เจาะลึก "Happy" หุ่นยนต์ 5G โดย True Digital Group ผู้ช่วยแพทย์ในสมรภูมิมะเร็งไทรอยด์

เจาะลึก "Happy" หุ่นยนต์ 5G โดย True Digital Group ผู้ช่วยแพทย์ในสมรภูมิมะเร็งไทรอยด์

เจาะลึก "Happy" หุ่นยนต์ 5G โดย True Digital Group ผู้ช่วยแพทย์ในสมรภูมิมะเร็งไทรอยด์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในโลกที่เทคโนโลยีกำลังเข้ามามีบทบาทในทุกอุตสาหกรรม วงการแพทย์ก็เช่นกัน True Digital Group ได้จับมือกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย พัฒนา "Happy" หุ่นยนต์อัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี 5G เพื่อเข้ามาปฏิวัติการรักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ด้วยสารรังสีไอโอดีนสำเร็จเป็นครั้งแรกในไทย โดยไม่ได้เป็นเพียงโปรเจกต์ต้นแบบ แต่มีการนำไปใช้งานจริงแล้ว 

โจทย์ตั้งต้น แก้ปัญหาด้วยหลักการ 3D ของ Robotics 

คุณสุริยา ก้อนคำ หัวหน้าทีมสร้างหุ่นยนต์ของ True Digital Group เผยว่าโปรเจกต์นี้ตอบโจทย์หลักการพัฒนากลุ่มหุ่นยนต์ 3D อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือ Dirty (งานสกปรก), Dull (งานซ้ำซาก) และ Dangerous (งานอันตราย)

เนื่องจากการรักษามะเร็งไทรอยด์ด้วยวิธีนี้มีความเสี่ยงสูงต่อบุคลากรทางการแพทย์ ตั้งแต่การขนย้ายกล่องตะกั่วบรรจุยาที่หนักถึง 7 กก. ซึ่งสารรังสีจะแผ่ออกมาทันทีที่เปิดออก ไปจนถึงรังสีที่ตกค้างในห้องหรือแผ่ออกมาจากตัวผู้ป่วยเอง การนำหุ่นยนต์เข้ามาจึงเป็นโซลูชันที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของบุคลากรได้อย่างมหาศาล

400890_0 

จากสมรภูมิโควิด-19 สู่การพัฒนาหุ่นยนต์เฉพาะทาง 

รากฐานของหุ่นยนต์ "Happy" มาจากการต่อยอดประสบการณ์ในสถานการณ์จริง โดย 5 ปีก่อน ทีมได้พัฒนา Robots As a Service แต่เมื่อเกิดการระบาดของ Covid-19 จึงได้มีการนำหุ่นยนต์ส่งของเชิงพาณิชย์มาประยุกต์ใช้ในโรงพยาบาลสนามขนาด 400 เตียง โดยเพิ่มฟังก์ชัน Telemedicine สำหรับส่งยาและสอบถามอาการ ซึ่งทีมงานใช้เวลาเพียง 2 คืนในการทำ Mapping ให้หุ่นยนต์วิ่งบริการได้ครบทุกเตียง ประสบการณ์ครั้งนั้นกลายเป็นต้นทุนสำคัญในการพัฒนาหุ่นยนต์ทางการแพทย์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

400891_0 

เบื้องหลังทางเทคนิค: เมื่อ Hardware และ 5G ต้องทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ

การพัฒนาหุ่นยนต์ "Happy" ใช้เวลาร่วม 1 ปี โดยมี challange ทางวิศวกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง

  • Hardware Overhaul: ทีมงานเริ่มต้นจากการนำแชสซี (Chassi) ของหุ่นยนต์ส่งของมาถอดรื้อโครงสร้างใหม่ทั้งหมด เนื่องจากหุ่นยนต์ส่งของทั่วไปไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รับน้ำหนักที่กดลงจุดเดียวอย่างกล่องตะกั่วบรรจุยารังสี ทีมจึงต้องเสริมล้อและเปลี่ยนกลไกใหม่ทั้งหมด และทำการทดสอบการรับน้ำหนักซ้ำๆ นับพันครั้งเป็นเวลากว่า 2 เดือนเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยสูงสุด
  • 5G & Connectivity: การควบคุมหุ่นยนต์ผ่านแท็บเล็ต, การทำ Telemedicine และการส่งข้อมูลสัญญาณชีพแบบเรียลไทม์ไปยังระบบคลาวด์ ล้วนต้องอาศัยเครือข่าย 5G ที่มีความเสถียรและความเร็วสูง แต่ความท้าทายที่สุดคือห้องพักผู้ป่วยที่บุด้วยตะกั่วหนา 1 ซม. เพื่อป้องกันรังสี ซึ่งเทียบเท่ากำแพงอิฐหนา 1 เมตร ทำให้สัญญาณเข้าถึงได้ยากมาก
  • The Solution: เพื่อแก้ปัญหานี้ ทีมจึงทำการติดตั้ง Cell Site ขนาดเล็กภายในห้องพักผู้ป่วยโดยเฉพาะ เพื่อให้หุ่นยนต์สามารถเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ฟังก์ชันที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี 

หุ่นยนต์ "Happy" ถูกพัฒนาขึ้นจากกระบวนการ Design Thinking โดยการทำงานร่วมกันระหว่างทีมแพทย์และทีมวิศวกร จนเกิดเป็นหุ่นยนต์ที่มี 4 ฟังก์ชันหลัก

  • ขนส่ง: ลำเลียงสารรังสีไอโอดีน, ยา, เวชภัณฑ์ และอาหาร
  • Telemedicine: ผู้ป่วยและแพทย์สามารถพูดคุยปรึกษากันผ่านวิดีโอคอลความละเอียดสูง รวมถึงให้ผู้ป่วยใช้พูดคุยกับครอบครัวได้
  • วัดและบันทึกสัญญาณชีพ: เชื่อมต่ออุปกรณ์เพื่อวัดค่าต่างๆ เช่น ชีพจร, ความดัน และส่งข้อมูลเข้าระบบแบบเรียลไทม์
  • สำรวจรังสี: ติดตั้งไกเกอร์มิเตอร์เพื่อตรวจวัดการเปรอะเปื้อนของรังสีในพื้นที่ต่างๆ และแสดงผลเป็นแผนที่ความร้อน (Heat Map) ของห้อง

 400892_0

มากกว่าแค่เทคโนโลยี: Humanize Design และอนาคตของ Companion Bot

นอกเหนือจากฟังก์ชันการทำงาน ทีมพัฒนายังให้ความสำคัญกับแนวคิด "Humanize" ตัวหุ่นยนต์ถูกออกแบบให้เป็นรูปแมว ใช้ชื่อว่า "Happy" เพื่อลดความกังวลและเยียวยาจิตใจของผู้ป่วย ซึ่งผลตอบรับจากผู้ป่วยและครอบครัวชี้ว่า พวกเขาสบายใจขึ้นที่บุคลากรไม่ต้องเสี่ยง และหุ่นยนต์ยังช่วยสร้างบรรยากาศที่สดใสขึ้นในห้องพัก

ปัจจุบันหุ่นยนต์ "Happy" มีใช้งานจริง 3 ตัวในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และได้รับรางวัลการันตีความสำเร็จมากมาย รวมถึงรางวัล Chairman Award ในงาน CP Innovation & Symposium 2025 และรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2567

คุณสุริยาทิ้งท้ายถึงความฝันสูงสุดของเขา คือการสร้าง "Companion Bot" ผู้ช่วยส่วนตัวที่ผสานเทคโนโลยี AI และ Physical AI เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้เป็นทั้งเพื่อนและผู้ช่วยของมนุษย์ในชีวิตประจำวันที่สามารถใช้งานได้อย่างแพร่หลายในอนาคต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล