5 ความเชื่อผิด ๆ กับการใช้แอร์ อาจทำค่าไฟพุ่งกระฉูด

5 ความเชื่อผิด ๆ กับการใช้แอร์ อาจทำค่าไฟพุ่งกระฉูด

5 ความเชื่อผิด ๆ กับการใช้แอร์ อาจทำค่าไฟพุ่งกระฉูด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้เรามีบทความดีๆ จาก carrierthailand.com มาบอกต่อกันอีกแล้ว สำหรับบทความนี้ว่าด้วยเรื่องของ 5 ความเชื่อผิด ๆ กับการใช้แอร์ อาจทำค่าไฟพุ่งกระฉูด ที่หลายคนอาจจำผิดและทำมาทั้งชีวิต

ในยุคที่อากาศร้อนจนนอนไม่ได้ แถมค่าไฟฟ้าก็สูงขึ้นเช่นกัน เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ ก็เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทหนึ่งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเยอะ ซึ่งจะทำให้กินไฟมากได้ ถ้าหากมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับแอร์ ดัง 5 ข้อต่อไปนี้ ก็อาจทำให้ค่าไฟพุ่งกระฉูดแบบไม่รู้ตัวได้เช่นกัน

istock-1430898332

5 ความเชื่อผิด ๆ ที่อาจส่งผลร้ายกับแอร์ และพาค่าไฟพุ่งกระฉูด

1. ใช้แอร์เก่าไม่ยอมเปลี่ยน

แอร์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทหนึ่งที่มีวันเสื่อมสภาพของตัวเครื่องตามวันและเวลา เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ก็จะเสื่อมสภาพตามการใช้งาน บางเครื่องภายนอกอาจจะยังดูดีอยู่ แต่ตัวเครื่องภายในอาจเสื่อมสภาพไปแล้ว โดยเฉพาะแอร์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี

บางครั้งการใช้แอร์เก่าอาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่แพง และอาจกินไฟมากจนค่าไฟพุ่งอีกด้วย ดังนั้นการเปลี่ยนแอร์ใหม่อาจคุ้มค่ากว่า เพราะในปัจจุบันแอร์แต่ละรุ่นก็มีการพัฒนาระบบ และฟังก์ชันที่มากมายตอบโจทย์ทุก ๆ ไลฟ์สไตล์ แถมยังประหยัดไฟกว่าแอร์รุ่นเก่า ๆ อีกด้วย

2. ยิ่งเลือกแอร์ BTU สูง ยิ่งดี

ในการเลือกซื้อแอร์ 1 ในสิ่งที่จะต้องพิจารณาเพื่อตัดสินใจซื้อแอร์ ก็คือค่า BTU หลายคนเชื่อว่ายิ่งค่า BTU เยอะจะทำให้แอร์ยิ่งเย็น แต่ตามหลักการทำงานของแอร์แล้ว

BTU สูง ๆ จะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ตัดบ่อย หรือถ้า BTU ต่ำเกินไปกว่าขนาดของห้อง ก็จะทำให้เครื่องทำงานหนักเกินไป ดังนั้นควรเลือก BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้องที่ต้องการใช้งาน

โดยวิธีคำนวณ BTU เบื้องต้น คือ BTU = พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว) x ความแตกต่าง ความแตกต่างแบ่งได้ 2 ประเภท คือ ห้องที่มีความร้อนน้อย ใช้งานเฉพาะตอนกลางคืน ค่าความแตกต่างจะอยู่ที่ 600 – 700 และ ห้องที่มีความร้อนสูงใช้งานตอนกลางวัน ค่าความแตกต่างจะอยู่ที่ 700 – 800 

ตัวอย่างเช่น ห้องขนาด 3 x 4 เมตร โดนแดดน้อย ค่า BTU คือ 8,400 จะต้องใช้แอร์ขนาด 9,000 BTU หรือ ห้องขนาด 3 x 4 เมตร แต่โดนแดดมาก ๆ ค่า BTU คือ 9,600 จะต้องใช้แอร์ขนาด 12,000 BTU เป็นต้นหรือสามารถคำนวณ BTU ง่าย ๆ ผ่านระบบคำนวณ BTU ของแคเรียร์ คลิกได้ที่นี่

3. วางตำแหน่งแอร์แบบผิด ๆ

การติดตั้งแอร์นั้น สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือ ตำแหน่งของการติดตั้งแอร์ ซึ่งตำแหน่งของการติดตั้งแอร์นั้น จะต้องวางคอมเพรสเซอร์แอร์ในตำแหน่งที่เหมาะสมตามคำแนะนำในคู่มือของแอร์แคเรียร์แต่ละรุ่น โดยควรเป็นพื้นที่โล่ง ไม่มีสิ่งของบังทางลม และไม่เป็นบริเวณมุมอับ เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนัก ส่งผลให้กินไฟมาก และค่าไฟสูงได้

ส่วนการติดตั้งแอร์บนผนังบ้านที่รับแสงแดดจัด ๆ หรือ ทิศตะวันตก และการติดตั้งแอร์ใกล้กับประตู หรือหน้าต่าง ก็จะทำให้ตัวเครื่องแอร์ทำงานหนักและส่งผลให้กินไฟมากเช่นกัน ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงในบริเวณดังกล่าว

4. เปิดแอร์อุณหภูมิต่ำจะทำให้แอร์เย็นเร็ว

เป็นที่ทราบกันดีว่าแอร์ยิ่งอุณหภูมิต่ำ ก็จะยิ่งเย็นมาก ดังนั้นจึงทำให้หลาย ๆ คนมีความเชื่อว่า เปิดแอร์อุณหภูมิต่ำ ๆ ไว้ก่อนแอร์จะได้เย็นเร็ว ๆ แล้วค่อยลดอุณหภูมิทีหลัง แต่ความจริง แล้วนั้นเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ เพราะไม่ว่าจะเปิดแอร์อุณหภูมิมากหรือน้อย แอร์ก็จะใช้เวลาในการปรับอุณหภูมิของห้องเท่าเดิมอยู่ดี

5. เปิด – ปิดแอร์บ่อย ๆ จะได้ประหยัดไฟ

การเปิด – ปิดแอร์บ่อย ๆ ไม่ได้มีส่วนช่วยให้ประหยัดไฟ แต่จะส่งผลเสียกับตัวเครื่องอย่างมาก เพราะในการทำงานแต่ละครั้ง เครื่องจะต้องเริ่มการประมวลผลการทำงานใหม่อยู่ตลอดเวลา หากเปิด – ปิดแอร์บ่อย ๆ ตัวเครื่องก็จะต้องเริ่มใหม่ในทุก ๆ ครั้ง การเปิด – ปิดแอร์เป็นเวลา จะช่วยประหยัดค่าไฟ และยืดอายุการใช้งานของแอร์ให้ใช้ได้นานกว่าการเปิด – ปิดบ่อย ๆ

เมื่อทราบแล้วว่าการใช้งานแบบไหน ที่จะช่วยให้ประหยัดค่าไฟ ไม่ให้ค่าไฟพุ่งกระฉูด ก็อย่าลืมเลือกแอร์ที่มีคุณสมบัติที่ช่วยประหยัดไฟยิ่งขึ้น อย่างแคเรียร์ Color Smart ,XInverter Plus และ Copper10 ที่ได้รับการันตีการประหยัดไฟเบอร์ 5 (3ดาว) นอกจากนี้ยังมีการรับประกันคอมเพรสเซอร์ยาวนานถึง 10 ปี และชิ้นส่วนอะไหล่อื่น ๆ นานถึง 5 ปีอีกด้วย และอุ่นใจได้เสมอ เพราะแคเรียร์มีบริการหลังการขายที่ช่องทางการติดต่อหลากหลาย พร้อมดูแลคุณไปยาว ๆ

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook