ฟีเจอร์ Fast Charge มือถือ ได้ไฟเร็ว...แต่คุณต้องจ่ายไฟกี่บาท / เดือน?
Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
//s.isanook.com/hi/0/ud/322/1614291/fast.jpgฟีเจอร์ Fast Charge มือถือ ได้ไฟเร็ว...แต่คุณต้องจ่ายไฟกี่บาท / เดือน?

ฟีเจอร์ Fast Charge มือถือ ได้ไฟเร็ว...แต่คุณต้องจ่ายไฟกี่บาท / เดือน?

แชร์เรื่องนี้

ทุกวันนี้มือถือหลายๆ รุ่นมักจะมีเทคโนโลยีชาร์จไฟเร็วที่สามารถจ่ายไฟได้กำลังสูงสุด โดยมากสุดคือ 120W ทำให้หลายคนบอกว่ามันจะกินไฟเยอะไหมตามที่คิดกันไปเองว่า "ยิ่งเร็ว ยิ่งแรง ก็ต้องยิ่งเปลืองไฟสิ" แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลักการคิดค่าไฟนั้นง่ายกว่าที่คิด และคำตอบอาจทำให้คุณประหลาดใจ ซึ่ง Sanook Hitech มีคำตอบครับ

"ความเร็ว" vs "ความจุ" อะไรที่มีผลกว่าด้านการกินไฟ

เราต้องมาทำความเข้าใจคือ ค่าไฟฟ้าไม่ได้คิดจาก "กำลังไฟ" (วัตต์) ของที่ชาร์จ แต่คิดจาก "ปริมาณพลังงานทั้งหมด" ที่ถูกส่งเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่จนเต็มในตัวมือถือจะมี 2 ส่วน

  • ความจุแบตเตอรี่ (mAh) คือปริมาณพลังงานที่แบตเตอรี่ของคุณเก็บได้ เปรียบเสมือนขนาดของถังน้ำ
  • กำลังไฟของที่ชาร์จ (W) คือความเร็วของปั๊มน้ำที่ใช้เติมน้ำเข้าถัง

ไม่ว่าคุณจะใช้ปั๊มน้ำที่แรงแค่ไหน (ชาร์จเร็ว) หรือปั๊มน้ำธรรมดา (ชาร์จปกติ) สุดท้ายแล้วปริมาณน้ำที่ต้องเติมให้เต็มถังก็ยังคงเท่าเดิม ค่าไฟจึงขึ้นอยู่กับ "ขนาดของถัง" หรือ "ความจุแบตเตอรี่" เป็นหลักนั่นเอง

gettyimages-1222768826-170667

มาคำนวณกัน! ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง จ่ายกี่สตางค์?

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เรามาลองคำนวณค่าไฟในการชาร์จมือถือที่มีแบตเตอรี่ขนาดมาตรฐานยอดนิยม 5,000 mAh กันครับ ประกอบไปด้วย

  1. แปลงความจุ (mAh) เป็นหน่วยพลังงาน (Wh) โดยใช้สูตร (mAh × V) / 1000 (แรงดันไฟ V ของแบตฯ มือถืออยู่ที่ประมาณ 3.85V)
  2. เผื่อการสูญเสียพลังงาน การชาร์จจะเกิดความร้อน ทำให้มีการสูญเสียพลังงานไปประมาณ 15-25%
  3. อัตราค่าไฟ ค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านอยู่อาศัยในปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณหน่วยละ 4 บาท (ข้อมูล ณ มิ.ย. 2568)

วิธีการคำนวณ

  1. หาพลังงานของแบตเตอรี่ (Wh): (5,000 mAh × 3.85 V) / 1000 = 19.25 Wh

  2. รวมพลังงานที่สูญเสียไป (เผื่อ 20%): 19.25 Wh × 1.20 = 23.1 Wh (นี่คือพลังงานที่เราดึงมาจากเต้ารับจริงๆ)

  3. แปลงเป็น "หน่วย" ไฟฟ้า (kWh) ที่ใช้คิดเงิน: 23.1 Wh / 1000 = 0.0231 kWh

  4. คำนวณค่าไฟ: 0.0231 kWh × 4 บาท/หน่วย ≈ 0.092 บาท

ผลลัพธ์คือ... ประมาณ 9 สตางค์!

แล้วถ้าคิดเป็นรายเดือน จะจ่ายค่าไฟเท่าไหร่?

เมื่อรู้ว่าชาร์จครั้งหนึ่งจ่ายไม่ถึง 10 สตางค์ หลายคนอาจจะอยากรู้ต่อว่า แล้วถ้าเราชาร์จมือถือทุกวันตลอดทั้งเดือนล่ะ จะเป็นเงินเท่าไหร่? ต่อเดือน

  • ค่าไฟต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ประมาณ 0.092 บาท (9 สตางค์)
  • สมมติว่าเราชาร์จวันละ 1 ครั้ง: หนึ่งเดือนมี 30 วัน

ค่าไฟต่อเดือน = 0.092 บาท/วัน × 30 วัน = 2.76 บาท

น่าทึ่งใช่ไหมครับ! ค่าไฟสำหรับการชาร์จมือถือที่ใช้งานทุกวันตลอดหนึ่งเดือนนั้น ยังไม่ถึง 3 บาทด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่น้อยมากเมื่อเทียบกับค่าไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ในบ้านหลายๆ ชิ้นรวมกันอีก

batch_img_9798

คำแนะนำเพิ่มหากอยากชาร์จไฟมือถือและถนอมเครื่องไปด้วย

แม้ค่าไฟจะถูกมาก แต่การดูแลแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนานก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน ขอสรุปดังนี้

  • อย่าปล่อยให้แบตฯ หมดจนเครื่องดับ: การชาร์จไฟเมื่อแบตเตอรี่เหลือ 20-30% จะดีต่อสุขภาพเซลล์แบตเตอรี่มากกว่า และไม่เปลืองไฟ เว้นแต่จำเป็นจริงๆ 
  • หลีกเลี่ยงการชาร์จในที่ร้อน: ความร้อนคือศัตรูตัวฉกาจของแบตเตอรี่ พยายามอย่าชาร์จมือถือบนโซฟา, ใต้ผ้าห่ม หรือกลางแดด
  • ใช้ที่ชาร์จและสายชาร์จที่ได้มาตรฐาน: อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานจะช่วยจัดการการจ่ายไฟได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
  • ถอดเคสหนาๆ ตอนชาร์จ: หากเคสของคุณหนามาก การถอดออกจะช่วยระบายความร้อนได้ดีขึ้น

ครั้งต่อไปที่คุณเสียบสายชาร์จ ไม่ต้องกังวลว่าที่ชาร์จเร็วจะทำให้ค่าไฟพุ่งกระฉูด เพราะค่าใช้จ่ายในการชาร์จมือถือแต่ละครั้งนั้นน้อยมาก และแม้จะชาร์จทุกวัน ค่าไฟต่อเดือนก็ยังไม่ถึง 3 บาท ปัจจัยหลักที่กำหนดค่าไฟก็คือ "ขนาดความจุของแบตเตอรี่" ไม่ใช่ "ความเร็ว" และควรจะชาร์จที่เหมาะสม