สตรีมมิ่งกำลังมาแรง สำหรับการเสพคอนเทนต์ยุคดิจิทัล
ในอดีตโทรทัศน์และวิทยุเคยเป็นช่องทางหลักที่ผู้ชมใช้ในการรับข้อมูลข่าวสาร และเสพความบันเทิงต่าง ๆ แต่ปัจจุบันการเสพคอนเทนต์จากโทรทัศน์และวิทยุได้ลดน้อยลงไปแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ถึงกับตายไปเลย
แต่ส่วนแบ่งในตลาดก็ลดลง หลายคนเลิกดูรายการทีวี แล้วหาดูรายการต่างประเทศในอินเทอร์เน็ต ทีวีไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น คนรุ่นใหม่หลายคนไม่มีทีวีที่บ้านไว้เพื่อรับชมรายการต่าง ๆ วิทยุที่เป็นเครื่องก็กลายเป็นแรร์ไอเทมที่ไม่รู้จะหาซื้อไปทำไม ปัจจุบันมันกลายเป็นแค่ฟังก์ชันหนึ่งในสมาร์ตโฟนที่เราแทบไม่กดเข้าไป หรือสามารถเปิดวิทยุผ่านเว็บไซต์ได้
นั่นหมายความว่าคอนเทนต์ต่าง ๆ กำลังย้ายมาอยู่บนออนไลน์มากขึ้น ทุกอย่างสามารถเข้าถึงได้ง่าย รวดเร็ว แถมยังมีหลายตัวเลือก ทำให้ปัจจุบัน เราจะได้ยินคำว่าสตรีมมิ่ง (Streaming) กันมากขึ้น เพราะมันกลายเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่คนในยุคปัจจุบันเลือกใช้สำหรับเสพข่าวสารและความบันเทิงต่าง ๆ
การสตรีมมิ่ง คือ การรับ-ส่งสัญญาณ ถ่ายทอดไฟล์มัลติมีเดียทั้งภาพและเสียงผ่านเครือข่ายบนระบบอินเทอร์เน็ต ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยไม่ต้องมีการดาวน์โหลดไฟล์จนครบ มันคือการที่เราสามารถรับชมวิดีโอต่าง ๆ ที่ถูกส่งผ่านอินเทอร์เน็ตมาที่อุปกรณ์ของเรา โดยที่เราไม่ต้องดาวน์โหลดไฟล์นั้น ๆ มาลงเครื่อง ปัจจุบันมีอุปกรณ์หลายอย่างที่รองรับเทคนิคสตรีมมิ่ง เช่น สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ตทีวี
ทำให้การสตรีมมิ่งสามารถรับชมได้อย่างไม่จำกัดเวลาและสถานที่ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนของโลกก็รับชมได้ ขอแค่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แต่คอนเทนต์ที่สามารถหาดูได้จากสตรีมมิ่งแทบไม่ต่างจากการดูผ่านทีวี ทว่ามีลูกเล่นที่น่าสนใจและทำได้ดีกว่า สตรีมมิ่งจึงเป็นรูปแบบการเสพคอนเทนต์บนโลกออนไลน์ที่กำลังเป็นที่นิยม โดยให้คนดูกลายเป็นศูนย์กลางของการรับชม
อิสระในการเลือกเสพคอนเทนต์อยู่ในมือเรา
รายการทีวีและเคเบิลทีวีในอดีตไม่ได้ให้อิสระในการเลือกรับชมคอนเทนต์กับผู้ชมมากขนาดนั้น เมื่อก่อนฟรีทีวีมีอยู่แค่ไม่กี่ช่อง ส่วนเคเบิลทีวี จะรับชมทีวีช่องโปรดได้ก็ต้องซื้อเป็นแพ็กเกจที่ได้พ่วงช่องที่ไม่ได้อยากได้เข้ามาด้วย ในยุคทีวีดิจิทัล แม้จะมีช่องให้เลือกดูมากมายมหาศาล แต่ตัวคอนเทนต์ก็ไม่ได้น่าสนใจ โดยเฉพาะกับผู้รับชมคนรุ่นใหม่
ผู้ชมคนรุ่นใหม่ คือกลุ่มคนที่เบื่อพล็อตละครไทย พวกเขามองว่ามันย่ำอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ยิ่งเมื่อได้มีโอกาสได้รับชมละครหรือซีรีส์ของต่างประเทศ พวกเขาก็พบว่ามันน่าสนใจกว่าเยอะ เบื่อรายการประกวดร้องเพลงที่มีแทบทุกช่องแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผลักดันจริงจัง รายการประเภทสารคดีหรือสาระความรู้ที่เคยโตมาพร้อมกันก็ล้มหายตายจากไปเกือบหมดเพราะขายได้แค่ผู้ชมส่วนน้อย ข่าวยุคใหม่ก็ใส่สีตีไข่เกินไปหาข้อเท็จจริงแทบไม่ได้ รายการต่าง ๆ เป็นไปตามผังของช่อง ในเมื่อพวกเขารู้สึกว่าตัวเองเลือกอะไรไม่ได้เลย ปิดทีวีไปเลยดีกว่า เปลืองไฟ
แต่การมาถึงของสตรีมมิ่งได้เข้ามา disrupt และเปลี่ยนแปลงวงการทีวีแบบเก่าไปอย่างสิ้นเชิง อิสระในการเลือกชมรายการที่ตนเองสนใจอยู่ในมือทั้งหมด จิ้มเอาได้เลยไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ เกมโชว์ รายการบันเทิง สารคดี กีฬา หรือซีรีส์ที่ชื่นชอบ แถมยังมีรายการถ่ายทอดสดที่ไม่มีโฆษณาหรือรับชมย้อนหลังได้อย่างสะดวกสบาย แอปฯ นี้ไม่มีลิขสิทธิ์ก็แค่ไปโหลดแอปฯ อื่นที่มีมาดู ที่สำคัญคอนเทนต์ต่าง ๆ ก็ไม่ได้จำกัดแค่ของเมืองไทยเหมือนทีวีด้วย ผู้ชมจะเลือกเองว่าพวกเขาจะดูอะไร สัญชาติไหน จากแอปฯ ไหน ที่ไหน เวลาไหน นี่คือความแตกต่าง
รับชมหรือฟังได้ทั่วโลกทุกที่มีอินเทอร์เน็ต
อุปกรณ์ที่สะดวกที่สุดที่สามารถใช้บริการระบบสตรีมมิ่ง คือ สมาร์ตโฟน ที่เราทุกคนมีอยู่ในมือนั่นเอง เพราะเราสามารถพกพาติดตัวไปได้ทุกที่ จากเมื่อก่อนที่เคยต้องรีบกลับบ้านเพื่อให้ทันดูรายการโปรดในเวลาเท่านั้นเท่านี้ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว ระบบสตรีมมิ่งช่วยให้เราสามารถดูรายการสดจากที่ไหนก็ได้ หรือจะดูย้อนหลังเมื่อไรก็ได้เช่นกัน ขอแค่อุปกรณ์ที่ใช้สามารถเชื่อมอินเทอร์เน็ตได้เท่านั้น ไม่ว่าตัวจะอยู่ที่ไหนก็ไม่พลาดการรับชม ถ้าถูกใจมาก ๆ จะโหลดเก็บไว้ในลิสต์ชื่นชอบก็ทำได้ ซึ่งบางแอปฯ อนุญาตให้ดูในโหมดออฟไลน์ด้วย (ไม่ต่ออินเทอร์เน็ต)
สิ่งนี้ทำให้คนรุ่นใหม่ ๆ แทบจะไม่เปิดทีวีดูอีกต่อไป พูดง่าย ๆ ก็คือทีวีไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว พวกเขามีมือถือเครื่องเดียวก็จบ ในมือถือเครื่องนั้นจะมีแอปฯ สตรีมกี่แอปฯ ก็ได้ ยิ่งมากแอปฯ ตัวเลือกในการรับชมคอนเทนต์ก็ยิ่งมาก แต่ถ้าจะเปิดทีวี ส่วนใหญ่ก็เพื่อเชื่อมต่อกับแอปฯ สตรีมในโทรศัพท์เพื่อให้ได้ดูจอใหญ่ขึ้นเท่านั้น เวลาที่ดูพร้อมกันหลาย ๆ คน หรือเพื่อให้สบายตามากขึ้น เพราะไม่ต้องเพ่งดูจากจอเล็ก ๆ
ทางเลือกของคนรำคาญโฆษณา
จริง ๆ แล้วบริการสตรีมมิ่งมีทั้งคอนเทนต์ที่สามารถรับชมได้ฟรีกับคอนเทนต์ที่จำเป็นต้องจ่ายเงินก่อนถึงจะดูได้ แม้ว่าคอนเทนต์ฟรีจะมีอยู่อย่างจำกัด แต่มันก็มากพอที่จะเลือกแล้วเลือกอีกอยู่ดี ทว่าสิ่งที่ตามมากับการดูฟรีคือโฆษณา ที่อาจจะแทรกขึ้นมาเป็นกรอบภาพ หรือโฆษณาแบบวิดีโอที่กำหนดวินาทีให้เรากดข้าม หรือแม้แต่โฆษณาที่เราต้องทนดูทนฟังจนจบ ถึงอย่างนั้นมันก็ยังสั้นกว่าโฆษณาในทีวี อย่างไรก็ดี สิ่งที่เหนือกว่าก็คือถ้าเรารำคาญมันมาก ๆ บวกกับเราเองก็มีกำลังจ่าย ก็แค่สมัครใช้แบบสมาชิกพรีเมียมหรือแบบ VIP โฆษณาเหล่านี้ก็จะไม่มากวนใจ
เพราะการให้บริการแบบสตรีมมิ่งนั้นเป็นการบอกรับสมาชิกในลักษณะออนไลน์ กิจการของบริษัทอยู่ได้ด้วยเงินจากสมาชิกที่บอกรับ อาจจำเป็นต้องพึ่งโฆษณาอยู่บ้าง คือกับผู้ใช้บริการแบบไม่เสียเงิน ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องใช้โฆษณาแบบเดิมเหมือนกับฟรีทีวี อย่างไรก็ดี โฆษณาที่จะเกิดขึ้นในสตรีมมิ่งทีวีจึงต้องเป็นในลักษณะของโฆษณาแฝงที่มากับในคอนเทนต์ หรืออาจทำเป็นคอนเทนต์เพื่อสนับสนุนในการนำเสนอสปอนเซอร์แบบนั้นมากกว่า การทำโฆษณาจึงเน้นที่การสร้างเนื้อหาโฆษณาแบบที่ทำให้คนทั่วไปรู้สึกว่าเป็นเนื้อเดียวกับเนื้อหามากกว่า
ผู้ชมสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับรายการที่รับชมรวมถึงผู้ชมคนอื่น ๆ
ในอดีตการรับชมคอนเทนต์ทางทีวีเคยเป็นการสื่อสารทางเดียว ในฐานะผู้ชมเราทำได้แค่ดูในสิ่งที่รายการนำเสนอ สื่อสารกลับไปไม่ได้ ในยุคต่อมา รายการข่าวเริ่มเปิดโอกาสให้ผู้ชมสามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกับรายการได้ ด้วยการส่งข้อความ SMS เข้าไป ซึ่งมันก็จะขึ้นข้อความของเราที่ด้านล่างหน้าจอ แต่การส่งข้อความ SMS เราก็ต้องเสียเงินส่ง แต่พอเข้าสู่ยุคดิจิทัล การสตรีมทำให้เรามีโอกาสได้มีปฏิสัมพันธ์กับรายการที่รับชมได้ง่ายขึ้น ไลฟ์สดจะมีช่องให้แสดงความคิดเห็นแบบเรียลไทม์ หรือจะกดส่งอะไรก็ได้เท่าที่ระบบจะเอื้อให้เราทำ มีทั้งที่ทำได้ฟรีและเสียเงินเพิ่ม
ยิ่งในปัจจุบัน การใช้เทคโนโลยีแบบ Virtual ที่มีภาพเสมือนจริง ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ กีฬา หรือรายการบันเทิงอื่น ๆ เราสามารถรับชมได้เสมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง จากที่เคยนั่งดูทีวีแบบปกติ จะกลายเป็นการสวมแว่นตาแบบ VR เพื่อให้การรับชมเสมือนไปอยู่ในเหตุการณ์จริงมากขึ้น ได้ชมกีฬาเสมือนเชียร์อยู่ขอบสนาม ชมคอนเสิร์ตเสมือนอยู่ขอบเวที จะกดปุ่มแท่งไฟโบกไปมาเพื่อให้กำลังใจศิลปินผ่านหน้าจอไปด้วยก็ทำได้ มันจึงไม่ใช่การนั่งชมหน้าทีวีแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว ทีวีสมัยเก่าทำไม่ได้ แต่สตรีมมิ่งทำได้
โอกาสที่ใคร ๆ ก็สตรีมได้
สตรีมมิ่งไม่ได้มีอยู่แค่ในแพลตฟอร์ม อย่างพวกแอปฯ ที่เราโหลดมาเพื่อใช้ดูภาพยนตร์ ดูละครย้อนหลัง หรือดูซีรีส์ต่างประเทศ อย่างที่เราเข้าใจ เพราะมันครอบคลุมมากกว่านั้น อย่าลืมว่าเวลานี้วงการเกมก็ใช้วิธีสตรีมไม่น้อยเช่นเดียวกัน ยังไม่นับรวมกับเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียที่สามารถใช้ไลฟ์สดได้อีกมากมาย จากโรคระบาดที่เป็นตัวเร่งให้กระแสการย้ายคอนเทนต์ความบันเทิงต่าง ๆ ไปอยู่บนช่องทางออนไลน์เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิด จนปัจจุบันมันช่วยสร้างโอกาสให้ใครหลายคนจนกลายเป็นอาชีพทำเงินใหม่ไปแล้ว
การหันมาสตรีมมิ่งในยุคนี้ ถือเป็นวิธีในการปรับตัวและมองเห็นโอกาสในช่วงที่สตรีมมิ่งกำลังมา ใครที่คิดจะสร้างคอนเทนต์เอง จะพบว่าลงทุนต่ำ เพียงแค่ซื้ออุปกรณ์คุณภาพดีมาช่วยในการถ่ายคลิป บันทึกเสียง แต่ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์ในการออกอากาศ อีกทั้งยังรองรับผู้ฟังผู้ชมได้เยอะ ขั้นตอนการออกอากาศ หรือถ่ายทอดสดก็ไม่ยุ่งยาก คนทั่วไปจึงเข้าสู่วงการนี้ได้ง่าย และสร้างรายได้จากการเป็น Youtuber หรือ Game Caster ได้ไม่ยาก นั่นทำให้เราเป็นเจ้าของคอนเทนต์เองและกลายเป็น Influencer ในเรื่องนั้น ๆ ได้