
OPPO Reno5 ถือว่าเป็นมือถือหมื่นต้นที่น่าจับตามองทั้งสเปกและราคาที่เข้าถึงได้ง่าย สิ่งที่หลายคนสงสัยว่า ถ้ามันมี 2 รุ่นแบบนี้ คำถามคือ มันน่าใช้จริงหรือ เรามาดูคำตอบกับรีวิวชุดนี้ กันกับทีม Sanook Hitech ดีกว่า ว่า ระหว่าง Reno5 ที่ไม่มี 5G แต่ลูกเล่นกล้องครบ และ Reno5 5G มี 5G จะมีอะไรหายไป และตัวไหนคุ้มค่ากว่ากัน
ภายในกล่องของ OPPO Reno5 และ Reno5 5G จะมาพร้อมกับภายในกล่องของมือถือที่ให้ครบเครื่องตั้งแต่


เริ่มต้นกับหน้าจอของเครื่องรุ่นนี้มีขนาด 6.43 นิ้วแบบ AMOLED ความละเอียด Full HD เหมือนกันทั้งคู่ แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือกล้องหน้าที่มีความแตกต่างความละเอียดแตกต่างกันคือ ความละเอียด 44 ล้านพิกเซล สำหรับรุ่น 4G และ 32 ล้านพิกเซลสำหรับ 5G

ส่วนบนจะมีลำโพงสำหรับสนทนา พร้อมกับแทบแจ้งเตือน เซนเซอร์ พร้อมกับกล้องหน้าแบบ Dot Display

ส่วนล่างจะมาพร้อมกับปุ่มสั่งงานด้านล่าง ที่สามารถสั่งเปลี่ยนได้ โดยเข้าไปที่ ตั้งค่า (Setting) > เครื่องมืออำนวยความสะดวก (Convenience Tools) > การนำทาง (Navigation) คุณสามารถเลือกได้ทั้ง

รอบตัวเครื่องเป็นวัสดุแบบโครเมี่ยมที่ดูดีไม่น้อย จะมาพร้อมกับปุ่มกดทั้งฝั่งขวาจะเป็นปุ่ม สำหรับ ปิด / ปิดเครื่อง และสามารถสั่งงานเพิ่มเติมด้วยการเรียก Google Assistant เช่นเดียวกัน

ฝั่งซ้ายจะมีช่องใส่ซิมการ์ด พร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียง สิ่งที่แตกต่างกันแบบชัดเจนคือ Reno5 4G จะสามารถเพิ่มความจำได้ แต่ว่า Reno5 5G ไม่สามารถเพิ่มความจำได้


ส่วนบนทั้งคู่เหมือนกันคือ จะมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน

ส่วนล่างจะมีช่องเสียบหูฟัง, ลำโพงตัวเครื่อง, USB-C และไมโครโฟนของเครื่อง

ด้านหลังมีความโดดเด่นเพราะมีกล้องหลัง 4 ตัววางตำแหน่งคล้ายกับ OPPO Reno4 แต่ว่าได้ความละเอียดที่มากกว่า นอกจากนี้สียังมีให้เลือกทั้งสีดำ และ สีแบบ Reno Glow ที่เรียกชื่อนี้นี้ว่า Fantasy Silver นั่นเอง

ภาพรวมการออกแบบ

ถือว่าตัวเครื่องทั้งคู่ออกแบบได้ดีน้ำหนักเบาถือได้ง่ายและให้ความรู้สึกดีที่ถือ โดยสี Fantasy Silver จะไม่มีการทิ้งรอยนื้วมือ แต่ก็แตกกับเครื่องลื่นหน่อยครับ
สิ่งที่ทำให้แยกออกแบบชัดเจนในด้านกายภาพคือ OPPO Reno5 5G จะหนากว่า และหนักกว่ารุ่น 4G เพราะว่ามีการใส่แบตเตอรี่ที่มากกว่านั่นเอง

สีสันของเครื่องก็จะมาพร้อมกับ 2 สีให้เลือกได้แก่ Moonlight Black และ Fantasy Silver
รายละเอียดของ OPPO Reno5
รายละเอียดของ OPPO Reno5 5G
การทดสอบประสิทธิภาพ

ผลคะแนนประสิทธิภาพจาก AnTuTu ได่แก่ (ซ้าย Reno5 | ขวาReno5 5G)

ผลคะแนนประสิทธิภาพ Geekbench 5 (ซ้าย = Reno5 | ขวา = Reno5 5G)

เมื่อเทียบกันตรงๆ แล้วถ้าใครอยากเล่นเกมดีก็ต้องคบหากับรุ่น Reno5 5G แต่ถามว่าถ้ารุ่นปกติทำได้ดีไหม ถือว่าทำได้ดี และเมื่อทดลองเล่นเกมจริงผลที่ได้นั้นก็ถือว่าไม่เลวนะครับ และยังมีฟีเจอร์ Game Space ปรับแต่และจะจัดการเกี่ยวกับ Notification ของเครื่องพร้อมกับสั่งงานบันทึกหน้าจอได้เช่นเดียวกัน
การเชื่อมต่อแบบไร้สาย

ภาพรวมในเรื่องนี้ทั้งคู่ทำได้แทบจะเท่ากับทั้งเรื่องการจับสัญญาณ GPS, WiFi AC, Bluetooth 5.0 แต่ที่แตกต่างกันเห็นจะมีแค่เรื่อง 5G เท่านั้นเองที่รุ่น 5G จะรองรับ โดย 5G จะมีจุดเด่นนอกจากความเร็วคือ ค่าความหน่วงที่น้อยกว่า แต่ก็ต้องแลกกับการใช้ Package ที่สูงขึ้นด้วยครับ
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง

หน้าจอทั้งคู่ให้สีสันที่คมชัดเพราะเป็นแบบ AMOLED ความละเอียด Full HD+ และสู้แสงได้ดีให้สีสันคมชัด และยังได้ค่า Refresh Rate ที่ 90Hz

ส่วนระบบเสียงนั้นจัดว่าให้คุณภาพที่ดีและมีการปรับแต่งได้ตามสไตล์ OPPO แต่มันจะอยู่ลึกเล็กน้อย การทำงานรองรับทั้งเสียง File จากเครื่อง รวมไปถึง Streaming
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ของเครื่อง / ระบบความปลอดภัย
ระบบปฏิบัติการของ OPPO Reno5 มาพร้อมกับ Android 11 ครอบบน Color OS 11.1 ใหม่ล่าสุดที่ปรับปรุงให้น้ำหนักเบาลง พร้อมกับการเชื่อมต่อและการใช้งานที่ง่ายพร้อมกับมีการแบ่งหน้าจอได้

ฟีเจอร์อื่นๆ ก็มาพร้อมกับเครื่องมือพื้นฐานไปจนถึงเครื่องมือที่ขั้นสูง แต่อยากแนะนำจริงๆ ว่าในเครื่องนี้โปรแกรม So Loop ทำให้การถ่ายวิดีโอของคุณสนุกเพราะมีลูกเล่นมากมายกลองใช้ดูได้ หากไม่พอสามารถดาวน์โหลดผ่าน Google Play Store


ส่วนระบบความปลอดภัยมาพร้อมกับ ระบบสแกนนิ้วในหน้าจอแบบ Optical และ สแกนใบหน้าด้วยกล้อง เช่นเคย

เปิดกล้องลองถ่ายภาพ

รายละเอียดของกล้องทั้งคู่จะได้กล้องหลังที่เหมือนกันได้แก่
ความแตกต่างจะอยู่ที่ความละเอียดกล้องหน้า โดย OPPO Reno5 จะได้ความละเอียด 44 ล้านพิกเซล ส่วน Reno5 5G จะได้ความละเอียด 32 ล้านพิกเซลเท่านั้น
ฟีเจอร์ของกล้องกล้อง

ในโหมดของกล้องหลักยังถือว่าเป็นมือถือที่ควบคุมการถ่ายภาพที่ง่ายมีลูกเล่นที่พร้อมเรียกได้ตลอดรวมถึงการตั้งค่าที่มาแบบครบเครื่องเช่นเดียวกัน นอกจากมีโหมดอื่นๆ ซ่อนอยู่ภายใน แต่ก็ยังคงเรียกใช้งานได้ง่ายเหมือนเดิม ความแตกต่างคือโหมด AI Color Portrait จะมีเฉพาะรุ่น 4G เท่านั้น
ฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอ

ทั้งคู่รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 4K 30 FPS / Full HD 60 FPS และยังมีโหมดลูกเล่นเยอะมากตั้งแต่ โหมดภาพยนตร์ที่ปรับแต่งการถ่ายวิดีโอเหมือนกับโหมดโปรของภาพนิ่ง การถ่ายวิดีโอกล้องคู่ และ AI Mixed Portrait ทำให้ถ่ายวิดีโอซ้อนกันระหว่างกล้องหน้าและกล้องหลังได้ลงตัว แต่ว่าสิ่งที่ควรรู้คือ โหมดนี้ จะมีเฉพาะ Reno5 รุ่น 4G เท่านั้น
ผลงานที่ได้จาก OPPO Reno5 ทั้ง 2 รุ่น





OPPO Reno5 การซูมแต่ละระยะ





OPPO Reno5 5G การซูมแต่ละระยะ
ภาพกลางวัน / แสงปกติ สิ่งที่จะแตกต่างกันชัดเจนคือ OPPO Reno5 5G จะสามารถซูมได้ไกลกว่า โดยระยะที่ทำได้สูงสุดที่ 20 เท่าแบบ Digital zoom ส่วน OPPO Reno5 จะทำได้ในระยะ 10 เท่า แต่ยังมีโหมดทำงานใกล้กัน



ภาพกลางคืน / แสงน้อย ถือว่าทำได้ดีและเห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างโหมดปกติ และการเปิด AI Night Mode



ภาพรูปแบบอื่นๆ ต้องยอมรับว่า จุดนี้ OPPO Reno5 จะมีความได้เปรียบกว่าชัดเจน เพราะว่าจะมีโหมดเปลี่ยนพื้นหลังเป็นขาวดำ หรือ AI Color Portrait เพียงแค่รุ่นเดียว
ทดลองถ่ายภาพด้วยกล้องหน้า OPPO Reno5




ถึงแม้ว่าจากสเปกที่เห็นจะแตกต่างในเรื่องของความละเอียด แต่ฟีเจอร์ภาพรวมถือว่าไม่ได้แตกต่างกันยกเว้น โหมดฟิลเตอร์ที่รุ่น Reno5 ตัวรองรับ 4G นั้นจะมีมากกว่า 1 โหมด แต่ที่เหลือถูกใจสาย Selfie แน่นอน
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ
ซ้าย OPPO Reno5 | ขวา OPPO Reno5 5G
แบตเตอรี่ของทั้งคู่มีความจุห่างกันแค่ 10 mAh (OPPO Reno5 อยู่ที่ 4300 mAh | OPPO Reno5 5G อยู่ที่ 4310 mAh) แต่เนื่องจากขุมพลังของทั้งคู่ออกแบบให้กินทรัพยากรต่างกัน โดย OPPO Reno5 5G จะสามารถใช้งานได้สั้นกว่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับผลทดสอบ
แต่เมื่อใช้งานจริงพบว่า OPPO Reno5 5G ต่อกับ 5G เยอะอาจจะทำให้แบตเตอรี่ลดลงได้เร็วเช่นเดียวกัน ขณะที่ ถ้าเน้นเรื่องความอึดของแบตเตอรี่ ต้องไฟทาง OPPO Reno5 รุ่น 4G น่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า

ส่วนเรื่องการชาร์จไฟทำได้ใกล้เคียงกัน โดยเป็นระบบชาร์จไฟของ OPPO Reno5 จะทำได้ในกำลัง 50W (Flash Charge) และ Reno5 5G กำลังสูงสุด 65W (SuperVOOC) เรียกได้ว่าไฟเหลือน้อยก็สามารถชาร์จไฟเต็มได้เร็ว เพียงแต่ว่าต้องใช้ที่ชาร์จติดกล่องเท่านั้น

มาถึงข้อสรุปกันแล้วครับ ทั้งคู่ถือว่ามาพร้อมกับระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด ลูกเล่นกล้องที่จัดหนักและมีกล้องหน้าถ่ายภาพสวย ลูกเล่นสุดล้ำ แต่ดูเหมือนกับทั้งคู่ได้อย่างเสียอย่าง เพราะถ้าเล่นรุ่นปกติ ฟีเจอร์กล้องมาครบ แต่อาจจะไม่ได้ในเรื่องการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว อย่างน้อยสามารถเพิ่มความจำได้ แต่อีกรุ่นฟีเจอร์กล้องไม่ครบ แต่ได้การเชื่อมต่อที่ทันสมัยและ CPU ที่ใหม่กว่า ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับคุณเน้นอะไรมากกว่ากัน
ส่วนราคาของ OPPO Reno5 รุ่นปกติจะมีราคา 10,990 บาท และ OPPO Reno5 5G จะมาพร้อมกับราคา 13,990 บาท คำถามคือ เลือกรุ่นไหนดีกว่ากันนั้นหรอครับ คำตอบขอแบ่งดังนี้
สุดท้ายแล้วทั้งคู่นี้ถือว่าเป็นการนำ OPPO Reno4 มาปรับปรุงใหม่พร้อมกับเพิ่มฟีเจอร์ให้เกิดความน่าสนใจมากกว่าเดิมในราคาจับต้องได้

จุดเด่น
ข้อสังเกต
มองหา OPPO มือสอง และสมาร์ทโฟนหลากหลายรุ่น ที่ ENNXO
อัลบั้มภาพ 31 ภาพ