
ใครที่กำลังกำเงิน 6,000 บาท เพื่อจะซื้อหูฟังที่มีคุณภาพสักตัว และเน้นว่าต้องเป็น TWS (True Wireless System) ดีๆ สักตัว วันนี้เราขอแนะนำ Nothing Ear (3) รุ่นใหม่ที่เพิ่งจะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ที่มาพร้อมกับสเปกเด่นโดยเฉพาะปุ่ม Talk คุยผ่านเคสกับดีไซน์ยังเป็นเอกลักษณ์เห็นแล้วต้องจำได้ Sanook Hitech ได้ลองแล้วพร้อมเล่าให้ฟัง

ต้องบอกว่า Nothing Ear (3) ยังคงออกแบบที่เรียกว่าใช้หน้าตาเค้าโครงเดิมจากรุ่น Ear (2) เลยครับ ใครที่ชอบดีไซน์โปร่งใสเห็นไส้ในอันเป็นเอกลักษณ์ของ Nothing ก็ยิ้มได้เลย แต่ถ้ามองลึกลงไปในรายละเอียดจะเห็นความแตกต่างออกไปคือ
วัสดุและการประกอบ ถึงจะดูคล้ายเดิมเพราะเลือกใช้วัสดุโลหะเป็นฐานของหูฟัง Nothing เคลมว่าใช้วัสดุที่ดีขึ้นในบางจุด ทำให้ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีกว่าเดิมนิดหน่อย บานพับเคสให้ความรู้สึกแข็งแรงขึ้น ถือแล้วให้ความรู้สึกพรีเมียมกว่าเดิม พร้อมปุ่ม Talk โดดเด่น ด้านข้างจะมีช่องเสียบ USB-C, ไมโครโฟน, ไฟสถานะ อีกด้านจะเป็นสายคล้องเล็กน่ารักที่ตกแต่างได้ ฝาเครื่องเป็นแบบโปร่งใส



รูปทรงหูฟัง ตัวหูฟังมีการปรับดีไซน์เล็กน้อยให้เข้ากับสรีระของหูมากขึ้น ทำให้ใส่สบายกว่าเดิมและเกาะหูได้ดีขึ้นสำหรับบางคนครับ และยังสามารถเปลี่ยนจุกได้ทั้งหมด 4 แบบ (XS, S, M, L)
ดังนั้นแล้วถ้าใครใช้ NOTHING Ear (2) อยู่แล้ว คนอื่นอาจจะไม่สังเกตว่าคุณเปลี่ยน แต่คุณเองจะรู้สึกได้ถึงความเนี๊ยบและแน่นหนาที่เพิ่มขึ้นครับ เว้นแต่ถ้าสวมใส่ก็จะเห็นความต่างเลย

NOTHING ไม่ได้ขายแค่ดีไซน์! แต่ก็มีฟีเจอร์ต่างๆ มาแบบครบครันเช่น


ปุ่ม Talk ของเครื่องที่สามารถใช้เป็นไมโครโฟนพูดคุยสายได้ โดยจะมีการลดเสียงรบกวนได้ 95 เดซิเบล เรียกว่าเงียบและเสียงดีกว่าไมโครโฟน ที่เรียกว่าจากที่ลองพบว่าให้เสียงที่ใสมาก และยังสามารถใช้คุยกับ ChatGPT หรือ AI อื่นๆ รวมถึงกดสั่งให้ทำงานอื่นๆ ได้
การสั่งงานควบคุมที่หูฟัง ระบบควบคุมแบบ "บีบ" (Pinch Control) ที่ก้านของหูฟังนั่นเอง!
ลืมการแตะที่บางทีก็โดนบ้างไม่โดนบ้างไปได้เลย การควบคุมแบบนี้จะแม่นยำกว่ามากครับ เวลาบีบจะมีเสียง 'คลิก'เบาๆ ตอบสนอง ทำให้เรารู้ว่าสั่งงานสำเร็จแล้ว ซึ่งฟังก์ชันหลักๆ ก็คือ
แต่ถ้าบางฟังก์ชั่นใช้งานบ่อยสามารถเใช้ Application Nothing X ปรับการตั้งค่าได้เช่นเดียวกัน

ตรงนี้แหละคือไฮไลต์เด็ดของ Nothing Ear (3) ที่ทำให้มันน่าสนใจกว่ารุ่นก่อนเยอะเลยไม่ว่าจะเป็น

สายลากใช้งานนั้นไม่ต้องห่วงเพราะ Nothing Ear (3) ได้ปรับปรุงเรื่องแบตเตอรี่มาได้ประทับใจมากขึ้นโดยสามารถใช้งานได้นานเช่น
ใช้งานได้ทั้งหมดสูงสุดถึง 42.5 ชั่วโมง (แบบปิด ANC) นอกจากนี้ชาร์จแค่ 10 นาที สามารถฟังเพลงต่อได้อีกหลายชั่วโมง และสำหรับไลฟ์สไตล์คนทั่วไปที่ใช้เดินทาง ทำงาน หรือฟังเพลงระหว่างวัน แบตเตอรี่ระดับนี้ถือว่าเหลือเฟือครับ ใช้งาน 1-2 วันแบบไม่ต้องชาร์จเคสเลยก็ยังไหว
ถือว่าเป็นการสิ้นสุดการรอคอยสำหรับคนที่อยากได้หูฟังคุ้มร่าที่ได้เทคโนโลยีเยอะมาก ฟังเพลงได้ยาวนาน พร้อมกับคุณภาพเสียงที่ดีใช้คุยสายได้คมชัดกว่าเดิมกับฟีเจอร์ Super MIC ทั้งหมดมาในราคาแค่ 5,799 บาท หากคุณขอบหูฟังฟีเจอร์ครบ ดีไซน์ต้องเรียกว่าแตกต่าง คุณสมบัติในเรื่องการฟังเพลงที่ดี นี่เป็นอีกทางเลือกที่ผมว่าไม่ควรพลาด