เปิดตัว watchOS 26 การอัปเกรดที่ทำให้คุณรัก Apple Watch อีกครั้ง

รอบนี้เรามาดูกับระบบปฏิบัติการของ watchOS 26 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่สำหรับ Apple Watch ที่มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยชู 3 เสาหลัก ได้แก่ การยกเครื่องดีไซน์ด้วย "Liquid Glass", การนำ Apple Intelligence มาใช้อย่างเต็มรูปแบบในฟีเจอร์ฟิตเนส และการเพิ่มท่าทางควบคุมใหม่ที่ทำให้การใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น รอบนี้เรามาดูฟีเจอร์ใหม่ของระบบปฏิบัติการใหม่ของ Apple Watch นี้กัน
อะไรใหม่ใน watchOS 26
1. Workout Buddy: AI Coach ส่วนตัวบนข้อมือ ขับเคลื่อนด้วย Apple Intelligence
นี่คือฟีเจอร์ที่เรียกได้ว่าเป็น "Game Changer" ของ watchOS 26 อย่างแท้จริง Workout Buddy คือโค้ชออกกำลังกายที่ขับเคลื่อนด้วย Apple Intelligence โดยจะให้ข้อมูลและแรงบันดาลใจด้วยเสียงแบบเรียลไทม์ ผ่านหูฟังที่เชื่อมต่ออยู่
- การทำงาน: ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูลการออกกำลังกายย้อนหลัง, อัตราการเต้นของหัวใจ, เพซ, ระยะทาง และเป้าหมายวงแหวนกิจกรรมของผู้ใช้ เพื่อสร้างคำแนะนำและคำพูดให้กำลังใจที่ "เฉพาะตัว" จริงๆ
- ตัวอย่างการใช้งาน:
- ก่อนวิ่ง: "เยี่ยมมากที่ออกมาวิ่งเช้านี้! อีกแค่ 18 นาทีก็จะปิดวงแหวนการออกกำลังกายได้แล้วนะ"
- ระหว่างวิ่ง: "ในกิโลเมตรที่ 4 คุณเร่งความเร็วขึ้น ทำเวลาได้ 8 นาที 28 วินาที!"
- หลังวิ่ง: "สุดยอด! คุณวิ่งไป 7 กิโลเมตรใน 34 นาที เพซเฉลี่ย 5:34 และทำระยะได้มากที่สุดในรอบ 28 วันเลยนะ"
ข้อควรรู้: Workout Buddy ใช้โมเดล AI ที่ทำงานบน iPhone จึงจำเป็นต้องมี iPhone ที่รองรับ Apple Intelligence (iPhone 15 Pro, 16 หรือใหม่กว่า) อยู่ใกล้ๆ และจะเริ่มให้บริการในภาษาอังกฤษก่อน
2. ยกเครื่องดีไซน์และประสบการณ์ใช้งาน (UI/UX Overhaul)
watchOS 26 ได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่เพื่อประสบการณ์ที่สดใหม่และใช้งานง่ายขึ้น
- ดีไซน์ใหม่ "Liquid Glass": นำดีไซน์โปร่งแสงคล้ายแก้วมาใช้กับ UI ทั่วทั้งระบบ ตั้งแต่ Smart Stack, Control Center ไปจนถึงการแจ้งเตือน ทำให้คอนเทนต์ดูลอยเด่นและมีมิติมากขึ้น แต่ยังคงความรู้สึกคุ้นเคยในการใช้งาน
- ท่าทางใหม่ "Flick Gesture": เพิ่มวิธีการควบคุมด้วยมือเดียวที่สะดวกสุดๆ เพียงแค่ "พลิกข้อมือ" หนึ่งครั้งอย่างรวดเร็ว ก็สามารถปิดการแจ้งเตือน, ปิดเสียงนาฬิกาปลุก หรือกลับไปยังหน้าปัดนาฬิกาได้ทันที โดยอาศัยข้อมูลจากเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและ Machine Learning ซึ่งจะทำงานควบคู่ไปกับท่าทาง "แตะสองครั้ง" (Double Tap) ที่มีอยู่เดิม
3. ฉลาดขึ้นและรู้ใจกว่าเดิม (Smarter & More Intuitive)
ระบบปฏิบัติการใหม่นี้ถูกออกแบบมาให้คาดเดาความต้องการของผู้ใช้ได้ดีขึ้น
- Smart Stack ที่ฉลาดขึ้น: อัลกอริทึมใหม่ทำให้ Smart Stack สามารถแสดงวิดเจ็ตที่เกี่ยวข้องได้แบบเชิงรุก โดยใช้ข้อมูลจากบริบท, เซ็นเซอร์ และพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น เมื่อคุณเดินทางไปถึงสตูดิโอพิลาทิส วิดเจ็ตการออกกำลังกายพิลาทิสอาจปรากฏขึ้นมาแนะนำโดยอัตโนมัติ
- แอปข้อความและการสื่อสาร:
- Live Translation: รองรับการแปลข้อความแบบเรียลไทม์บนข้อมือได้โดยตรง (ต้องใช้ร่วมกับ iPhone ที่รองรับ Apple Intelligence)
- Smart Reply ที่แม่นยำขึ้น: ด้วยโมเดลภาษาบนอุปกรณ์ (On-device LLM) ทำให้คำตอบแนะนำมีความเหมาะสมกับบริบทการสนทนามากขึ้น
4. การอัปเดตแอปหลักและเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา
- แอปโน้ต (Notes): ในที่สุดแอปโน้ตก็มาอยู่บน Apple Watch แล้ว สามารถดู, ปักหมุด, สร้าง หรือแก้ไขโน้ตได้จากข้อมือโดยตรง
- แอปออกกำลังกาย (Workout): ปรับปรุงเลย์เอาต์ใหม่ครั้งใหญ่ เข้าถึงการตั้งค่าต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และสามารถผูกเพลย์ลิสต์จาก Apple Music ให้เล่นอัตโนมัติตามประเภทการออกกำลังกายได้
- API ใหม่สำหรับนักพัฒนา: เปิดให้นักพัฒนาสามารถสร้างวิดเจ็ตสำหรับ Smart Stack ที่อิงตามตำแหน่งที่ตั้งได้ (Smart Stack Relevance API) และสร้างปุ่มควบคุมของแอปตัวเองเพื่อไปใส่ไว้ใน Control Center ได้ (Control Widget API)
ดังนั้นใครที่เห็นฟีเจอร์เหล่านี้อยู่อยากดาวน์โหลดเรามาดูกับ Apple Watch รุ่นไหนที่ได้ไปต่อกับ watchOS 26 กันก่อน และเจอกันช่วงปลายปีนี้ในเวอร์ชั่นจริง
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ