เฉลยแล้ว มือถือ Samsung และ iPhone ขยายแบตฯ ได้ไม่เท่าจีน เป็นเพราะกฏหนึ่งของสหรัฐฯ

เคยสงสัยไหมว่าทำไมเรือธงระดับท็อปอย่าง Samsung Galaxy S25 ยังคงย่ำอยู่กับแบตเตอรี่ 5,000mAh มาตั้งแต่รุ่น S20 Ultra ในปี 2020 ทั้งที่เทคโนโลยีไปไกลแล้ว? รวมถึง iPhone เองก็ไม่ยอมไปถึง 5000 สะกที คำตอบอาจซับซ้อนกว่าเรื่องดีไซน์หรือต้นทุน แต่เป็น "กำแพงทางกฎหมาย" ที่ทำให้แบรนด์ระดับโลกต้องจำใจทำ
รู้จัก กฎหมายที่ขวางนวัตกรรมแบตเตอรี่
ต้นตอของเรื่องนี้คือกฎหมายการขนส่งของสหรัฐฯ ที่ระบุว่าเซลล์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแต่ละเซลล์ต้องมีความจุไม่เกิน 20Wh (Watt-hour) เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตีตราเป็น "วัตถุอันตราย Class 9" ซึ่งจะทำให้กระบวนการโลจิสติกส์ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมาก
ด้วยเหตุนี้ แบรนด์ที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และยุโรปเป็นหลักอย่าง Samsung และ Apple จึงเลือกแนวทางที่ปลอดภัยที่สุด คือการคงขนาดแบตเตอรี่ไว้ไม่ให้เกินขีดจำกัดนี้ ขณะที่แบรนด์จีนซึ่งมีตลาดในประเทศเป็นฐานที่มั่นขนาดใหญ่ สามารถผลิตรุ่นที่แบตเตอรี่ใหญ่กว่า 6,000mAh สำหรับขายในประเทศได้ และเมื่อต้องส่งออกไปยุโรป ก็จะลดขนาดแบตลงมา เช่น Xiaomi 15 Ultra ที่มีแบต 5,410mAh ในเยอรมนี
"Dual-Cell" ช่องโหว่ทางวิศวกรรมที่แบรนด์จีนใช้
เพื่อแก้ปัญหานี้และยังคงความจุที่สูงไว้ แบรนด์จีนได้ใช้เทคนิคการออกแบบแบตเตอรี่แบบ Dual-Cell คือการแบ่งแบตเตอรี่ก้อนใหญ่ออกเป็น 2 ก้อนเล็ก เช่น แบต 6,000mAh จะถูกแบ่งเป็น 2 เซลล์ เซลล์ละ 3,000mAh (ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ 20Wh) ทำให้สามารถผ่านกฎการขนส่งได้โดยที่ผู้บริโภคยังได้ความจุรวมที่สูงเท่าเดิม นี่คือเหตุผลที่เราเห็นมือถือจีนชาร์จเร็วมากๆ และมีแบตใหญ่ๆ วางขายในตลาดโลกได้
และสุดท้ยประเด็นที่น่าคิดคือ กฎหมายเหล่านี้อาจตั้งอยู่บนพื้นฐานเทคโนโลยีแบตเตอรี่ยุคเก่า ข้อมูลปัจจุบันไม่ได้ชี้ชัดว่าแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า 5,000mAh มีความเสี่ยงสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในทางกลับกัน อุบัติเหตุหลายครั้งก็เกิดกับแบตเตอรี่ที่ "ปลอดภัย" ตามเกณฑ์ด้วยซ้ำ
นี่จึงเป็นภาพสะท้อนของการต่อสู้ระหว่างนวัตกรรมที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว กับกฎระเบียบที่เคลื่อนตัวช้า ซึ่งท้ายที่สุดแล้วอาจทำให้ผู้บริโภคในตลาดโลกพลาดโอกาสที่จะได้ใช้สมาร์ทโฟนที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น
ดาวน์โหลดสนุกแอปฟรี



