ซื้อ iPhone 17 ติดโปร! VS ไม่ติดโปร แบบดี อย่าให้ราคาสุดท้ายหลอกคุณ

หลังจากขายมาแล้ว 1 สัปดาห์ของ iPhone 17 / iPhone Air มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่ตอนนี้หลายคนอยากได้แต่ว่าเครื่องขาดตลาดบางรุ่นอยู่จนทำให้หลายคนคิดและเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทุกปีคือ "จะซื้อแบบไหนดีระหว่างเครื่องติดโปรจากค่ายมือถือ กับซื้อเครื่องเปล่าราคาเต็ม?"
ทั้งสองแบบต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป การตัดสินใจจึงขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์การใช้งานและงบประมาณของแต่ละคน วันนี้ Sanook Hitech มาหาคำตอบกันว่าแบบไหน "คุ้มค่าที่สุด" สำหรับตัวคุณ
iPhone 17 ติดโปร ไม่ติดโปรต่างอย่างไร

ซื้อเครื่อง "ติดโปร" จากค่ายมือถือ (AIS, dtac, True)
เรามาเริ่มกับการซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจรายเดือน คือการที่เราได้รับส่วนลดค่าเครื่องที่น่าดึงดูดใจ แลกกับการสมัครใช้งานแพ็กเกจรายเดือนตามที่กำหนดเป็นระยะเวลาตามสัญญา (ส่วนใหญ่คือ 12 หรือ 24 เดือน) แล้วแต่สัญญา
ข้อดี
- จ่ายค่าเครื่องวันแรกถูกกว่า: นี่คือจุดเด่นที่สุด คุณสามารถเป็นเจ้าของ iPhone 17 ได้โดยจ่ายเงินก้อนแรกน้อยลงหลายพันบาท หรืออาจถึงหลักหมื่น
- สะดวกครบจบในที่เดียว: สามารถจัดการทั้งเรื่องเครื่องและแพ็กเกจการใช้งานได้ที่ศูนย์บริการในครั้งเดียว
- โปรโมชันเสริม: บางครั้งอาจมีของแถม หรือสิทธิพิเศษอื่นๆ เช่น ดูสตรีมมิงฟรี, ส่วนลดค่าบริการเดือนแรก เป็นต้น
ข้อเสีย
- บังคับใช้แพ็กเกจราคาสูง: ส่วนลดค่าเครื่องมักจะมาพร้อมกับแพ็กเกจรายเดือนราคาสูง (เช่น 1,199 บาทขึ้นไป) ซึ่งอาจเกินความจำเป็นในการใช้งานจริงของคุณ
- ติดสัญญา (Lock-in): ไม่สามารถย้ายค่าย, เปลี่ยนไปใช้โปรที่ถูกลง หรือยกเลิกเบอร์ก่อนครบกำหนดสัญญาได้
- อาจจ่ายแพงกว่าในระยะยาว: หากแพ็กเกจที่ถูกบังคับให้สมัครนั้นแพงกว่าที่คุณเคยจ่ายปกติ เมื่อรวมค่าบริการตลอดสัญญาแล้ว อาจมีราคาสูงกว่าการซื้อเครื่องเปล่าด้วยซ้ำ
ซื้อรูปแบบนี้เหมาะกับใคร?
พอมาวิเคราะห์จากข้อดีและข้อเสียแล้วต้องบอกว่า เหมาะกับคนที่ใช้งานโปรโมชั่นสูงอยู่แล้ว แต่การซื้อแบบงบจำกัดกับเครื่องที่ต้องการจ่ายค่าเครื่องน้อยๆ ยอมเป็นทาสรักผู้ติดสัญญาและไม่คิดจะย้ายค่าย ผมว่าทางเลือกนี้น่าสนใจ

ซื้อ "เครื่องเปล่า" (Apple Store, Authorized Reseller, E-Commerce)
ตัดภาพมาที่การซื้อเครื่องเปล่า มันก็คือคือการซื้อเครื่องในราคาเต็ม ไม่มีการติดสัญญาใดๆ ทำให้เรามีอิสระในการเลือกใช้งานซิมการ์ดและโปรโมชันได้อย่างเต็มที่ ส่วนราคาก็จ่ายเต็มในบางช่องทางถ้าคุณคิดว่าไหวก็จัดได้เลย!
ข้อดี
- อิสระสูงสุด: สามารถเลือกใช้ซิมจากค่ายไหนก็ได้ จะเป็นรายเดือนราคาประหยัด หรือซิมเติมเงินก็ได้ เปลี่ยนโปรหรือย้ายค่ายได้ตลอดเวลา
- ควบคุมค่าใช้จ่ายรายเดือนได้: คุณสามารถเลือกแพ็กเกจที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงได้ เช่น แพ็กเกจ SIM Only ราคา 200-400 บาท ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาวได้มาก
- หาซื้อตอนมีส่วนลดได้: นี่คือจุดที่น่าสนใจมาก! ดังที่หลายคนมองไว้ การรอจังหวะซื้อเครื่องเปล่าผ่านช่องทางอื่นๆ จะช่วยให้ได้ราคาดีขึ้น เช่น
- Shopee / Lazada: รอแคมเปญใหญ่ๆ อย่าง 10.10, 11.11 หรือ Payday ซึ่งมักจะมีโค้ดส่วนลด หรือโปรผ่อน 0% ที่น่าสนใจ
- งานมหกรรมมือถือ (Thailand Mobile Expo): หลังจากเปิดตัวไปสัก 2-3 เดือน มักจะมีโปรโมชันจากตัวแทนจำหน่ายต่างๆ มาลดแลกแจกแถมกันในงาน
- ผู้ให้บริการบางรายเอาอายุการใช้งานมาแลกซื้อได้
ข้อเสีย
- ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียว: ราคาเต็มของ iPhone ทำให้ต้องเตรียมงบประมาณไว้ค่อนข้างสูง
- ไม่มีส่วนลดค่าเครื่องทันที: ราคาในวันแรกที่ซื้อจะสูงกว่าแบบติดโปรอย่างเห็นได้ชัด
เหมาะกับใคร?
เมื่อเป็นแบบนี้แล้วต้องบอกว่าการซื้อเครื่องเปล่าเหมาะกับคนที่ไม่อยากเป็นสัญญาทาส ใช้งานไม่หนักค่าบริการรายเดือนไม่ได้แพงมากอยากใช้โปรเดิมไม่อยากเปลี่ยนแปลง ชอบเปลี่ยนโปรฯ และไม่รีบเพราะอาจจะทำให้คุณได้เครื่องราคาถูกแต่ต้องรอ

แบบไหนที่ใช้สุด
เมื่อเห็นแบบนี้ทั้งหมดหลายคนอาจจะยังเลือกไม่ได้! แต่สำหรับคนที่คิดไม่ออกวันนี้ Sanook Hitech มีึคำถามที่คุณต้องตอบให้ได้ 4 ข้อด้วยกันคือ
- ปกติคุณจ่ายค่าโทรศัพท์รายเดือนเท่าไหร่? (ถ้าจ่ายแพงอยู่แล้ว ไปทาง "ติดโปร" อาจคุ้มกว่า)
- คุณมีงบสำหรับจ่ายค่าเครื่องในวันแรกเท่าไหร่? (ถ้างบจำกัด "ติดโปร" ช่วยให้จ่ายน้อยลง)
- คุณอยากเปลี่ยนค่ายมือถือหรือโปรโมชันในเร็วๆ นี้หรือไม่? (ถ้าอยากมีอิสระ "เครื่องเปล่า" คือคำตอบ)
- คุณรีบใช้เครื่องใหม่แค่ไหน? (ถ้ารอได้ "เครื่องเปล่า" ที่ซื้อตอนมีโปรลดราคาคือตัวเลือกที่ฉลาด)
ไม่ว่าจะเลือกซื้อ iPhone 17 เครื่องใหม่คือการลงทุนอย่างหนึ่ง การใช้เวลาพิจารณาไลฟ์สไตล์และแผนการใช้จ่ายของคุณ จะช่วยให้คุณได้เครื่องใหม่มาใช้ในวิธีที่คุ้มค่าและสบายใจที่สุด และคุณต้องรับให้ได้
ดาวน์โหลดสนุกแอปฟรี



