6 Tablet ราคาไม่เกิน 15,000 บาท ใช้ทำงานได้แทนคอมพิวเตอร์สบาย

กลับมาพบกับรวม Gadget อีกครั้งในรอบนี้ใครที่กำลังมองหา Tablet ในราคาแค่ 15,000 บาท เท่านั้น ตอนนี้ถือว่ามีตัวเลือกที่น่าสนใจหลากหลายรุ่น แต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป เพื่อให้ตัดสินใจง่ายขึ้น แต่รอบนี้ Sanook Hitech คัดมา 6 รุ่นให้เลือกกันมีรุ่นไหนบ้าง มาดูกันเลย
แนะนำ Tablet ราคาไม่เกิน 15,000 บาท ประจำปี 2025

1. Samsung Galaxy Tab S9 FE ราคาเริ่มต้น (Wi-Fi) ประมาณ 13,900 บาท (6/128GB)
ถ้าการใช้งานหลักของคุณคือการจดเลคเชอร์, วาดรูป หรือทำงานเอกสาร Galaxy Tab S9 FE คือตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุดในงบนี้ จุดแข็งที่สุดคือการแถมปากกา S Pen มาให้ในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม ซึ่งให้ประสบการณ์การเขียนเทียบเท่ารุ่ นเรือธง นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นเดียวในลิสต์ที่กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 ทำให้พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายใจ
เหมาะกับ: นักเรียน, นักศึกษา, คนทำงานที่เน้นการขีดเขียนและจดบันทึก
จุดเด่น
- มีปากกา S Pen ในกล่อง เขียนดีมาก
- กันน้ำกันฝุ่น IP68 หนึ่งเดียวในกลุ่ม
- โหมด DeX เปลี่ยนแท็บเล็ตให้เป็นหน้าตาแบบเดสก์ท็อป
- อัปเดตยาวนานตามนโยบายของ Samsung
ข้อสังเกต:
- ชิป Exynos 1380 ประสิทธิภาพกลางๆ ไม่ได้แรงที่สุดในกลุ่ม
- ราคาสูงสุดในลิสต์ (สำหรับรุ่นเริ่มต้น)

2. Redmi Pad Pro ราคาเริ่มต้น (Wi-Fi): ประมาณ 10,990 บาท (8/256GB) ใส่ซิม 13,990 บาท
เพิ่งเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ กับ Redmi Pad Pro ที่มาพร้อมจุดขายเรื่องหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 12.1 นิ้ว ความละเอียด 2.5K และรีเฟรชเรท 120Hz ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับสายบันเทิงที่เน้นดูหนัง, ดูซีรีส์ หรือเล่นเกมที่ต้องการจอใหญ่เต็มตา ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 2 ที่มีประสิทธิภาพดีเกินราคา และให้แบตเตอรี่มาจุใจถึง 10,000 mAh
เหมาะกับ: สายคอนเทนต์, คนที่ชอบดูหนัง/ซีรีส์, เล่นเกม, ต้องการจอใหญ่และสเปคคุ้มค่า
จุดเด่น:
- หน้าจอใหญ่ที่สุดในกลุ่ม (12.1 นิ้ว) รีเฟรชเรท 120Hz
- ชิป Snapdragon 7s Gen 2 ประสิทธิภาพดี
- แบตเตอรี่อึดมาก 10,000 mAh
- ราคาต่อสเปคคุ้มค่ามาก ได้ความจุเยอะ
ข้อสังเกต:
- ปากกาและคีย์บอร์ดต้องซื้อแยก
- ขนาดใหญ่ อาจพกพาลำบากสำหรับบางคน

3. Huawei MatePad 11.5" (New) ราคาเริ่มต้น (Wi-Fi): ประมาณ 10,990 บาท
แท็บเล็ตจาก Huawei ยังคงโดดเด่นในเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะแอป WPS Office ที่ถูกปรับแต่งมาให้ใช้งานได้เสมือนโปรแกรมบน PC ทำให้การจัดการเอกสารสะดวกและครบเครื่องกว่าใคร มาพร้อมหน้าจอ 11.5 นิ้ว รีเฟรชเรท 120Hz ที่แสดงผลได้ลื่นไหลสบายตา และมักจะมีโปรโมชันแถมเคสคีย์บอร์ด ทำให้ซื้อครั้งเดียวได้อุปกรณ์ครบชุดพร้อมทำงาน จนเรียกว่าไม่ต้องหาอะไรมาเพิ่มเลยแถมจ่ายเงินเบาๆ
เหมาะกับ: คนทำงานที่ต้องจัดการไฟล์เอกสาร Word, Excel, PowerPoint บ่อยๆ
จุดเด่น
- PC-Level WPS Office ทำงานเอกสารได้ดีเยี่ยม
- หน้าจอ 120Hz คุณภาพดี
- มักมีโปรแถมเคสคีย์บอร์ด ทำให้คุ้มค่า
- งานประกอบและดีไซน์ดูพรีเมียม
ข้อสังเกต
- ไม่รองรับ Google Mobile Services (GMS) ไม่สามารถใช้แอปของ Google เช่น Gmail, Maps, Drive ได้โดยตรง ต้องใช้งานผ่านเบราว์เซอร์หรือแอปทางเลือก

4. iPad Gen 11 ราคาเริ่มต้น (iPad Gen 10 Wi-Fi): 12,900 บาท (128GB)
สำหรับสาวก Apple หรือใครที่ต้องการแท็บเล็ตที่ใช้งานง่าย ระบบเสถียร และมีแอปพลิเคชันคุณภาพสูงรองรับมากมาย iPad คือคำตอบที่ใช่เสมอ ในงบนี้คุณจะได้ iPad รุ่นที่ 11 ซึ่งมีดีไซน์ใหม่แบบขอบตัดและพอร์ต USB-C แล้ว แรงด้วยขุมพลัง A16 Bionic ใหม่ใครที่ยังกังวลว่า ซื้อ Tablet มาแต่ใช้งานไม่เต็มที่กาเลือก iPad คือตัวเลือกที่ดี
เหมาะกับ: ผู้ที่อยู่ใน Ecosystem ของ Apple, ต้องการความเสถียร, ใช้งานง่าย และเข้าถึงแอปคุณภาพสูงสำหรับเรียนและทำงานสร้างสรรค์
จุดเด่น:
- ระบบปฏิบัติการ iPadOS ที่เสถียรและใช้งานง่าย
- มีแอปพลิเคชันรองรับเยอะและคุณภาพดี
- ประสิทธิภาพชิปที่ดีเยี่ยม ใช้งานได้ลื่นไหลยาวนาน
- หาเคสง่ายมาก
ข้อสังเกต:
- อุปกรณ์เสริม (Apple Pencil USB-C, Magic Keyboard Folio) มีราคาสูงและต้องซื้อแยก

5. OPPO Pad Neo
ราคา: 8,999 บาท (6/128GB LTE)
ความโดดเด่น: "จอ 2.4K สัดส่วน 7:5 สบายตาเหมือนอ่านหนังสือ และใส่ซิมเล่นเน็ตได้"
OPPO Pad Neo ขยับขึ้นมาเป็นตัวเลือกที่พรีเมียมที่สุดในกลุ่มนี้ ด้วยจุดขายที่แตกต่างไม่เหมือนใคร นั่นคือหน้าจอ "ReadFit" ความละเอียดสูง 2.4K ที่มีสัดส่วน 7:5 ซึ่งใกล้เคียงกับหน้ากระดาษหนังสือจริง ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการอ่าน E-book, ท่องเว็บ หรือทำงานเอกสารเป็นเวลานานๆ เพราะช่วยลดการเลื่อนหน้าจอและให้มุมมองที่สบายตา นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นเดียวในลิสต์ (ร่วมกับ Tab A9+ รุ่น 5G ที่แพงกว่า) ที่รองรับ 4G LTE ทำให้สามารถใส่ซิมเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตนอกบ้านได้ทันที
- หน้าจอสัดส่วนพิเศษ: 7:5 ReadFit Display อ่านง่าย สบายตา เหมาะกับสายอ่านและทำงาน
- ใส่ซิมได้ (LTE): เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ ไม่ต้องง้อ Wi-Fi
- จอคมชัด 2.4K: ให้รายละเอียดภาพที่คมกริบ พร้อมเทคโนโลยีถนอมสายตา
- ชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC: แบตเตอรี่ 8,000 mAh พร้อมระบบชาร์จที่รวดเร็วกว่าคู่แข่ง
เหมาะกับใคร: คนที่เน้นการอ่านเป็นหลัก, นักเรียนนักศึกษาที่ต้องอ่านไฟล์ PDF หรือตำราเรียนเยอะๆ และผู้ที่ต้องการแท็บเล็ตที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนอกบ้านได้ตลอดเวลา
6. Alldocube iPlay 60 Pad Pro ราคา: 8,990 บาท
หากคุณมองหาแท็บเล็ตที่ฟังก์ชันครบครันในราคาที่คุ้มค่าที่สุด iPlay 60 Pad Pro คือตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ด้วยราคาไม่ถึงเก้าพันบาท แต่ได้สเปคที่สามารถใส่ซิม 4G เพื่อโทรและใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ ใช้ชิปเซ็ต Helio G99 ที่แรงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปและเล่นเกมได้ดี มาพร้อมจอ 11 นิ้ว 90Hz และลำโพง 4 ตัว เหมาะสำหรับเป็นเครื่องหลักให้ความบันเทิงและติดต่อสื่อสารนอกบ้าน
เหมาะกับ: คนที่ต้องการแท็บเล็ตใส่ซิมได้ในงบจำกัด, ผู้ใช้งานทั่วไปที่เน้นความคุ้มค่า
จุดเด่น
- ใส่ซิม 4G ได้ ในราคาที่ถูกมาก
- ชิป MediaTek Helio G99 ประสิทธิภาพดีเกินราคา
- ลำโพง 4 ตัว, รองรับ Widevine L1 ดู Netflix คมชัด
- ราคาเข้าถึงง่ายมาก
ข้อสังเกต
- ความน่าเชื่อถือของแบรนด์และบริการหลังการขายอาจไม่เท่าแบรนด์หลัก เพราะเป็นน้องใหม่
- ปากกาและคีย์บอร์ดต้องซื้อแยก
เห็นไหมว่า มีหลากหลายรุ่นมาก แต่ถ้ามีงบน้อยกว่านี้ติดตามว่าครั้งหน้าจะมี Tablet ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์คุณกลุ่มไหนให้ได้เลือกีอีก
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ
ดาวน์โหลดสนุกแอปฟรี








