ถอดรหัส 'GPAS 5 Steps': Framework อัปเกรดการศึกษาไทย จาก 'ท่องจำ' สู่ 'สร้างนวัตกร'

ระบบการศึกษาไทยถูกมองว่าเป็น "Legacy System" ที่ทำงานบน "โค้ด" แบบเก่ามานาน เน้นการป้อนข้อมูล (Input) แบบทางเดียว หรือที่เรียกว่า "การท่องจำ" ทำให้ Output ที่ได้คือผู้เรียนที่ไม่สามารถประมวลผลหรือสร้างโปรเจกต์ใหม่ๆ ได้ด้วยตัวเอง แต่ล่าสุด ที่โรงเรียนดรุณาราชบุรี กำลังมีการรัน "ระบบปฏิบัติการการศึกษา" เวอร์ชั่นใหม่ ที่อาจเป็นคำตอบของการอัปเกรดครั้งใหญ่ทั่วประเทศ
Framework ที่ว่านี้คือ GPAS 5 Steps ซึ่งเมื่อมองผ่านเลนส์ของคนเทคฯ แล้ว มันไม่ใช่แค่วิธีสอน แต่คือ Agile Learning Framework ที่เปลี่ยนห้องเรียนให้กลายเป็น "Sandbox" สำหรับสร้างนวัตกร และกำลังได้รับการยอมรับในระดับนโยบายว่าเป็น "โมเดลที่ใช้งานได้จริง"

GPAS 5 Steps อัลกอริทึม 5 ขั้นตอนสู่การสร้าง Innovation
เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือการทำงานร่วมกับสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) โดยมี ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ เป็นสถาปนิกผู้วาง "อัลกอริทึม" การเรียนรู้นี้ ซึ่งแบ่งกระบวนการทำงานของสมองและทักษะออกเป็น 5 สเต็ปชัดเจน:
- G (Gathering) - Data Collection: ขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล ไม่ต่างจากการทำ Research หรือดึงข้อมูลจาก Database เพื่อตั้งต้นโปรเจกต์
- P (Processing) - Data Analytics: นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์, แยกแยะ, และสังเคราะห์ เพื่อหา Insight หรือแก่นของปัญหา
- A (Applying 1) - Prototyping & Development: การสร้างองค์ความรู้และลงมือสร้าง "ต้นแบบ" เพื่อแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโค้ด, สร้างโมเดล, หรือวางโครงสร้าง
- S (Applying 2) - Deployment & Pitching: การนำต้นแบบไปใช้งานจริงและนำเสนอผลงานสู่สาธารณะ ไม่ต่างจากการ Pitching โปรเจกต์ในโลกสตาร์ทอัพ
- Self-Regulating - Iteration & Improvement: การประเมินผลและเรียนรู้จากฟีดแบ็ก เพื่อนำไปปรับปรุงโปรเจกต์ให้ดีขึ้นในลูป (Loop) ต่อไป พร้อมปลูกฝังการสร้างประโยชน์ต่อสังคม
“เรามองเด็กทุกคนเป็นนวัตกรในอนาคต GPAS 5 Steps ไม่เพียงเพิ่มทักษะ แต่ยังบ่มเพาะคุณธรรม การคิดเชิงระบบ และการทำงานเป็นทีม” – ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์, ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)

Proof of Concept เมื่อห้องเรียนกลายเป็นพื้นที่สร้าง Tech Startup
สิ่งที่พิสูจน์ว่า Framework นี้เวิร์กจริง คือ "โปรดักต์" ที่จับต้องได้จากฝีมือนักเรียน ซึ่งไม่ใช่แค่โครงงานบนกระดาษ แต่เป็นนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเป็นแกนหลัก
- Software Development: การเขียนโค้ดสร้างเว็บไซต์จริง
- Robotics & Engineering: การสร้างหุ่นยนต์ "รถซูโม่บอต" และจรวดวิทยาศาสตร์
- AI & Data Science: โครงงาน AI สำหรับวิเคราะห์ข้อมูล
- IoT & HealthTech: นวัตกรรมสำหรับช่วยครูที่มีโรคประจำตัว (ซึ่งอาจเป็นอุปกรณ์ IoT)
ผลงานเหล่านี้คือ "Proof of Concept" ที่แข็งแกร่ง ถึงขนาดที่ ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี ว่าที่เลขาธิการ กพฐ. กล่าวหลังลงพื้นที่เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 68 ว่า “นี่คือของจริง!” ซึ่งเป็นการยืนยันว่าโมเดลนี้พร้อมที่จะถูก "Scale Up" สู่ระดับประเทศ
“GPAS 5 Steps สอนให้เราลงมือทำจริง ผมภูมิใจที่สิ่งที่เรียนรู้ไม่ใช่เพียงทฤษฎี แต่เป็นนวัตกรรมที่ใช้ได้จริง และพาเราไปสู่เวทีโลก” – นักเรียนโรงเรียนดรุณาราชบุรี

The Scalability Challenge: จาก Sandbox สู่ National OS
ความสำเร็จของดรุณาราชบุรี คือการพิสูจน์แล้วว่า Framework นี้มีประสิทธิภาพ แต่ความท้าทายที่ใหญ่กว่าคือ "การขยายผล (Scalability)" ประเทศไทยจะสามารถนำ "Open-Source Model" นี้ไปติดตั้งในโรงเรียนทั่วประเทศที่มีทรัพยากรและบริบทแตกต่างกันได้หรือไม่?
ครูต้องถูกเทรนให้เปลี่ยนบทบาทจาก "ผู้สอน" (Lecturer) ไปเป็น "โค้ช" หรือ "Project Manager" ส่วนนักเรียนก็ต้องเปลี่ยน Mindset จาก "ผู้รอรับ" (User) ไปเป็น "ผู้สร้าง" (Developer)
คำถามสำคัญในวันนี้จึงไม่ใช่ว่าโมเดลนี้ดีหรือไม่ แต่คือภาครัฐมีความพร้อมและกล้าพอที่จะลงทุนในการ "อัปเกรดระบบครั้งใหญ่" เพื่อปลุกยักษ์ที่ชื่อ "การศึกษาไทย" ให้ตื่นขึ้นมาสร้างนวัตกรรมที่แข่งขันได้ในเวทีโลกได้จริงจังแล้วหรือยัง? บทพิสูจน์นี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ดาวน์โหลดสนุกแอปฟรี



