vivo ประกาศส่ง OriginOS 6 บุกตลาดโลกอย่างเป็นทางการ แทนที่ FuntouchOS เดิม

หลังจากปล่อยให้ผู้ใช้งานในจีนได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษมานานถึง 5 ปี ในที่สุด vivo ก็ได้ประกาศข่าวสำคัญที่ผู้ใช้ทั่วโลกต่างรอคอย นั่นคือการนำ OriginOS ออกสู่ตลาดโลกอย่างเป็นทางการ โดยจะเริ่มต้นด้วยเวอร์ชั่นล่าสุด OriginOS 6 ที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Android 16

OriginOS 6 จะเปิดตัวเป็นครั้งแรกพร้อมกับสมาร์ทโฟนเรือธงซีรีส์ vivo X300 และ X300 Pro โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ vivo ในการสร้างเอกภาพด้านซอฟต์แวร์และมอบประสบการณ์การใช้งานที่เป็นหนึ่งเดียวกันให้กับผู้ใช้ทั่วโลก

ฟีเจอร์เด่นของ OriginOS 6

• Smooth Engine: หัวใจหลักของเวอร์ชั่นนี้คือการมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ที่ลื่นไหล (Buttery Smooth Experience) โดยมีการปรับปรุงความเร็วในการเปิดแอปพลิเคชัน (Cold-start), เร่งความเร็วในการโหลดข้อมูล และเพิ่มความเสถียรของเฟรมเรต (Frame Rate Stability)
• Origin Design System: ปรับปรุงภาษาการออกแบบใหม่ทั้งหมด สร้างความเป็นหนึ่งเดียวขององค์ประกอบต่างๆ บนหน้าจอ โดยใช้ความโปร่งใส (Transparency) และเอฟเฟกต์เบลอ (Blur) เป็นองค์ประกอบหลัก พร้อมเปิดตัวฟอนต์ใหม่ Vivo Sans ที่รองรับกว่า 40 ภาษา และสามารถปรับน้ำหนักฟอนต์ได้อย่างละเอียดเพื่อการอ่านที่สบายตายิ่งขึ้น
• Origin Island: ฟีเจอร์ที่ทำงานร่วมกับ "Live Updates" ของ Android 16 โดยจะแสดงผลอยู่ส่วนบนของหน้าจอเพื่อเข้าถึงคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับบริบทนั้นๆ ได้ทันที เช่น Copy & Go สำหรับการคัดลอกเบอร์โทรศัพท์แล้วโทรออก หรือ Drag & Go สำหรับการแก้ไขรูปภาพอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องออกจากแอปปัจจุบัน
• vivo AI: ยกระดับความอัจฉริยะด้วยการร่วมมือกับ Google อย่างใกล้ชิด เพื่อผสานรวม Gemini chatbot และฟีเจอร์ Circle to Search เข้าเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการ

กำหนดการอัปเดตและรุ่นที่รองรับ

การปล่อยอัปเดต OriginOS 6 จะเริ่มต้นในเดือนพฤศจิกายน 2025 และจะทยอยอัปเดตไปจนถึงปี 2026 โดยกลุ่มแรกที่ได้รับการยืนยันแล้วได้แก่

• vivo X300 Series (ติดตั้งมาตั้งแต่แกะกล่อง)
• vivo X Fold5
• vivo X200 Series
• iQOO 13
• iQOO Neo10 Series

ทั้งนี้ การอัปเดตจะเป็นแบบทยอยปล่อย ซึ่งหมายความว่าแต่ละภูมิภาคจะได้รับอัปเดตในเวลาที่แตกต่างกัน แล้วแต่ละประเทศ แต่สำหรับประเทศไทยก็คาดว่าไม่น่ารอนานเท่าไหร่