T-Mobile วางแผน 'ปลดเกษียณ' ส่วนใหญ่ของเครือข่าย LTE ภายในปี 2028

การเปลี่ยนผ่านของคลื่นโทรศัพท์หลายคนก็คงบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เครือข่ายแบบ 5G นั้นเริ่มมีบทบาทหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย แต่จริงๆ แล้วเราก็ใช้งานเทคโนโลยี 4G LTE มามานานกว่าทศวรรษ และ 5G กลายเป็นมาตรฐานหลักในสหรัฐอเมริกา ล่าสุดผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายใหญ่อย่าง T-Mobile กำลังเตรียมการสำหรับขั้นตอนการปลดระวางเครือข่าย 4G ครั้งใหญ่

ตามเอกสารภายในที่รั่วไหลออกมา T-Mobile มีแผนเชิงรุกที่จะ เปลี่ยนแปลงคลื่น LTE ไปให้กับเครือข่าย 5G Standalone (5G SA) ภายในช่วงเวลาสองปีนับจากนี้ โดยมีเป้าหมายหลักในการปลดระวาง LTE ส่วนใหญ่ออกไปภายในปี 2028

 

เป้าหมายของ T-Mobile คือการเหลือช่องสัญญาณ LTE ไว้เพียง 1 ช่องความกว้าง 5MHz เท่านั้น เพื่อรองรับอุปกรณ์รุ่นเก่า (Legacy Devices) และอุปกรณ์ IoT ไปจนถึงปี 2035 ซึ่งการลดทอนความสามารถของ LTE ลงอย่างมากนี้ย่อมส่งผลให้เกิดปัญหาคอขวด (Bottlenecks) ในการใช้งานสำหรับอุปกรณ์ที่รองรับเพียง LTE หรือ 5G NSA (Non-Standalone) ในยุคแรกๆ

กำหนดการสำคัญสำหรับลูกค้าองค์กร (Business Customers)

ในเอกสารหลุดได้เผยว่าจะเริ่มกับลูกค้าระดับงอค์กรก่อน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2026 การเปิดใช้งานอุปกรณ์ใหม่ที่รองรับเพียง LTE หรือ 5G NSA จะต้องได้รับการอนุมัติพิเศษจากทีมงานเครือข่ายเท่านั้น โดย T-Mobile มุ่งเน้นให้ลูกค้าองค์กรเปิดใช้งานผลิตภัณฑ์ที่รองรับ 5G Standalone เป็นหลักตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป และภายในปี 2035 เป็นกำหนดเส้นตายสุดท้ายที่ T-Mobile จะยังคงเปิดช่องสัญญาณ LTE 5MHz ช่องเดียวไว้ ก่อนที่จะยุติการให้บริการ LTE ทั้งหมด

ผลกระทบต่อผู้ใช้งานทั่วไปและอุปกรณ์เก่า

แม้ว่าแผนการนี้จะมุ่งเน้นที่ลูกค้าธุรกิจเป็นหลัก แต่ก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป

• อุปกรณ์ 5G ยุคแรก: สมาร์ตโฟน 5G รุ่นปี 2019 หรือ 2020 หลายรุ่นยังใช้ LTE ในการโทร (VoLTE) เนื่องจากยังไม่ได้รองรับ 5G Standalone (VoNR) ดังนั้น ผู้ใช้กลุ่มนี้จึงควรพิจารณาอัปเกรดอุปกรณ์ภายใน 24 เดือนข้างหน้า
• ประสบการณ์ใช้งาน: การใช้งาน LTE ในช่วงหลังปี 2028 จะเสื่อมลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมีแบนด์วิดท์จำกัด คล้ายกับประสบการณ์การใช้เครือข่าย 2G/3G ก่อนการปิดตัว
• เป้าหมายเร่งด่วน: การเร่งปลด LTE เพื่อนำคลื่นความถี่มาเพิ่มประสิทธิภาพให้ 5G SA เป็นการยกระดับความเร็วและความเสถียรของเครือข่าย 5G "ที่แท้จริง"

อย่างไรก็ตาม บทเรียนจากการปิด 3G แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนลูกค้าออกจากเครือข่ายเก่าต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก จึงมีความเป็นไปได้ว่ากำหนดเวลาที่ T-Mobile วางไว้อาจมีการปรับเปลี่ยนได้ในอนาคต แต่ทิศทางของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมโลกสู่ยุค 5G SA นั้นถือว่าชัดเจนที่สุด

แต่ใครใช้ยังใช้มือถือ 4G อยู่ ยกมือขึ้น!!!