เช็คด่วน! เบอร์มือถือ และ บัญชีถ้าไม่ตรงกับเจ้าของเดียวกัน ก่อนจะหมดสิทธิ์ทำธุรกรรม 

เช็คด่วน! เบอร์มือถือ และ บัญชีถ้าไม่ตรงกับเจ้าของเดียวกัน ก่อนจะหมดสิทธิ์ทำธุรกรรม 

เช็คด่วน! เบอร์มือถือ และ บัญชีถ้าไม่ตรงกับเจ้าของเดียวกัน ก่อนจะหมดสิทธิ์ทำธุรกรรม 
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่ กสทช. จับมือกับ ปปง. และธนาคารและผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือ ได้จับมือกันเพื่อจะสางปมซิมการ์ดผี บัญชีม้าในระบบโอนเงินออนไลน์ ซึ่งจะมีผลในในวันที่ 27 พฤษภาคม โดยจะทำให้ผู้ใช้งาน Mobile Banking จะต้องผูกเบอร์เป็นบุคคลเดียวกันเท่านั้น

หากไม่ตรงกันจะทำให้ไม่สามารถโอนเงินหรือทำธุรกรรมได้ (ยกเว้น Mobile Banking ให้กับเด็กเยาวชน หรือบิดามารดาผู้สูงวัย)

ntbc

ฟังแล้วอาจจะตกใจอยู่แต่ว่าเราจะมีวิธีเช็กเบอร์มือถือ และ บัญชี ว่าตรงกันหรือไม่ ง่ายๆ ดังนี้

วิธีเช็ค เบอร์มือถือ และ บัญชี ว่าตรงกันหรือไม่ ดังนี้

  • เข้าหน้าโทรศัพท์ กด *179*เลขบัตรประชาขน 13 หลัก # โทรออก เพื่อเป็นการเช็ค

กรณีที่ไม่ตรงกันสามารถติดต่อกับธนาคารติดต่อกับธนาคารเพื่อเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ให้ตรงกัน หรือแจ้งผู้ให้บริการเปลี่ยนชื่อให้ตรงกันได้เช่นเดียวกัน แต่อาจจะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่ายังไงก็ลองเลือกว่าจะทำกับฝั่งไหนดีที่สุด และถ้าไม่เปลี่ยนอาจจะไม่สามารถทำธุรกรรมทางออนไลน์ได้เช่นเดียวกัน และนอกจากนี้ถ้ามีการเปิดบัญชีใหม่ จะเข้าสู่กระบวนการให้เบอร์โทรศัพท์และเจ้าของบัญชีจะต้องเป็นข้อมูลเดียวกันเท่านั้น ใครที่รู้ตัวว่าไม่ตรงกัน แนะนำให้ติดต่อกับธนาคารทันที 

มีอัปเดตล่าสุดจาก เพจ สรยุทธ์ สุทัศนจินดา กรรมกรข่าว เผยเพิ่มเติมว่า

สำนักงาน กสทช. ชี้แจงด่วน! พรุ่งนี้ (27 พ.ค.) ยังใช้โมบายแบงก์กิ้งได้ตามปกติ เผย ยังอยู่ในขั้นตอนคัดกรอง ชี้ หากมีเหตุผลเพียงพอ-อธิบายความจำเป็นได้ เป็นดุลยพินิจของธนาคารในการยกเว้น เช่น เปิดโมบายแบงก์กิ้งให้กับบุตรหลานที่เป็นเด็ก หรือบิดามารดาผู้สูงวัย เตรียมหารือผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ อำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ต้องเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองให้ตรงกับโมบายแบงก์กิ้ง ไม่ให้เป็นภาระเกินจำเป็น โดยให้มีโปรโมชั่นที่เหมาะสม

สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ขอเรียนชี้แจง กรณีข่าวการตรวจสอบคัดกรองเบอร์โมบายแบงก์กิ้ง(ซิมการ์ด) ที่ผูกกับบัญชีธนาคารต้องตรงกันนั้น ขณะนี้เป็นขั้นตอนอยู่ในระหว่างดำเนินการ โดยในวันที่ 27 พ.ค. 2567 โมบายแบงก์กิ้งยังใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งนโยบายดังกล่าว เป็นการขอความร่วมมือจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และธนาคาร ให้สำนักงาน กสทช. เป็นตัวกลางในการประสานงานกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลที่ต้องการแก้ปัญหามิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการทำธุรกรรมออนไลน์

ตามขั้นตอน ธนาคารจะเป็นผู้รวบรวมบัญชี พร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับโมบายแบงก์กิ้ง แล้วส่งให้ ปปง. จากนั้น ปปง. จะรับข้อมูลส่งต่อให้กับ สำนักงาน กสทช. เพื่อให้สำนักงาน กสทช. แยกเครือข่าย ก่อนประสานไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้ยืนยันอีกครั้ง แล้วส่งกลับ 

ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าว สำนักงาน กสทช. ได้รับการยืนยันจาก ปปง.ว่า หากมีเหตุผลเพียงพอ สามารถอธิบายความจำเป็นในการใช้งานได้ จะเป็นดุลยพินิจของธนาคารให้การพิจารณายกเว้น เช่น การเปิดโมบายแบงก์กิ้งให้กับบุตรหลานที่เป็นเด็กหรือเยาวชน หรือบิดามารดาผู้สูงวัย เบอร์องค์กรที่แสดงตัวตนได้ชัดเจน เป็นต้น 

และในเร็ว ๆ นี้ สำนักงาน กสทช. จะประชุมหารือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการที่ต้องเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองให้ตรงกับโมบายแบงก์กิ้ง เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนเกินจำเป็น โดยให้มีรายการส่งเสริมการขายที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์มากที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook