รีวิว Samsung Galaxy Buds3 FE รุ่นไม่แพง! แต่คุณสมบัติพรีเมี่ยม

28 ก.ย. 68 (13:57 น.) พิมพ์

แชร์เรื่องนี้

แชร์เรื่องนี้Line Twitter Facebook

กลับมาพบกับรีวิวจาก Sanook Hitech อีกครั้งครับ ในรอบนี้ใครกำลังอยากได้หูฟังงบไม่ถึง 5,000 บาท ที่เก่งเกินตัวทั้งเรื่องฟีเจอร์แปลภาษา, การตัดเสียงรบกวน (ANC) และดีไซน์ที่ใส่สบาย จะมีทางเลือกไหม? วันนี้ขอแนะนำ Samsung Galaxy Buds3 FE ที่เพิ่งเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ มาดูกันว่ามีอะไรที่น่าสนใจ และจะคุ้มค่าตัวแค่ไหน เรามาดูกันเลย

ดีไซน์ของ Samsung Galaxy Buds3 FE

img_20250907_174144_batch

เริ่มตัวเคสชาร์จมีขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย ดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูดี มีให้เลือก 2 สีคือ สีดำ (Black) และ สีเทา (Gray) ที่ดูสุขุมเข้ากับทุกลุคการแต่งตัว แถมดีไซน์เหมือนกับรุ่นท็อปอย่าง Galaxy Buds3 Pro และ Galaxy Buds3

img_20250907_174312_batch

โดยด้านล่างจะมีปุ่ม Pairing และ USB-C ในการชาร์จไฟ

img_20250907_174153_batch

เมื่อเปิดฝาโปร่งใสออกมาจะพบกับหูฟังไร้สายที่มีก้านยาวๆ และจุดเด่นของดีไซน์ของหูฟังรุ่นนี้คือมีการออกแบบใหม่สวมใส่ได้สะดวกสบายไม่หลุดง่ายไม่ว่าจะกิจกรรมอะไร แถมน้ำหนักเบาแค่ 5 กรัมเท่านั้น ใส่แล้วไม่เมื้อยหูแน่นอน

อะไรเด่นของ Samsung Galaxy Buds3 FE

เราขอสรุปกับฟีเจอร์เด่นของรุ่นนี้ที่เรียกว่าเยอะมาก

ระบบตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation - ANC) ที่เงียบเกินคาด นี่คือจุดแข็งที่สุดของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ครับ ระบบ ANC ทำงานได้ดีมาก สามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างในย่านความถี่ต่ำ เช่น เสียงแอร์ เสียงพัดลม หรือเสียงบรรยากาศในร้านกาแฟได้เงียบสนิท ทำให้คุณดื่มด่ำกับเสียงเพลงหรือมีสมาธิกับการทำงานได้อย่างเต็มที่ เมื่อเทียบกับหูฟังในระดับราคาเดียวกัน ถือว่าทำได้น่าประทับใจมาก
ฟีเจอร์แปลภาษาสด (Live Translate) ยกให้เป็นฟีเจอร์เด็ดที่ทำให้ Buds3 FE ฉีกหนีคู่แข่งไปไกล! เมื่อใช้คู่กับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy ที่มี Galaxy AI คุณสามารถใช้หูฟังนี้เป็นล่ามส่วนตัวได้ทันที เพียงเปิดฟีเจอร์ Interpreter เสียงของคู่สนทนาจะถูกแปลและส่งตรงเข้าหูฟังของคุณแบบเรียลไทม์ เหมาะสุดๆ สำหรับนักเดินทางหรือคนที่ต้องสื่อสารกับชาวต่างชาติบ่อยๆ
การควบคุมที่ง่ายและฉลาด ลืมการกดปุ่มแบบเดิมๆ ไปได้เลย Buds3 FE มาพร้อมระบบควบคุมแบบสัมผัสที่ใช้งานง่ายและแม่นยำ สามารถแตะเพื่อ เล่น/หยุดเพลง, รับ/วางสาย หรือจะตั้งค่าการแตะค้างเพื่อสลับระหว่างโหมด ANC และ Ambient Sound (โหมดรับเสียงภายนอก) ก็ทำได้ผ่านแอป Galaxy Wearable
การเชื่อมต่อไร้รอยต่อ (Auto Switch) หากคุณใช้อุปกรณ์ Samsung หลายชิ้น เช่น มือถือ, แท็บเล็ต หรือสมาร์ทวอทช์ ฟีเจอร์ Auto Switch จะสลับการเชื่อมต่อหูฟังให้คุณอัตโนมัติ เช่น กำลังดูหนังในแท็บเล็ตแล้วมีสายเข้าที่มือถือ หูฟังจะสลับไปที่มือถือทันที และเมื่อวางสายก็จะสลับกลับไปที่แท็บเล็ตให้เอง สะดวกสบายแบบสุดๆ

คุณภาพเสียง

จากการทดลองฟัง พบว่าคุณภาพเสียงของ Galaxy Buds3 FE จะเน้น "เบสที่หนักแน่นและลงได้ลึก" เป็นพิเศษ ถูกใจคนชอบฟังเพลงแนว Pop, Rock, EDM หรือ Hip-Hop อย่างแน่นอนครับ ด้วยไดรเวอร์แบบ 1-Way Dynamic ขนาดใหญ่ ทำให้เสียงเบสมีมวลและแรงปะทะที่ดี ส่วนเสียงกลางและเสียงแหลมก็ยังทำได้ดี มีความชัดเจนและแยกรายละเอียดชิ้นดนตรีได้ในระดับที่น่าพอใจ สามารถปรับ EQ เพิ่มเติมได้ในแอป Galaxy Wearable เพื่อให้ได้แนวเสียงที่ชอบ

ส่วนไมโครโฟน ด้วยการที่ให้มาถึงข้างละ 3 ตัว (รวม 6 ตัว) พร้อมเทคโนโลยี Crystal Clear Call ที่ใช้ AI ช่วยแยกเสียงพูดออกจากเสียงรบกวน ทำให้การสนทนาผ่านหูฟังมีความคมชัดมาก แม้อยู่ในที่ที่มีเสียงดัง ปลายสายยังคงได้ยินเสียงเราอย่างชัดเจน

แบตเตอรี่

เรื่องแบตเตอรี่ก็หายห่วง ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน เพราะสามารถใช้งานได้ยาวนาน โดนประกอบด้วย

เปิด ANC: ฟังเพลงได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมง (รวมเคสชาร์จ 24 ชั่วโมง)
ปิด ANC: ฟังเพลงได้นานสูงสุด 8.5 ชั่วโมง (รวมเคสชาร์จ 30 ชั่วโมง)

เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปในหนึ่งวันได้อย่างสบายๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน ฟังเพลงระหว่างวัน หรือประชุมออนไลน์ ส่วนการชาร์จวางแค่ 5 นาทีก็สามารถใช้งานได้หลายชั่วโมงแล้วครับ

สรุปหลังลอง Samsung Galaxy Buds3 FE

ในราคาเปิดตัว 4,290 บาท ต้องบอกว่า Samsung Galaxy Buds3 FE เป็นหูฟังไร้สายที่ "คุ้มค่าตัวที่สุด" รุ่นหนึ่งในตลาดตอนนี้เลยครับ คุณจะได้ทั้งระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ที่มีประสิทธิภาพสูง, ฟีเจอร์แปลภาษาสดสุดล้ำ, ไมโครโฟนที่คุยโทรศัพท์ชัดเจน, แบตเตอรี่ที่อึดทนนาน และดีไซน์ที่ใส่สบายตลอดวัน

เมื่อเป็นแบบนี้แล้วมาดูกันว่า Samsung Galaxy Buds3 FE เหมาะกับใคร มาดูกัน