ภาษีเขย่าราคา iPhone 16 Pro Max นักวิเคราะห์ชี้อาจขึ้นไม่แรงอย่างที่คิด แต่ยังผันผวนสูง

สถานการณ์ความไม่แน่นอนของนโยบายภาษียังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐอเมริกา โดยมี iPhone เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ถูกนำมาวิเคราะห์ถึงผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นักวิเคราะห์ยังคงพยายามคำนวณผลกระทบของภาษีต่อราคาขายปลีกในสหรัฐฯ โดยเมื่อวานนี้ Wall Street Journal (WSJ) ได้ประเมินว่า ต้นทุนการผลิต (Bill of Materials) ของ iPhone 16 Pro รุ่น 256GB อาจเพิ่มขึ้นถึง 300 ดอลลาร์สหรัฐ

ขณะเดียวกัน รายงานฉบับใหม่จาก UBS ได้นำเสนอสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด นั่นคือการคาดการณ์ราคาขายปลีกของ iPhone 16 Pro Max รุ่นความจุ 1TB ในปัจจุบัน iPhone 16 Pro Max รุ่น 1TB มีราคาอยู่ที่ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่าราคาอาจพุ่งสูงถึง 2,300 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการประเมินว่าผลิตภัณฑ์ Apple ทุกชนิดที่ผลิตในจีนอาจมีราคาสูงขึ้นราว 40%

อย่างไรก็ตาม รายงานของ UBS ได้คำนวณว่า iPhone 16 Pro Max รุ่น 1TB ที่ผลิตในจีน อาจมีราคาขายปลีกอยู่ที่ 2,062 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น 29% จากราคาปัจจุบัน การคำนวณนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าอัตราภาษีสำหรับสินค้าจากจีนยังคงอยู่ที่ 54% ในปัจจุบัน แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เคยขู่ที่จะปรับขึ้นภาษีสูงถึง 104% เพื่อตอบโต้มาตรการภาษีของจีน ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ราคาขายปลีกของ iPhone ก็อาจสูงขึ้นไปอีกมาก

 

นอกจากจีนแล้ว Apple ยังมีฐานการผลิต iPhone ในประเทศอินเดีย ซึ่งหากมีการนำเข้าไปยังสหรัฐฯ จะต้องเสียภาษีนำเข้า 26% นั่นหมายความว่า iPhone 16 Pro รุ่น 128GB ที่มีราคาปัจจุบัน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ อาจมีราคาสูงขึ้นเป็น 1,120 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 12% สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ ภาษีไม่ได้ถูกนำไปบวกกับราคาขายปลีกโดยตรง แต่คิดจากราคาที่ Apple จ่ายให้กับพันธมิตรผู้ผลิต ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมราคาจึงเพิ่มขึ้นเพียง 12% แทนที่จะเป็น 26% ตามอัตราภาษี

สำหรับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Apple ที่ได้รับผลกระทบจากภาษีเช่นกันคือ Apple Watch Ultra 2 ซึ่งผลิตในเวียดนาม ปัจจุบันเวียดนามถูกเก็บภาษีนำเข้า 46% ซึ่งอาจส่งผลให้ราคา Apple Watch Ultra 2 จากเดิม 800 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 19% เป็น 950 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การตัดสินใจของ Apple ว่าจะจัดการกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีเหล่านี้อย่างไร บริษัทอาจเลือกที่จะผลักภาระทั้งหมดไปยังผู้บริโภค หรืออาจยอมลดอัตรากำไรของตนเอง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ทรัมป์เริ่มเก็บภาษี 10% จากสินค้าจีน ยังไม่มีความชัดเจนว่า Apple จะเลือกแนวทางใดเมื่อสินค้าคงคลังที่กักตุนไว้เริ่มหมดลง

นอกจากผลกระทบต่อราคาผลิตภัณฑ์โดยตรงแล้ว รายงานของ UBS ยังพิจารณาถึงต้นทุนอื่นๆ ที่อาจเพิ่มขึ้น เช่น เซิร์ฟเวอร์ AI ที่ผลิตในไต้หวัน อาจมีราคาสูงขึ้นถึง 27% แม้ว่าผู้บริโภคทั่วไปจะไม่ได้ซื้อเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้โดยตรง แต่ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อแผนการพัฒนาเทคโนโลยี AI ของ Apple ใน iPhone, Mac และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในอนาคต

โดยสรุป สถานการณ์นโยบายภาษีที่ยังคงมีความผันผวน ส่งผลให้การคาดการณ์ราคา iPhone 16 Pro Max และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Apple ในสหรัฐอเมริกายังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แม้ว่ารายงานล่าสุดจะชี้ให้เห็นว่าการปรับขึ้นราคาอาจไม่สูงเท่าที่เคยกังวล แต่การตัดสินใจของ Apple ในการรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และทิศทางของนโยบายภาษีในอนาคต จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดราคาขายปลีกสุดท้ายของผู้บริโภค