รีวิว ASUS Zenbook 14 Flip OLED คอมพิวเตอร์สะดวกพกกับจอ OLED สุดคมชัดในสเปกที่คุ้มค่า
กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech อีกครั้ง ในรอบนี้ทีม Sanook Hitech พาคุณมาพบกับรีวิว Notebook จาก ASUS ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์สวยร่างเล็กแต่สเปกดีที่เปลี่ยนรูปทรงได้อย่าง ASUS Zenbook 14 Flip OLED มันจะเด็ดขนาดไหนรับชมกันได้เลย
รายละเอียดสเปกของ ASUS Zenbook 14 Flip OLED (UP5401E)
- หน้าจอแสดงผลขนาด 14.0 นิ้ว OLED ความละเอียด 2880 x 1800 พิกเซล อัตราส่วน 16:10 Refresh Rate 90Hz 100% DCI-P3 color gamut , 1,000,000:1, VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500, 1.07 billion colors, PANTONE Validated , -, 70% less harmful blue light, SGS Eye Care Display, Touch screen, With stylus support, Screen-to-body ratio88 %
- ขนาดตัวเครื่อง : 31.10 x 22.30 x 1.59 ~ 1.59 เซนติเมตร
- หนัก : 1.4 กิโลกรัม
- ชิปเซ็ตประมวลผล (CPU) : Intel® Core™ i5-1135G7 Processor 2.4 GHz (8M Cache, up to 4.2 GHz, 4 cores)
- ชิปประมวลผลกราฟิก (GPU) : Intel Iris Xe
- RAM : แบบ DDR4 16GB OnBoard
- ความจุ : 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 Performance
- กล้องหน้า : HD Camera
- ตัวเชื่อมต่อ (Port)
- 1 x USB 3.2 รุ่น 2 Type-A
- 2 x Thunderbolt™ 4 รองรับการแสดงผล/การป้อนไฟ
- 1 x HDMI 2.0b
- 1x 3.5mm Combo Audio Jack
- Micro SD card reader
- เชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 AX + Bluetooth 5.0 Dual Channel
- ลำโพง : 2 ด้านล่าง ปรับจูนโดย Harman / Kardon + AI Noise Speaker
- ไมโครโฟน : 2 ตัว + AI Noise Cancellation
- ปากกา Stylus : รองรับ และมีให้ในกล่อง
- ระบบปฏิบัติการ : Windows 10 Home สามารถอัปเกรดต่อเป็น Windows 11 ได้
- แบตเตอรี่ขนาด 63 Wh ที่ชาร์จแบบ 100W แบบ USB-C Power Delivery (DC-IN)
- รองรับมาตรฐาน : MIL-STD810H
- สีเครื่อง น้ำเงิน
รูปลักษณ์ดีไซน์
เริ่มต้นกับฝาด้านหน้าของเครื่องเป็นอลูมิเนียมที่สวยงาม พร้อมกับโลโก้ ASUS ที่มีลวดลายที่สวยงามเป็นวงแหวนล้อมรอบและมีความหรูหราในตัว และขนาดของเครื่องเท่ากับ A4
ใต้เครื่องออกแบบให้มีช่องระบายอากาศที่โปร่งและทำให้อากาศระบายออกได้รวดเร็ว มาพร้อมกับลำโพงด้านล่างจูนเสียงโดย Harman / Kardon
รอบตัวเครื่องเป็นวัสดุโลหะ และแน่นอนว่ามีช่องเสียบครบทั้ง ฝั่งซ้ายจะมี HDMI, USB-C รองรับมาตรฐาน Thunderbolt 4 ทั้งหมด 2 ช่อง
ฝั่งขวา USB-A พร้อมกับช่องเสียบหูฟัง, ช่องอ่าน MicroSD Card และ ไฟสถานะของตัวเครื่อง ทั้งหมดนั้นมีช่องระบายอากาศของเครื่องและมี ลำโพงแต่ละข้างมาให้เช่นเดียวกัน
ด้านหลังเครื่องจะเป็นแผงระบายอากาศและมีบางพับแบบกลไก พร้อมที่จะพับได้ในแบบ 2 in 1 Laptop
ส่วนด้านที่หันมาหาคุณจะมีแค่ร่องสำหรับยกฝาเครื่องขึ้นเท่านั้นเอง
เมื่อเปิดฝาเครื่อง
จะพบกับหน้าจอขนาด 16:9 พร้อมกับจอ OLED ที่รองรับการสัมผัสแบบ Touch Screen เท่ากับคอมพิวเตอร์เครื่องนี้หน้าจอคมชัดพอสมควร และยังมีการเปลี่ยนแปลงได้ทั้งหมด 4 โหมดตามภาพข้างล่างนี้
Laptop Mode
Tent Mode
Display Mode
Tablet Mode
ทุกโหมดสามารถตอบสนองกับปากกา Stylus Pen ได้ครับ
ความรู้สึกในการสัมผัสแป้นพิมพ์ และ Touchpad
ต้องบอกไว้ก่อนว่าแป้นพิมพ์ของ ASUS Zenbook Flip OLED 14 รุ่นนี้ยังคงให้ความรู้สึกที่ดีอยู่และยังสามารถตอบสนองได้ดีเพราปุ่มมีการขยายใหญ่ขึ้น เมื่อเทียบกับ Touchpad ถือว่าสมส่วนกันดี
แม้ว่าไม่มี Number Pad ที่เป็นแบบแป้นจริง แต่การใช้งานผ่าน Touchpad อย่างฟีเจอร์ Numpad 2.0 ของ ASUS ก็ถือว่าตอบสนองได้เร็วและแม่นยำมากพอสมควร แต่ก็มีเรื่องควรระวังคือ ห้ามแตะค้างไว้เพราะจะได้ตัวเลขเยอะเกินไปนั่นเอง
น้ำหนักกับการพกพา
ส่วนน้ำหนักของเครื่องนั้นอยู่ที่ 1.3 กิโลกรัม ซึ่งไม่ได้หนักอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้เบามาก แต่ถ้ามองถึงประเภทของคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์น้ำหนักเบาอยู่ครับ
กันน้ำกันกระแทกหรือไม่
ASUS Zenbook Flip 14 OLED รุ่นนี้ผ่านการรับรองมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD810H เท่ากับสามารถรองรับการตกกระแทกและน้ำได้ระดับหนึ่งแต่ว่า อาจจะไม่เหมาะกับการลุยเต็มที่นะครับฃ
เปิดเครื่องลองใช้งาน
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียงภายในเครื่อง
ถือว่าเป็นจุดเด่นเลยก็ว่าได้สำหรับหน้าจอ OLED ให้ความคมชัดมากและความละเอียดของหน้าจอรุ่นนี้อยู่ระดับ 4K และสีสันตรงทั้ง Pantone, DCI-P3 และรองรับการรับชมหนังในรูปแบบ Dolby Vision อีกด้วย
ส่วนระบบเสียงด้วยการปรับจูนจาก Harman / Kardon ทำให้คุณภาพเสียงที่ปรากฏถือว่าคมและฟังได้ทุกแบบ และยังมีการปรับแต่งรูปแบบของเสียงได้ครบครัน
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ที่โดดเด่น / ระบบความปลอดภัย
ระบบปฏิบัติการของ ASUS Zenbook Flip 14 OLED นั้นให้มาเป็น Windows 10 และสามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ ซึ่งไม่ได้เป็นรุ่น Pro แต่เป็น Home Edition ที่จะต้องบังคับลง Microsoft Account
ส่วนการควบคุมส่วนใหญ่ผ่าน My ASUS โดยมีฟีเจอร์มากมายเช่น
- การตั้งค่าเกี่ยวกับการตั้งค่าทั้ง การเชื่อมต่อ, เปิด / ปิด ระบบ Noise Canceling, ลูกเล่นเกี่ยวกับการทำงานของปุ่ม ฟังก์ชั่น และรวมไปถึงการปรับโหมดประสิทธิภาพของเครื่อง
- การตรวจสอบปัญหาเบื้องต้นของเครื่อง รวมถึงการขึ้น Blue Screen
- อัปเดต Software ภายในเครื่อง
- AppDeal สำหรับคนที่อยากได้ของถูกและเสียตังค์น้อย ASUS ก็จัดมาให้
- โปรแกรมจัดการแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนาน หรือต้องการถนอมแบตเตอรี่
- Link to MyASUS เชื่อมต่อกับมือถือได้แบบไร้รอยต่อไม่ว่าจะเป็นการแชร์หน้าจอ, File, แชร์หน้าจอ เป็นต้น
ส่วนระบบความปลอดภัยมาพร้อมกับ Windows Hello ทำงานผ่านระบบสแกนลายนิ้วมือ เท่านั้น
ประสิทธิภาพของเครื่องรุ่นนี้
เมื่อเห็นคะแนนออกมาแล้วถือว่า ASUS Zenbook 14 Flip OLED ก็ยังคงตอบสนองการทำงานได้หลากหลายอยู่รวมถึงสามารถใช้ทำกราฟิกได้เพราะจอสวยและคมชัดมาก ประสิทธิภาพไม่ได้เป็นสองรองใครเท่าไหร่ และรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.0 ให้ครบและยังสามารถ Boost พลังเพิ่มผ่าน ASUS Intelligent Performance ถ้าเครื่องจับได้ว่าต้องการพลังจะเร่งเอง แต่ทั้งหมดสามารถกดผ่าน My ASUS เพื่อการใช้งานอย่างเหมาะสม
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 63Wh ถือว่าใหญ่กำลังดีกับคอมพิวเตอร์ขนาดนี้ เมื่อใช้งานพบว่าสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 12 ชั่วโมงคือตัวเลขที่เคลมมา แต่เมื่อใช้งานจริงยังคงเฉลี่ยที่ 7 – 8 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งถือว่าใช้งานได้ตามเวลาปกติของ Notebook ขนาดนี้
ส่วนระบบชาร์จไฟของคอมพิวเตอร์รุ่นนี้รองรับแบบ USB-C กำลัง Adapter ที่แนะนำควรจะเป็นแบบ 100W ซึ่งถ้าไม่ถึงจะขึ้น Slow Charging แต่ก็สามารถใช้งานต่อไปได้ครับ
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้งาน ASUS Zenbook 14 Flip OLED
เรียกได้ว่ายังไม่ทำให้ผิดหวังสำหรับ ASUS Zenbook 14 Flip OLED ที่มีหน้าจอ OLED เป็นจุดเด่นไว้ทำงานกราฟิกได้ชมหนังก็ดีเพราะเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ แต่ประสิทธิภาพนั้นยังเน้นการพกพามากกว่าทำให้ดูแล้วอาจจะไม่ได้เอาใจคนทำงานกราฟิกมากนัก แต่ถ้าเปิดพรีเซนต์งานรับรองมันเด็ดจริงๆ แต่ในความคิดเห็นผม ถ้ามี USB-A เพิ่มอีกสัก ช่องก็กำลังดี ที่ให้มานั้นยังไม่พอต่อการใช้งาน ซึ่งอาจจะต้องไปจบกับ USB-C Hub สักอัน
ในราคาของตัวเครื่องรุ่นนี้อยู่ที่ 40,990 บาท ถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีราคาไม่แพงและก็ไม่ถูก และยังคงเหมาะกับคนที่อยากได้คอมพิวเตอร์จบในตัวเดียว เน้นเรื่องจอเป็นสำคัญครับ ซึ่งตอนนี้มีวางจำหน่ายแล้วเช่นเดียวกัน แต่ถ้าคุณอยากได้เครื่องที่เบากว่านี้ลองดูตระกูล Zenbook ก็มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบเช่นเดียวกัน
จุดเด่น
- ดีไซน์สวย
- ปรับรูปแบบได้
- ปุ่ม Keyboard นุ่นและกดแม่นยำ
- มี Numpad เรืองแสงที่ Touchpad มาให้
- รองรับการอัปเกรดสู่ Windows 11
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน ชาร์จไฟเร็วมาก
- มีช่องเสียบ Thunderbolt มาให้ 2 ช่อง
ข้อสังเกต
- น้ำหนักของเครื่องค่อนข้างมาก
- กำลังชาร์จไฟแรงก็จริงแต่ทำให้อุปกรณ์ที่รองรับกำลังน้อยกว่าชาร์จไฟไม่ค่อนเข้า
- ไม่มีปุ่มปิด Webcam แบบ Hardware
- น่าเสียดายที่มี USB-A แค่ช่องเสียบ
อัลบั้มภาพ 22 ภาพ