รีวิว Samsung Galaxy S21 FE น้องเล็กสุดของ S21 Series โดดเด่นในเรื่องภาพกลางคืน 

กลับมาพบกับรีวิว Gadget และ Smart phone จากทีม Sanook Hitech อีกครั้ง และเปิดปี 2022 มาแล้ว Samsung ก็ได้มีการแนะนำมือถือใหม่ล่าสุดตั้งแต่ต้นปีอย่าง Samsung Galaxy S21 FE ซึ่งถือว่าเป็นมือถือเรือธงแต่ราคาที่พูดเลยว่าจ่ายไม่แพงมากครับ มาดูกันว่าความสามารถของรุ่นนี้มันดีแค่ไหน รับชมกันเลยครับ

สเปกและรายละเอียดของ Samsung Galaxy S21 FE 

• หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้วความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล) พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz  
• ขนาดตัวเครื่อง 155.7x74.5x7.9 มม. 
• น้ำหนัก 177 กรัม 
• ชิปเซ็ตประมวลผล Exynos 2100 
• กราฟิก : Mali G78 MP14 
• หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB 
• หน่วยความจำภายในความจุ 128/256GB 
• การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX หรือ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1, 5G / 4G 
• ลำโพง Stereo ทั้งบนและล่างปรับจูนโดย AKG รองรับระบบ Dolby ATMOS 
• กล้องหน้า 1 ตัวความละเอียด 32 ล้านพิกเซล 
• กล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวประกอบด้วย 
  • ตัวหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล Dual Pixel ขนาดเซนเซอร์ 1/1.76", 1.8µm, PDAF + OIS ค่ารูรับแสง F /1.8 
  • กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล Ultra Wide ให้มุมมอง 123 องศา ค่ารูรับแสง F /2.2 
  • กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล Telephoto + AF, OIS ซูมแบบ Optical 3 เท่า และ Digital Zoom 30X ค่ารูรับแสง F /2.4 
  • LED Flash  
  • รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30/60 FPS, FHD 30/60 FPS, HD, Super Slowmotion (เฉพาะกล้องหลัง), Hyperlapse, Dual Recording 

• ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 
• ระบบปลดล็อค Face Recognition + Optical Finger Print
• แบตเตอรี่ความจุ 4500mAh 
• รองรับ Fast Charge 25W (แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย Qi กำลัง 15W และ Wireless Power Share 2.0 
• ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย One UI 4.0 
• สี ขาว (White), ดำ (Graphite), เขียว (Olive), ม่วง (Lavender 

รูปลักษณ์ดีไซน์ 

เริ่มตันกับดีหน้าของ Samsung Galaxy S21 FE จะแตกต่างจาก Galaxy S20 FE เลยครับ ขนาดหน้าจอเล็กลง แต่สิ่งที่คุณจะได้คือหน้าจอชิดมากขึ้น และยังคงเป็นแบบ Infinity Display เพราะมีกล้องตรงกลาง กระจกที่ใช้ รอบนี้ตัวเล็กแต่ไม่ทิ้งความแข็งแรงแบบรุ่นพี่อย่าง Gorilla Glass Victus มาให้เลยครับ 

ส่วนต่างๆ ของด้านหน้าแบ่งออกเป็นส่วนที่คุณควรรู้ทั้งหมด 2 จุดคือ ด้านบนมีลำโพงซึ่งมีหน้าที่ 2 อย่างคือ เป็นลำโพงสนทนา และ ลำโพงตัวที่ 2 เท่ากับลำโพงของรุ่นนี้เป็นแบบ Stereo นั่นเอง  

ส่วนล่างนั้นก็จะมาพร้อมกับปุ่มควบคุมระบบปฏิบัติการ วิธีเปลี่ยนเข้าที่ Setting (ตั้งค่า) >Display (หน้าจอ) > Navigation Bar (แถบการนำทาง)  และเปลี่ยนได้ทั้งหมด 2 แบบคือ ปุ่มกดปกติ และ การปัดสัมผัส 

 

รอบตัวเครื่อง คราวนี้คิดใหม่ทำใหม่หมด จากเดิมถ้าใครเพิ่งซื้อ S20 FE อย่าเพิ่งอิจฉา เพราะขอของ S21 FE เปลี่ยนมาใช้โลหะแล้ว ไม่เงาวับ แต่จุดเด่นคือ มันดูแพง จับแล้วสมกับเครื่องแพง แต่สิ่งที่ต้องทำใจนะ ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ระมัดระวัง และมักทำตกบ่อยอาจจะเป็นรอยง่ายถ้าโดนกับพื้นกระเบื้องแข็งๆ แนะนำว่าใส่เคสดีกว่า โดยฝั่งที่เห็นคือฝั่งซ้าย ไม่มีปุ่มและช่องใส่ซิมการ์ด

อีกฝั่งหนึ่งคือปุ่มสำหรับปรับระดับเสียง และ Side Key ซึ่งสามารถปรับแต่งได้ว่าจะเป็นปุ่ม Power สำหรับเปิด / ปิด หรือ Restart หรือจะเป็นคำสั่งเสียง Bixby เป็นต้น 

ส่วนบนจะมีไมโครโฟนสำหรับใช้ในการลดเสียงรบกวน 

ส่วนล่างมีช่องใส่ซิมการ์ด ทั้งนี้สิ่งที่หายไปของรุ่นนี้คือ จะเหลือแค่ถาดใส่ซิมแบบ Dual SIM เท่านั้น จะไม่มีการเพิ่มการ์ดความจำแต่อย่างใด ดังนั้นซื้อทั้งทีคิดเรื่องการใช้งานไว้ด้วยก็จะดี  

พลิกมาด้านหลัง ไม่ใช่กระจกครับ แต่เป็นพลาสติกที่ให้ผิวสัมผัสดีขึ้น โดยตำแหน่งกล้องจะไว้เป็นกรอบ แต่ว่าทั้งหมดไม่มีการทำสีเงินหรือทอง จะเป็นผิวเดียวกันไปเลย ข้อดีคือไม่ต้องห่วงเรื่องจะเป็นรอย แต่อาจจะไม่ได้ดูหรูหราเหมือนตัวพี่ๆ เขา ทั้งนี้ฝาหลังยังรองรับระบบ Wireless Charge และ Wireless Power Share จ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อื่นได้ด้วย 

กันน้ำไหม 

สำหรับมือถือรุ่นนี้รองรับการกันน้ำแบบ IP68 สามารถทนน้ำทั้งการล้างจาน, วางในห้องน้ำที่มีความชื้นได้ดี แต่ถ้าลงน้ำทะเล แนะนำควรล้างน้ำเปล่า และอย่าเพิ่งชาร์จไฟทันที ให้ปล่อยทิ้งไว้สัก 4 – 5 ชั่วโมง และพยายามหาแหล่งลมเป่าเย็นๆ เพื่อไล่ความชื้นออกก็จะทำให้เครื่องให้ความชื้นออกจากเครื่องโดยเร็วและใช้งานได้ตามปกติ 

น้ำหนัก / การถือของเครื่อง 

การถือเครื่อง Samsung Galaxy S21 FE เป็นอีกมือถือที่ใช้คล่องถ้าคุณมีมือไม่ใหญ่ก็สามารถจับได้ถนัดมืออย่างไม่น่าเชื่อม การออกแบบทำให้มันถือง่าย และน้ำหนักประมาณ 177 กรัม ฟังดูเหมือนหนัก แต่ความจริง ไม่เลยครับ ถ้าเทียบขนาดให้ชัดเจน Galaxy S21 FE มีขนาดตัวเครื่องอยู่กึ่งกลางจาก Galaxy S21 และ S21+ ครับ 

สีสันของเครื่อง 

คราวนี้มีสีลดลงจากเดิม 5 สีเหลือเพียง 4 สีเท่านั้น แต่เชื่อว่าถูกใจ เพราะมีทั้งสีขาว, สีดำ จะออกเป็น Graphite สีม่วง Lavender ที่หลายสินค้าของค่ายนี้ใช้ และสีที่ทีมได้มาทดลองคือ Olive Green หรือ สีม่วง โอลีฟ ส่วนตัวคิดว่าสีนี้สวยและดูดีไม่แพ้สีไหนๆ 

เริ่มต้นใช้งาน Samsung Galaxy S21 FE  

เมื่อคุณเปิดเครื่องจะพบว่าโลโก้รอบนี้ไม่มีการบอกว่าชื่อรุ่นอะไรแล้ว (จริงๆ เริ่มหายไปตั้งแต่การอัปเดตเป็น One UI 3.0 ใน Android 11 ในบางรุ่น) ซึ่งสิ่งแรกที่จะพบกับมือถือรุ่นนี้คือ One UI 4.0 ใช้พื้นฐาน Android 12 โดยจุดเด่นคือ มีการปรับปรุงหลายส่วน ลดการใช้พลังงานลงอย่างชัดเจน ส่วนฟีเจอร์ของ Android 12 สามารถคลิกลิงก์เพื่ออ่านบทความได้ที่นี่ครับ 

กลับมาที่ลูกเล่นของตัว One UI 4.0 จะเน้นเรื่องการปรับแต่งที่ทำให้เครื่องของคุณเป็นตัวเองได้มากขึ้น พร้อมกับใช้งานแบบ Multi Window ได้ง่ายเหมือนเดิม และกิน RAM น้อยลงสำหรับในเรื่องของหน้าจอและมีการปรับปรุงการแสดงผล Notification หรือ การแจ้งเตือนที่เป็นระเบียบมากขึ้น พร้อมกับเพิ่ม Widget ในหน้า Lock Screen ได้ 

 

แต่ว่าลูกเล่นที่ไม่ได้กล่าวมายังคงเหมือนกับของเดิมเช่น เครื่องคิดเลข, ปฏิทิน, เครื่องอัดเสียงเครื่องคิดเลข, Samsung Dex ฯลฯ เป็นต้น 

นอกจากนี้การเชื่อมต่อของ Samsung Galaxy Ecosystem ยังคงมีมาให้ โดยมีความสามารถมากมายเช่น 

 

• การส่งโปรแกรมที่เคยเปิดเช่นใน Samsung Note หรือ Samsung Internet ไปแสดงผลข้ามอุปกรณ์ไปแสดงบน Tablet 
• ฟังเพลงผ่าน Tablet แต่ถ้ามีสายเข้าจาก Galaxy S21 FE ก็สามารถให้หูฟังสลับไปรับสายโดยเพลงจะหยุดอัตโนมัติ และวางสาย จะกลับไปที่ Tablet ได้เอง 
• การแสดงผลแจ้งเตือนผ่าน Smart Watch ได้รวดเร็วและแม่นยำ แถมยังสามารถให้หูฟังไปเชื่อมต่อกับ Smart Watch ได้เช่นเดียวกัน 

ระบบความปลอดภัยยังมีการครอบด้วย Samsung KNOX โดยมีการครอบเป็นการทำงานในเรื่องความเป็นส่วนเช่นฟีเจอร์เข้าถึง Folder ลับ (Secure Folder) การเข้าถึงรหัสผ่านทั้งหมด (Samsung Pass) และกระเป๋าตังค์ Electronic (Samsung Pay (ไม่มีบริการในประเทศไทย)) ทั้งหมดนี้จะต้องใช้การสแกนใบหน้า และสแกนนิ้วแบบ Optical ที่ทำงานได้รวดเร็ว 

ความบันเทิงของเครื่องนี้ 

ถ้าพูดถึงความบันเทิงของมือถือรุ่นนี้ที่จัดมาให้เต็มๆ นั่นคือเรื่องของหน้าจอแบบ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ อัตรา Refresh Rate ที่ 120 Hz ไม่สามารถปรับ Adaptive Display ได้ ค่า Touch Sampling Rate อยู่ที่ 240Hz และมีฟีเจอร์ Intelligent Eye Comfort Shield ลดแสงสีฟ้าและยังมี การจัดการแสงสีฟ้าด้วย AI ตามช่วงเวลา  

แน่นอนว่า คุณภาพการแสดงผลพูดเลยว่าไม่ผิดหวัง คมชัดให้ความสว่างที่เหมาะสม และมีฟีเจอร์ถนอมสายตา ที่เรียกใช้บริการได้เลย ถ้าแสงหน้าจอเยอะไปก็มีโหมด ลดแสง แค่เลื่อน Notification ลงมาเท่านั้น 

ส่วนระบบเสียงนั้น ให้ลำโพงคู่มา พร้อมกับรองรับเทคโนโลยี Dolby ATMOS ซึ่งสามารถเข้าไปเลือก Profile เสียงได้ และยังสามารถปรับ Equalizer ได้เองด้วย แต่จากที่ได้ทดลองฟังเพลงนั้น พบว่าลักษณะลำโพงมีความดังและเพลงกำลังดี แต่เสียงจะเหมือนกับ Galaxy S21 5G และระบบ Dolby ATMOS ยังทำงานร่วมกับหูฟัง Bluetooth และหูฟังสายที่ใช้ตัวแปลง แบบไม่จำกัดค่ายด้วยครับ 

โหมดเล่นเกมและการทดสอบประสิทธิภาพ 

จากสเปกที่คุณได้เห็นของมือถือรุ่นนี้เป็น Exynos 2100 จากที่ทดสอบออกมานั้นถือว่าไม่ด้อยเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน โดยมีคะแนนประสิทธิภาพดังนี้ 

 

AnTuTu V 9.26 =  740,507 คะแนน (Performance Mode) 

 

Geekbench 5 = 1,082 คะแนน (Single Core) | 3,356 คะแนน ( Multi Core) 

 

โปรแกรมทดสอบการแสดงผลกราฟิก 3DMark  

 

การรองรับ Multi Touch รองรับ 10 จุด  

 

เห็นแค่ตัวเลขอาจจะไม่ชัดเจน เอาอย่างงี้ ทีม Sanook Hitech ก็เลยทดลองเล่นเกมจริงๆ ทั้งเกม Asphalt 9 Legend ยังคงแสดงผลได้ดีและรีด Frame Rate ที่ 60 Hz ได้อย่างสบายๆ ส่วนเกมที่กินทรัพยากรหนักๆ เช่น Genshin Impact และ PubG Mobile ยังมีอาการกระตุกให้เห็นอยู่บ้าง ความร้อนที่เกิดขึ้น ถ้าเล่นนานยังคงมีความร้อนประมาณหนึ่ง แต่ถ้าพักการเล่นชั่วครู่ จะลดลงได้ดี 

 

ส่วนโหมดในเรื่องการปรับแต่งเกี่ยวกับโหมดเล่นก็มีอยู่ครับ นั่นคือ Game Launcher ก็มีบริการให้ครบ และมี Game Booster ที่เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่พอจะทำให้คุณเล่นเกมได้เพลิน เพราะถ้าเปิดก็จะปิดไม่ให้โลกภายนอกมายุ่งกับคุณได้ แต่ไม่ได้รีดประสิทธิภาพ ถ้าจะรีดจริงๆ อาจจะต้องกดปุ่มเพิ่มประสิทธิภาพเสริม ก็จะส่งผลกับแบตเตอรี่อยู่พอสมควร  แถมยังมีเกมด่วนพร้อมเล่นใน Instant Game ให้เลือกใช้ด้วยครับ แต่ถ้ากำหนดให้เลือกว่าจะใช้หรือไม่ใช้ฟีเจอร์นี้ได้ ก็จะดีกว่าครับ

การเชื่อมต่อ / ระบบนำทาง 

เรื่องที่น่าชื่นชม Samsung คือ Galaxy S21 FE จะมีแต่สเปก 5G ให้เลือก นั่นหมายความว่า 3G / 4G / 5G สามารถใช้ได้กับมือถือรุ่นนี้และใช้งานได้ทุกค่ายด้วย รองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2 ใหม่ล่าสุด GPS ก็มาครบทำให้การทำงานนั้นราบรื่น 

กล้องของ Samsung Galaxy S21 FE เป็นอย่างไร 

สำหรับสเปกกล้องของ Samsung Galaxy S21 FE แบ่งออกเป็น 4 ตัว (หน้า 1 ตัว และหลัง 3 ตัว) 

• กล้องหน้า 1 ตัวความละเอียด 32 ล้านพิกเซล 
• กล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวประกอบด้วย 
  • ตัวหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล Dual Pixel ขนาดเซนเซอร์ 1/1.76", 1.8µm, PDAF + OIS ค่ารูรับแสง F /1.8 
  • กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล Ultra Wide ให้มุมมอง 123 องศา ค่ารูรับแสง F /2.2 
  • กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล Telephoto + AF, OIS ซูมแบบ Optical 3 เท่า และ Digital Zoom 30X ค่ารูรับแสง F /2.4 
  • LED Flash  

• รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30/60 FPS, FHD 30/60 FPS, HD, Super Slowmotion (เฉพาะกล้องหลัง), Hyperlapse, Dual Recording 

ฟีเจอร์ของกล้อง Samsung Galaxy S21 FE 

สำหรับลูกเล่นของกล้อง Samsung Galaxy S21 FE นั้นยังคงได้ลูกเล่นถ่ายทอดจาก S21 Series มาครบไม่ว่าจะเป็นโหมด Single Take, การถ่ายภาพ Portrait ทั้งวิดีโอและภาพนิ่ง ซึ่งจุดนี้ Samsung บอกว่ามันทำได้ดีขึ้น ทั้งนี้ต้องดูจากตัวอย่างภาพต่อไปนะครับ, และมีฟีเจอร์ Pro ทั้งภาพนิ่งที่ถ่าย RAW File ได้ ส่วนโหมด Video ก็มีทั้งแยกไมโครโฟน, ปรับสี ความสว่าง ทำได้ครบ และยังมี My Filter เอาภาพที่คุณชอบมาเป็น Filter ได้  

และสายวิดีโอที่ไม่ควรพลาดเลยคือการถ่ายวิดีโอกล้องหน้าและหลังพร้อมกัน แต่ยังไม่สามารถแยกกล้อง 3 ช่วงแบบเดียวกับรุ่นพี่ S21 Series ได้ 

อย่างไรก็ตามจากการทดลองของทีม Sanook Hitech ยังมีจุดเด่นหนึ่งที่ Samsung ปิดบังไว้คือ การเข้าระยะใกล้ครับ ด้วยเซนเซอร์ขนาดใหญ่ และกล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซล หลายคนเห็นว่ามันคือข้อเสีย แต่ความดีงามคือ การถ่ายภาพใกล้ๆ มันยังทำได้ดี และโฟกัสแม่นจับภาพได้ดี อันนี้ต้องขอบคุณ Dual Pixel Technology ครับ 

ตัวอย่างภาพจาก Samsung Galaxy S21 FE 

ภาพกลางวัน + การซูม 

 

ภาพกลางคืน / แสงน้อย 

 โหมดปกติ
์Night Mode

ภาพรูปแบบอื่นๆ (บุคคล / อาหาร / ถ่ายใกล้ / เล่นฟิลเตอร์) 

 

ลอง Selfie ด้วยกล้องหน้าของ Samsung Galaxy S21 FE 

สำหรับกล้อง Selfie แม้จะไม่ได้มีอะไรใหม่และยกเซนเซอร์จาก Galaxy S20 FE มาทั้งหมด แต่สิ่งที่เปลี่ยนและเห็นได้ชัดเจนคือ การเก็บสีด้วย Software ที่ปรับปรุงจากเดิมทำให้สีสันยังคงมีความอิ่มกำลังดี และยังมีการปรับ Beauty Mode ที่มีลักษณะที่กำลังเหมาะสมเลยครับ ส่วนวิดีโอยังเหมือนกล้องหลัง อาจจะตัดบางฟีเจอร์ที่ทำไม่ได้โดยเฉพาะ Super Slowmotion 

 

การใช้พลังงานของ Samsung Galaxy S21 FE  

ภายใต้ร่างเล็กๆ ของ Samsung Galaxy S21 FE นั่นให้แบตเตอรี่ขนาด 4500 mAh ประกอบกับใช้ Android 12 ทำให้มีการจัดการพลังงานดีขึ้น จนทำให้สามารถใช้งานพูดเลยว่า เอาตัวรอดได้ทั้งวัน ถ้าวางแผนการใช้งานดีๆ แต่ถ้าเล่นเกมหนัก ใช้คำว่า พก Power Bank ไว้นะ ส่วน PCMark 10 ทำได้ 10 ชั่วโมงกว่า 

การชาร์จไฟของมือถือรุ่นนี้รองรับ USB-C กำลังไฟสูงสุด 25W ระบบชาร์จไฟไร้สาย 15W และยังใจดีแบ่งปันไฟได้ที่ 10W แต่เป็นแบบไร้สายเท่านั้น 

สรุปหลังจากได้ใช้งาน Samsung Galaxy S21 FE มาสักระยะเวลาหนึ่ง 

น้องเล็กสุดของ Samsung Galaxy S21 Series มาส่งท้าย กับสเปกคุ้มค่า เรียกได้ว่าไม่ได้ก็อปความสำเร็จของ S20 FE แต่เน้นเรื่องแก้จุดผิดพลาดให้ได้มากที่สุด และดีใจที่มา แม้สถานการณ์ชิปขาดแคลน เอาจนหลายคนลุ้นว่าจะไม่มาแล้ว แต่สุดท้าย Samsung แก้ปัญหาได้ดี แม้เรื่องเดียวที่หลายท่านไม่ปลื้มแน่นอนคือ “ขุมพลัง” ก็ตาม 

โดยเกรดของมือถือรุ่นนี้แบ่งออกเป็น 2 รุ่นได้แก่ 

• RAM 8GB / ROM 128GB = 22,900 บาท 
• RAM 8GB / ROM 256GB = 25,900 บาท 
• โดยโปรโมชั่นเปิดจำหน่ายช่วงแรก 4 มกราคม นี้ โดยคุณจะได้รับการอัปเกรดจากรุ่น 128GB เป็น 256GB ในราคา 22,900 บาท  

โดยมือถือรุ่นนี้เหมาะกับใครบ้างนั้น ผมขอแยกออกเป็นคนกลุ่มดังนี้ 

• ผู้ใช้งาน Samsung Galaxy รุ่นเก่าๆ หรือมือถืออะไรก็ได้ ที่มองหามือถือระดับเรือธง แต่ไม่อยากจ่ายแพงระดับเกิน 25,000 บาท ในแบบติดสัญญา และต้องคุ้มค่า ครบทุกเครื่องและต้องดีกว่าเดิม 
• ผู้ที่ตามหา Galaxy S20 FE ไม่ทัน แต่อยากได้สเปกที่คุ้มค่าพอๆ กัน 
• ผู้ที่อยากเปลี่ยนมาใช้ Samsung เครื่องแรก แต่ไม่อยากได้ Galaxy A ที่มองว่ามันอาจจะได้ฟังก์ชั่นไม่ครบ 
• คนที่อยากได้มือถืออะไรก็ได้ที่ใช้งาน 3 ปีขึ้นไปแล้วไม่ต้องห่วงเรื่องอัปเดต  
• คนที่ต้องการมือถือเครื่องเล็ก แต่สเปกจัดเต็ม !!! 

กลุ่มคนเหล่านี้แหล่ะที่ผมคิดว่า Galaxy S21 FE จะตอบโจทย์การใช้งานและผมว่าจะใช้งานรุ่นนี้ได้อย่างมีความสุขไม่น้อยเลยครับ 

จุดเด่น 

• ขนาดเครื่องเล็กพกพาได้สะดวก  
• วัสดุเครื่องดูดีพรีเมี่ยมขึ้น 
• หน้าจอแบบเดียวกับรุ่น S21 ทำให้ไม่มีอาการจอทัชผิดปกติอีกต่อไป 
• ได้ Android 12 + One UI 4.0 ออกมาจากกล่อง 
• อัปเกรดไกลมีอนาคต 
• ลูกเล่นครบเครื่อง 
• กล้องความละเอียดเท่านี้แต่ถ่ายภาพจัดว่าสวย 
• ระบบโฟกัสทำงานไวไม่หลุดง่าย 
• แบตเตอรี่ถือว่าทนเมื่อเทียบกับขนาดตัว 

ข้อสังเกต 

• เกิดความร้อนสูงเมื่อเล่นเกม 
• RAM น้อยไปหน่อย 
• ไม่สามารถเพิ่มความจำได้ 
• ระบบชาร์จไฟค่อนข้างช้า