จับมือสอนดาวน์เกรด iOS 26 สู่ iOS 18 รุ่นปกติ สายลองกลับใจต้องรู้

จับมือสอนดาวน์เกรด iOS 26 สู่ iOS 18 รุ่นปกติ สายลองกลับใจต้องรู้

จับมือสอนดาวน์เกรด iOS 26 สู่ iOS 18 รุ่นปกติ สายลองกลับใจต้องรู้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่ Apple ได้ปล่อย iOS 26 Beta และ iPadOS 26 Beta ให้นักพัฒนาให้นักพัฒนาได้ลองเอามาปรับกับของตัวเอง แต่ก็มีผู้ที่เป็นสายอยากลองได้ติดตั้งมาเพื่อใช้งานฟีเจอร์ใหม่ๆ กันไปแล้ว หลายคนอาจกำลังเผชิญกับปัญหาคลาสสิกของซอฟต์แวร์เวอร์ชันทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นแอปเด้ง, แบตเตอรี่ไหล, เครื่องค้าง หรือฟีเจอร์ทำงานไม่เสถียร หากอยากกลับใจวันนี้เรามีวิธี Downgrade มาบอกกัน

ความอันตรายของเวอร์ชั่นนักพัฒนา

ก่อนอื่นต้องบอกแบบนี้ครับ iOS 26 เวอร์ชั่นนี้มีเรื่องของความไม่สมบูรณ์เพราะเป็นการให้นักพัฒนาได้ทดลองเพื่อหาจุดบกพร่องก่อนที่จะทำให้เวอร์ชั่นดังกล่าวสมบูรณ์แบบและพร้อมใช้งาน ทำให้คุณเจอปัญหาเยอะไม่ว่าจะเป็น แอปเด้ง ใช้งานไม่ได้, แบตเตอรี่ไหลเป็นน้ำตก, เครื่องค้าง หรือฟีเจอร์ทำงานไม่เสถียร และบางทีเจอโรคประหลาดแลกกับได้ลองก่อน ซึ่งคนที่มีหลายเครื่อง ก็ลองได้ แต่ถ้าเอามาใช้เครื่องหลัก อันนี้ไม่แนะนำเลย

สิ่งที่ก่อนจะติดตั้งต้องทำ

 ios-26-feature

ก่อนจะไปดูขั้นตอนการทำ Downgrade หรือติดตั้งเวอร์นนักพัฒนาเช่นกัน มีเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่คุณต้องทราบก่อนดังนี้

  • เรื่องการ Backup ข้อมูล (สำคัญที่สุด!)

    • ถ้าคุณได้สร้างไฟล์ Backup แบบ Archive ไว้บน Mac/PC ก่อนอัปเดตเป็น iOS 26 ยินดีด้วยครับ! คุณจะสามารถ Downgrade และกู้คืนข้อมูลทั้งหมดกลับมาได้เหมือนเดิม
    • ถ้าคุณไม่ได้สร้าง Backup ไว้ คุณยังสามารถ Downgrade ได้ แต่ข้อมูลทั้งหมดบนเครื่องจะถูกลบหายไป และไม่สามารถกู้คืนได้ ต้องเริ่มต้นตั้งค่าเครื่องใหม่ทั้งหมด
  • คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Apple Watch 

    • หากคุณได้อัปเดต Apple Watch ของคุณเป็น watchOS 26 Beta ไปแล้ว เมื่อคุณ Downgrade iPhone กลับมาเป็น iOS 25 (เวอร์ชันเสถียรล่าสุด) คุณจะไม่สามารถเชื่อมต่อและใช้งาน Apple Watch เรือนนั้นได้อีกต่อไป
    • ที่สำคัญคือ ผู้ใช้ไม่สามารถ Downgrade watchOS ได้ด้วยตนเอง หากต้องการนำ watchOS 26 Beta ออก คุณต้องส่ง Apple Watch ของคุณไปให้ทาง Apple ดำเนินการให้เท่านั้น

 restore-ios-device

ขั้นตอนการ Downgrade iOS 26 / iPadOS 26 Beta

เมื่อเข้าใจคำเตือนทั้งหมดแล้ว เรามาเริ่มย้อนกลับกันเลย เพราะทำได้ทั้ง Mac และ Windows อาจจะต่างกันเล็กน้อย เริ่มจาก

  1. เปิดโปรแกรม Finder บน Mac ของคุณ (หรือโปรแกรม iTunes สำหรับผู้ใช้ PC Windows)
  2. เชื่อมต่อ iPhone หรือ iPad ของคุณเข้ากับคอมพิวเตอร์ผ่านสาย Lightning หรือ USB-C
  3. ทำการ "เข้า Recovery Mode" บน iPhone หรือ iPad ของคุณ (วิธีการในแต่ละรุ่นจะแตกต่างกัน ดูได้ที่หัวข้อถัดไป)
  4. เมื่อเข้าสู่ Recovery Mode สำเร็จ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์จะปรากฏหน้าต่าง Pop-up ขึ้นมา ให้คลิกที่ปุ่ม "Restore" (กู้คืน)
  5. ขั้นตอนนี้ Finder (หรือ iTunes) จะทำการลบข้อมูลทั้งหมดในเครื่องของคุณ และติดตั้ง iOS หรือ iPadOS เวอร์ชันล่าสุดที่เป็นเวอร์ชันทางการ (Public Release) ให้โดยอัตโนมัติ
  6. รอจนกว่ากระบวนการ Restore จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์

วิธีเข้า Recovery Mode ในแต่ละรุ่น

  • iPad รุ่นที่มี Face ID

    1. กดแล้วปล่อย ปุ่มเพิ่มเสียง
    2. กดแล้วปล่อย ปุ่มลดเสียง
    3. กด ปุ่มด้านบน (Top Button) ค้างไว้จนกว่าเครื่องจะเริ่ม Restart และกดค้างต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหน้าจอแสดงผลเข้าสู่ Recovery Mode
  • iPhone XS หรือใหม่กว่า

    1. กดแล้วปล่อย ปุ่มเพิ่มเสียง
    2. กดแล้วปล่อย ปุ่มลดเสียง
    3. กด ปุ่มด้านข้าง (Side Button) ค้างไว้จนกว่าจะเห็นหน้าจอ Recovery Mode

ขั้นตอนสุดท้าย การเรียกคืนข้อมูล

หลังจากที่เครื่องของคุณ Downgrade และกลับมาเป็น iOS/iPadOS เวอร์ชันเสถียรเรียบร้อยแล้ว หากคุณมีไฟล์ Backup ที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้ ก็สามารถทำการกู้คืนข้อมูลผ่าน Finder, iTunes หรือผ่านทาง iCloud เพื่อให้ข้อมูลทั้งหมดของคุณกลับมาทั้งหมด และใช้งานได้เหมือนเดิม 

เอาจริงๆ ขั้นตอนเยอะกว่าตอนติดตั้งอีก ฉะนั้นคิดให้ดีก่อนลงจะดีที่สุดนะ เตือนแล้ว!!! ฟังกันหน่อยเถอะ!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล