ถอดสเปก MSI Modern 14 และ 15 โฉมใหม่ บางเบา ทรงพลังด้วย Intel Tiger Lake ไอเทมของ Content Creator

หลังจากเจ้าตลาดโน้ตบุ๊กเกมมิ่งอย่าง MSI หันมาออกไลน์ผลิตโน้ตบุ๊กในซีรีส์ Content Creation ซึ่งเน้นกลุ่มผู้ใช้งานที่ทำงานสร้างสรรค์และการทำงานทั่วไป ปีที่แล้วก็เพิ่งเปิดตัว MSI Modern 14 และ 15 ที่ใช้ CPU Intel 10 Gen พอ Intel เปิดตัวซีพียูรุ่นล่าสุด MSI จึงรีบอัปเกรด MSI Modern 14 และ 15 มาใช้ Core i Gen 11 Tiger Lake ทันที และถือโอกาสนี้ปรับโฉมโน้ตบุ๊กไลฟ์สไตล์ Modern series ทั้งสองรุ่น ให้เบาและบาง ฟังก์ชั่นครบ ตอบโจทย์คนทำงาน นักเรียน นักศึกษา หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่มองหาโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า   

ฉีกกรอบโน้ตบุ๊ก 14 และ 15 นิ้ว ที่บางได้อีกและเบาได้อีก
ถ้าพูดถึงจุดเด่นที่เห็นได้ชัดของทั้งสองรุ่นคือดีไซน์สวยเฉียบ เรียบหรู ดูโมเดิร์น ด้วยความบางและเบา MODERN 14 บางเพียง 16.9 มม. และเบา 1.3 กิโลกรัม จึงคล่องตัว พกสะดวกสำหรับคนที่ต้องทำงานนอกบ้าน ในขณะที่ MODERN 15 บางเท่ากันแต่น้ำหนักอยู่ที่ 1.6 กิโลกรัม ทั้งสองรุ่นตัวเครื่องและฝาพับทำจากอลูมิเนียมเกรดพรีเมียม ทนทานระดับ Military Grade MIL-STD 810G รองรับต่อแรงกระแทก อุณหภูมิสูงต่ำ ความชื้น ความกดอากาศ และแสงแดด

MODERN 14 มีให้เลือก 3 สี คือ Carbon Gray, Blue Stone และ Beige Mousse ทุกสีสะท้อนความพรีเมียมและหรูหรา แต่ก็ดูทันสมัยได้พร้อมกัน ส่วน MODERN 15 เปิดตัวด้วยสี Carbon Gray และ Urban Silver ที่ดูเท่และพรีเมียม ตัวเครื่องเคลือบพื้นผิวด้วยเทคโนโลยี Sandblasting พ่นเนื้อทรายละเอียด ให้สัมผัสเรียบเนียน มาพร้อมโลโก้ MSI โฉมใหม่ที่ดูทันสมัยขึ้น

Modern 14 ยังโดดเด่นด้วย Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยให้มุมมองการทำงานดีขึ้น และยังระบายความร้อนได้ดีเนื่องจากพัดลมสามารถดูดลมเย็นได้ง่ายขึ้น องศาการเอียงของตัวเครื่องประมาณ 5 องศา ยังส่งผลให้พิมพ์ได้ถนัดมือ รวมถึงระยะกดของปุ่มคีย์บอร์ดที่ 1.5 มิลลิเมตรจึงพิมพ์ง่ายสบายนิ้ว ตัวอักษรบนแป้นก็ใหญ่ขึ้น มาพร้อมระบบไฟ Blacklight Keyboard ทำงานในพื้นที่แสงน้อยได้สบายๆ   

MODERN 14 หน้าจอ 14 นิ้ว ส่วน MODERN 15 หน้าจอ 15.6 นิ้ว แต่ให้ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล แสดงผลพาเนล IPS ความละเอียด Full HD เหมือนกัน จอด้านจึงช่วยลดแสงสะท้อนหน้าจอแถมยังได้เปรียบเรื่องสีสันที่ดูสดใสขึ้น จะทำงาน ดูหนัง เล่นเกมก็เต็มตากว่า เพราะพื้นที่แสดงผลกว่า 90% ที่สำคัญบานพับยังออกแบบมาได้แข็งแรงกว่ารุ่นก่อน กางได้ 180 องศา และฟังก์ชั่น Flip-n-Share ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นพิเศษที่มีเฉพาะโน้ตบุ๊กของ MSI เท่านั้น แค่ปุ่มลัดก็สามารถหมุนหน้าจอไปอีกด้าน เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับมุมมองการใช้งาน คราวนี้จะพรีเซนต์งานหรือแชร์เรื่องสนุกๆ ให้เพื่อนที่นั่งตรงข้ามดูก็ง่ายแค่คลิก

ขุมพลัง Core i Gen 11 Tiger Lake เร็ว แรง สเปกเทพเกินราคา
ทั้งสองรุ่นอัปเกรดสเปกมาให้แบบจัดเต็ม ใช้ชิปประมวลผล Intel รุ่นใหม่ล่าสุด Core i Gen 11 Tiger Lake ประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงกว่ารุ่นก่อนถึง 1.5 เท่า มีให้เลือก 2 สเปกคือ  i5-1135G7 และ i7-1165G7 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร SuperFin มี AI ช่วยทำงานในตัว ผสานการทำงานร่วมกับการ์ดจอออนชิป Iris Xe Gaphics ที่แรงสุด เล่นเกมออนไลน์ลื่นไหลไม่มีสะดุด หรือแม้แต่งานตัดต่อ รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงอย่าง 4K / 8K  ได้แรม 8GB DDR4 Bus 3200MHz ซึ่งเป็นแรมปกติ 1 แถว พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูล เป็น SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB และในรุ่น Modern 15 ยังสามารถอัปเกรดแรมเพิ่มได้ สเปกเบอร์นี้ทำงานทั่วไปอย่างงานเอกสาร ดูหนังฟังเพลง เล่นเน็ต ได้สบายๆ  

และเพื่อให้ได้ภาพที่มีสีสันที่ดีที่สุดในการสร้างสรรค์งานและอรรถรสในการชมความบันเทิง ทั้งสองรุ่นจึงมาพร้อมเทคโนโลยี MSI True Color มอบความโดดเด่นด้วยค่าสีที่ใกล้เคียง 100% sRGB (เฉพาะรุ่น Modern 15 รุ่นปัจจุบัน)

Modern 14 และ Modern 15 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 ติดตั้งมาให้ทันที และซอฟต์แวร์ MSI Center เวอร์ชั่นล่าสุด ช่วยปรับแต่งการทำงาน ตั้งค่า MSI Notebook ได้ตามความต้องการ ใช้งานง่าย เพราะแบ่งเป็นหมวดหมู่ชัดเจน  

ที่พลาดไม่ได้คือเรื่องของมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายก็ครบครันด้วย Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.1 และนอกจากพอร์ตมาตรฐานอย่าง USB, HDMI, Micro SD Card หรือ Audio แล้ว  ทั้งสองรุ่นยังมีพอร์ตอเนกประสงค์อย่าง Thunderbolt เวอร์ชั่น 4 ที่เชื่อมต่อได้หลากหลายขึ้น อาทิ โอนถ่ายข้อมูลด้วยความเร็วสูง, ส่งภาพออกหน้าจอมอนิเตอร์, ชาร์จไฟผ่านอุปกรณ์ที่เป็น Type-C เป็นต้น 

ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การทำงาน เรียน และความบันเทิง
โดยรวมแล้ว MSI Modern 14 และ Modern 15 เวอร์ชั่นอัปเกรดขุมพลัง Intel Tiger Lake จัดว่าเป็นโน้ตบุ๊กขนาดพกพาที่ครบเครื่อง สเปกแรง แถมได้ลุคความพรีเมี่ยมจากรูปลักษณ์ สี และโลโก้ใหม่ แถมยังอึด ทน ระดับ Military Standard ผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด ทนร้อน ทนเย็น ความดันอากาศ ความชื้นและฝุ่นต่างๆ ในระดับหนึ่ง

แบตเตอรี่นาน 9-10 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน ถ้าเทียบกับขุมพลังในตัวมันแล้วถือว่าอึดพอตัว ยิ่งมี Modern Standby ที่สามารถเข้าถึงการใช้งานหลังจาก Sleep Mode ได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 วินาที ไม่ต้องรอเครื่องประมวลผลนานน่าจะโดนใจคนยุคนี้ที่ทุกอย่างแข่งกันที่ความแรงและเร็ว

[Advertorial]