เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S23+ VS Samsung Galaxy S23 Ultra ค่าตัวห่างหมื่นนึงจบที่ใคร

เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S23+ VS Samsung Galaxy S23 Ultra ค่าตัวห่างหมื่นนึงจบที่ใคร

เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S23+ VS Samsung Galaxy S23 Ultra ค่าตัวห่างหมื่นนึงจบที่ใคร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในการเปิดตัว Samsung Galaxy S23 Series ก็มีกาตั้งข้อสังเกตหนึ่งว่า Galaxy S23 Ultra ดูเหมือนจะอัดทุกอย่างอยู่มากพอสมควร แต่ถ้าดูดีๆ แล้ว Galaxy S23+ ซึ่งเป็นพี่ตรงกลางก็ถือเป็นรุ่นเล็กที่อัปเกรดเยอะเหมือนกัน คำถามคือ ใครจบกว่ากัน และด้วยราคาที่ห่างกันค่อนข้างเยอะ เลือกแบบไหนดีกว่ากัน วันนี้ Sanook Hitech มีคำตอบครับ

ความต่างกันของ Galaxy S23+ และ Galaxy S23 Ultra

ก่อนอื่นเราต้องมาดูความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของมือถือคู่นี้กันดีกว่า เริ่มจาก

  • Galaxy S23 Ultra จะเน้นการซูมที่ดีกว่า
  • หน้าจอของ Galaxy S23 Ultra เป็นแบบ LTPO ที่ได้ Refresh Rate ที่กว้างกว่า
  • Galaxy S23 Ultra มีปากกา S Pen
  • Galaxy S23 Ultra จะมี RAM 8GB / 12GB แต่ S23+ RAM 8GB เท่านั้น

นั่นแค่สิ่งที่หลายคนเข้าใจ และอาจจะทำให้ตัดสินใจไปเอารุ่น Ultra แบบไม่ลังเล แต่ช้าก่อน ต้องดูกันหลังจากนี้

ดีไซน์และหน้าจอ

dis

ถ้าพูดถึงงานดีไซน์ของ Galaxy S23 และ S23+ จะเห็นว่าการออกแบบกล้องนั้นไปทิศทางเดียวกับ Ultra แล้วนั่นคือกล้องหลังจะไม่มีขอบอีกต่อไปเท่ากับ กล้องจะลอย และดูเป็นมือถือที่ดูแพงมากขึ้น สีสนัของ Galaxy S23 Series ทั้งหมดไม่ได้แยกต่างกันเหมือนแต่ก่อ แต่เป็นสีเหมือนกันทั้งหมด

ซึ่งทำให้เราแยกขนาดได้ออกทันที ถ้าคุณต้องการมือถือที่มีขนาดหน้าจอใหญ่คำตอบคือไปที่ Ultra ได้เลย แต่ถ้าคุณมองว่า ไม่อยากได้ใหญ่เกินไป และมีน้ำหนักที่เบากว่า Galaxy S23+ ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว

batch_galaxys23ultra_image_

แล้วหน้าจอล่ะ ในตัว Galaxy S23 Ultra มีขนาด 6.8 นิ้ว เมื่อเทียบกับ Galaxy S23+ จะมีขนาด 6.6 นิว้ข่าวดีคือเทคโนโลยี LTPO OLED ได้เหมือนกัน ความสว่างเท่ากันแต่ว่า Refresh Rate อยู่ระหว่าง 1 – 120Hz ในรุ่น Ultra แต่ S23+ จะเป็น 48 – 120Hz แทนและความละเอียดเหลือ FHD+ เท่านั้น ความสว่างเท่ากันที่ 1,750 nits เท่ากับมันต่างกันแค่ Refresh Rate และขนาดเท่านั้นเอง

ประสิทธิภาพ

bench

สำหรับในตัว Galaxy S23 Series ทุกรุ่นมาพร้อมกับ Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy โดยมีการปรับแต่ให้ความเร็วสูงไปที่ 3.36 GHz แต่จากคะแนนที่ทดสอบจากเว็บไซต์ Phonearena พบว่า Galaxy S23+ ก็ทำได้เหนือกว่าโดยเฉพาะกราฟิก เพราะ หน้าจอที่เล็กทำให้การแสดงผลทำได้ดีกว่านั่นเอง แต่ไม่ได้หมายความ S23 Ultra ทำได้ไม่ดี

แต่มีการบอกเพิ่มเติมว่า ยังคงตามหลัง A16 Bionic ของ Apple ไม่เท่าไหร่ เหตุเพราะ Prime Core ของ A16 Bionic มีความแรงที่ 3.46GHz นั่นเอง

กล้องต่างกันแค่ไหน

ในส่วนนี้คงไม่ต้องบอกแล้วเห็นก็บอกชัดเจนว่า Galaxy S23 Ultra แทบจะกินขาดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Quad Phase Detection ทำให้รวมพิกเซลได้มากกว่า 2 Step จเรียกได้ว่าโดดเด่นพอสมควร การซูมและรวมถึงการเก็บแสงและเงา แต่ว่าถ้า ไม่ได้ใช้งานเยอะและลองถ่ายพอใจ ก็ไม่ผิดที่จะเลือก S23+

แบตเตอรี่และการชาร์จไฟ

batt

ต้องบอกว่าแบตเตอรี่ของ Galaxy S23+ ถูกอัปเกรดเป็น 4700 mAh ถือว่ามากกว่าเดิม (รุ่นก่อนหน้านี้ทำได้ 4500 mAh เท่านั้น) ส่วนระบบชาร์จไฟทำได้ 45W และชาร์จไฟไร้สาย 15W เท่าเดิม แต่ขณะที่ S23 Ultra ยังคงให้ทุกอย่างเหมิอนเดิม

ด้วยขุมพลังทั้งคู่เหมือนกันและความต่างกันที่หน้าจอที่ S23+ จะมีความละเอียดที่น้อยกว่า เมื่อเทียบไปแล้วแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy S23+ ก็จะอึดขึ้นกว่าเดิมประมาณหนึ่ง แต่ผลจะชัดเจนสำหรับ Galaxy S23 Ultra ผลการทดสอบแบตเตอรี่กลับดีกว่ารุ่นเดิมแบบเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตามบทความนี้ไม่ได้ทดสอบประสิทธิภาพระบบชาร์จไฟให้ดู ดังนั้นจงไม่ได้มีการยืนยันว่า กำลัง 45W ของทั้ง 2 รุ่นจะได้รับการปรับปรุงจากรุ่นเดิมมากน้อยแค่ไหน

กล่าวโดยสรุป

batch_galaxys23series_image

ทั้งคู่ถือว่าให้สเปกที่ใกล้เคียงมาก เพราะความจำเริ่มต้นก็เท่ากันคือ 256GB 1และด้วยราคาที่ต่างประเทศต่างกันถึง 200 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (แต่ประเทศไทยคือ S23+ เริ่มต้น 33,900 บาท และ S23 Ultra เริ่มต้น 43,900 บาท) ก็ทำให้หลายคนคิดหนักเหมือนกัน แต่ขอสรุปสั้นๆ ว่า

ถ้าคุณเน้นเรื่องของกล้อง มือถือต้องมีฟีเจอร์เยอะ ความฉลาดของกล้อง 200 ล้านพิกเซล และต้องนำเทรนด์ ใช้งานเยอะ รวมถึงติดใจปากกา S-Pen ไม่มีคำตอบไหนดีเท่า Galaxy S23 Ultra

แต่ถ้าส่วนต่างถึง 10,000 บาท อาจจากเกินไปการเลือก Galaxy S23+ ก็เป็นคำตอบที่ไม่แย่เท่าไหร่

ดังนั้นเงินเป็นของคุณ ลองเลือกและเล่นเพื่อตัดสินใจก็ไม่ผิดแต่อย่างใดครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook