TikTok สหรัฐฯ ยังไร้ทางออก Trump ขยายเวลาเส้นตายอีก 90 วันออกไปอีก

ดูเหมือนว่าอนาคตของ TikTok ในสหรัฐอเมริกายังคงแขวนอยู่บนเส้นด้าย ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งผู้บริหาร ขยายเวลาให้ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ในการขายกิจการในสหรัฐฯ ออกไปอีก 90 วัน ทำให้เส้นตายใหม่จะสิ้นสุดลงในช่วงกลางเดือนกันยายน 2025 การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ จึงเป็นเหตุผลที่ต้องเลื่อนออกไป
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน 2024 สภาคองเกรสสหรัฐฯ ได้ผ่านกฎหมาย "Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act" (PAFACA) ด้วยความเห็นชอบจากทั้งสองพรรค กฎหมายดังกล่าวมีใจความสำคัญคือบีบให้ ByteDance ต้องขายกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ ภายในวันที่ 19 มกราคม 2025 มิเช่นนั้นจะถูกแบนจากการให้บริการในประเทศอย่างถาวร ประเด็นนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงของชาติ ที่ข้อมูลผู้ใช้งานชาวอเมริกันจำนวนมหาศาลอาจตกไปอยู่ในมือของรัฐบาลจีนได้
แม้ว่า ByteDance จะพยายามต่อสู้ทางกฎหมายโดยอ้างว่ากฎหมายดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ในที่สุดศาลฎีกาของสหรัฐฯ ก็ได้มีคำตัดสินยืนตามกฎหมายเดิมในเดือนธันวาคม 2024 ทำให้ชะตากรรมของ TikTok อยู่ในมือของฝ่ายบริหารอย่างเต็มตัว
ภายหลังจากเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม 2025 ประธานาธิบดีทรัมป์ได้แสดงท่าทีที่อ่อนลงกว่าในสมัยแรก โดยได้มีการขยายเส้นตายให้กับ TikTok มาแล้วหลายครั้ง
เบื้องหลังของเรื่องนี้
แหล่งข่าวจาก Reuters เคยรายงานเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน 2025 ว่า ข้อตกลงซื้อขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ใกล้จะบรรลุผลแล้ว โดยมีกลุ่มทุนที่นำโดยนักลงทุนสัญชาติอเมริกันพร้อมเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 80% ตามที่กฎหมายกำหนด และได้รับการยอมรับจากทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ และ ByteDance เอง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กลับพลิกผันเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศสงครามภาษีครั้งใหม่กับจีน ทำให้รัฐบาลปักกิ่งปฏิเสธที่จะอนุมัติข้อตกลงดังกล่าว ส่งผลให้ทุกอย่างต้องกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่
การที่รัฐบาลจีนต้องอนุมัติข้อตกลงซื้อขายด้วยนั้น ถือเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่สุดในสมการนี้ TikTok ได้กลายเป็นเครื่องมือต่อรองที่สำคัญในสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจ ทำให้ทุกความพยายามในการเจรจาซื้อขายล้วนมีความเสี่ยงที่จะล้มเหลวได้จากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้
แล้วใครที่จะมาซื้อล่ะ?
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา มีบริษัทยักษ์ใหญ่และกลุ่มทุนมากมายที่แสดงความสนใจในการเข้าซื้อกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft, Oracle ไปจนถึง Amazon นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักลงทุนและบุคคลที่มีชื่อเสียงอีกหลายรายที่จับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ด้วยมูลค่ามหาศาลของ TikTok และความซับซ้อนของข้อตกลง ทำให้ยังไม่มีรายใดสามารถปิดดีลได้สำเร็จ
ความท้าทายสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ประเด็นเรื่องอัลกอริทึมแนะนำคอนเทนต์ (recommendation algorithm) ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของ TikTok มีแนวโน้มสูงว่ารัฐบาลจีนจะไม่ยินยอมให้เทคโนโลยีดังกล่าวถูกขายไปพร้อมกับกิจการ ซึ่งหมายความว่าผู้ซื้อรายใหม่จะต้องเข้ามาพัฒนาอัลกอริทึมของตัวเองขึ้นมา ซึ่งนับเป็นความท้าทายทางเทคนิคอย่างมหาศาล
สถานการณ์ของ TikTok ในสหรัฐฯ จึงยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นักลงทุนและผู้ใช้งานต่างต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่า ภายใน 90 วันข้างหน้านี้ จะมีข้อตกลงใหม่เกิดขึ้นได้หรือไม่ หรือชะตากรรมของแอปพลิเคชันยอดนิยมนี้จะต้องเผชิญกับการถูกแบนในที่สุด ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภูมิทัศน์ของวงการเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียในสหรัฐฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้