นเกมได้ลื่น นานสุด 16 ชั่วโมงเลยนะ
• การชาร์จ: รองรับ PD Charge สูงสุด 100W ผ่านพอร์ต USB-C ช่วยให้ชาร์จกลับได้ไว (โดยในกล่องจะแถม Adapter ขนาด 65W มาให้)

ฟีเจอร์เด่น

ROG Xbox Ally X ยังคงใช้ Windows 11 เป็นพื้นฐานแต่การที่มีการปรับปรุงให้ Xbox มาพัฒนารอบนี้จะทำให้มีความแตกต่างเช่น Windows 11 Home ทำให้เครื่องนี้เล่นเกมได้ทุกค่าย (Steam, Epic, etc.) แต่ความพิเศษคือการทำงานร่วมกับ Xbox แบบเป็นส่วนหนึ่งอันเดียวกัน และยังเพิ่มฟิลลิ่งในการเล่นเกมให้ดีกับ HD Haptics ระบบสั่นความละเอียดสูง ให้สัมผัสที่สมจริงเสมือนอยู่ในเหตุการณ์

All Access. One Xbox button

ปุ่ม Xbox บนเครื่องช่วยให้เข้าถึง Game Bar ได้ทันทีเพื่อดูสถานะระบบ หรือบันทึกคลิป และใช้เข้า Command Center เพื่อปรับตั้งค่าด่วนได้ง่ายๆ รวมถึงฟีเจอร์ Gaming Copilot (Beta) ที่เป็น AI ผู้ช่วยส่วนตัว คอยให้คำแนะนำในเกมโดยไม่ต้องกดสลับหน้าจอ

ระบบโปรไฟล์เกมเริ่มต้น (Default Game Profiles) ที่เป็นระบบจะปรับสมดุลระหว่างเฟรมเรต (FPS) และการใช้พลังงาน (TDP) ให้ อัตโนมัติ ผ่าน Cloud

• ถ้าเล่นถอดสายชาร์จ ระบบจะปรับประหยัดพลังงานให้
• ถ้า FPS สูงเกินไป ระบบจะจำกัดเฟรมเพื่อเซฟแบต
• ถ้า FPS ต่ำไป ระบบจะดันไฟเพิ่มเพื่อให้เล่นลื่นขึ้น ผู้ใช้งานแค่เลือกโหมด "Auto" ใน Armoury Crate SE ก็จบ ไม่ต้องมานั่งจูนเองให้ปวดหัว

สรุปหลังลอง

ROG Xbox Ally X คือการยกระดับเครื่องเกมพกพาที่ลบจุดอ่อนเดิมๆ ทิ้งไป ทั้งแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นมาก การจับถือที่ดีขึ้น และสเปกที่แรงพอจะเล่นเกมยุคหน้าได้จริง การจับมือกับ Xbox ทำให้ซอฟต์แวร์ดูเป็นมิตรกับเกมเมอร์มากขึ้น ใครที่หาเครื่องเกมพกพาที่ "จบ" ในตัวเดียว รุ่นนี้คือคำตอบ ถ้ารับกับราคาได้ เพราะจริงๆ มีรุ่นที่ประหยัดในราคา 18,990 แต่ก็จะไม่แรงเท่ารุ่นนี้

ราคา / การรับประกัน

ROG Xbox Ally X (RC73XA-NH015W) เคาะราคาที่ 29,990 บาท แถมฟรี PC Game Pass 3 เดือน

การรับประกัน ASUS Exclusive Care จัดเต็ม

• Perfect Warranty 1 ปี: ประกันอุบัติเหตุ (เช่น ทำตก จอแตก) เคลมได้โดยจ่ายค่าอะไหล่แค่ 20% (ASUS เป็นแบรนด์เดียวที่มีประกันนี้ในกลุ่ม Handheld)
• Global Warranty 2 ปี: เข้าศูนย์ได้กว่า 80 ประเทศทั่วโลก
• Carry-In Warranty 2 ปี: ส่งซ่อมศูนย์ในไทย

สเปกจอ ROG Xbox Ally X

คุณสมบัติ	ROG Xbox Ally X
ระบบปฏิบัติการ	Windows 11 Home
โปรเซสเซอร์	AMD Ryzen™ AI Z2 Extreme (8 Cores, 16 Threads, up to 5.0GHz)
กราฟิก	AMD Radeon™ Graphics
แรม (Memory)	24GB LPDDR5X-8000 (On board)
พื้นที่เก็บข้อมูล	1TB M.2 2280 NVMe PCIe SSD
หน้าจอ	7 นิ้ว FHD (1080p) IPS, 120Hz, 500 nits, FreeSync Premium
การเชื่อมต่อ	WiFi 6E + Bluetooth 5.4
พอร์ตเชื่อมต่อ	1x USB4 (Thunderbolt 4 compatible), 1x USB 3.2 Gen 2 Type-C, microSD (UHS-II), 3.5mm Audio Jack
แบตเตอรี่	80Wh, 4-cell Li-ion
น้ำหนัก	715 กรัม
อุปกรณ์ในกล่อง	ตัวเครื่อง, 65W Charger, Stand