ทำความรู้จัก Data Privacy Day ที่ Apple เพิ่มความโปร่งใสและส่งเสริมผู้ใช้

ทำความรู้จัก Data Privacy Day ที่ Apple เพิ่มความโปร่งใสและส่งเสริมผู้ใช้

ทำความรู้จัก Data Privacy Day ที่ Apple เพิ่มความโปร่งใสและส่งเสริมผู้ใช้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การติดตามข้อมูลเแพร่หลายมากกว่าที่เคย เรียนรู้ว่าคุณสมบัติด้านความเป็นส่วนตัวของ Apple ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลของตนเองได้อย่างไร

Data Privacy Day ซึ่งเป็นวันสร้างความตระหนักเรื่องความสำคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนตัวออนไลน์ของผู้ใช้ Apple จะเฉลิมฉลอง Data Privacy Day โดยการแชร์  “A Day in the Life of Your Data” ซึ่งเป็นรายงานที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับวิธีติดตามข้อมูลของผู้ใช้ทั่วเว็บไซต์และแอพของบริษัทต่างๆ นอกจากนี้ รายงานยังแสดงให้เห็นว่าคุณสมบัติด้านความเป็นส่วนตัวในผลิตภัณฑ์ของ Apple มอบความโปร่งใสและการควบคุมให้กับลูกค้า สนับสนุนเครื่องมือ และความรู้ให้กับผู้ใช้ในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้นได้อย่างไร

"ความเป็นส่วนตัวคือความสบายใจ ความปลอดภัย อีกทั้งยังแสดงถึงอำนาจในการควบคุมข้อมูลของคุณเอง" Craig Federighi รองประธานฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของ Apple กล่าว "เป้าหมายของเราคือสร้างเทคโนโลยีที่รักษาข้อมูลของผู้คนให้ปลอดภัยและได้รับการปกป้อง เราเชื่อว่าความเป็นส่วนตัวคือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และทีมของเราทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าทุกสิ่งที่เราทำเป็นไปตามค่านิยมนี้"

“A Day in the Life of Your Data” ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจได้ดีขึ้นว่าบริษัทอื่นติดตามข้อมูลของพวกเขาบนเว็บไซต์และแอพ พร้อมๆ กับอธิบายเครื่องมือที่ Apple มีให้เพื่อให้การติดตามมีความโปร่งใสมากขึ้น อีกทั้งยังมอบอำนาจในการควบคุมให้ผู้ใช้มากขึ้น ผู้อธิบายยังขยายความเพิ่มเติมว่าการลงมือปฏิบัติเหล่านี้บางอย่างเป็นที่แพร่หลายเพียงใด

โดยเฉลี่ยแล้ว แอพ แอพหนึ่งจะมี "ตัวติดตาม" หกตัวจากบริษัท ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเก็บข้อมูลและติดตามผู้คนและข้อมูลส่วนตัว1 ข้อมูลที่เก็บได้จากตัวติดตามนี้จะถูกรวบรวมเข้าด้วยกันแล้วนำไปแชร์ ผสานรวมเข้าด้วยกัน และนำไปแสวงหาประโยชน์ทางการเงิน ซึ่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าถึง 227 พันล้านดอลลาร์ฯ ต่อปี

apple_privacy-day_app-privacy

ปีที่แล้ว Apple ได้เปิดตัวคุณสมบัติด้านความเป็นส่วนตัวหลายอย่าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ iOS 14 และ iPadOS 14 ซึ่งมุ่งช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลเกี่ยวกับข้อมูลของพวกเขา คุณสมบัติสองประการนี้มีโอกาสสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อการช่วยผู้ใช้ปกป้องความเป็นส่วนตัว:

คุณสมบัติด้านความเป็นส่วนตัวใหม่บนหน้าผลิตภัณฑ์ App Store ที่เรียกว่าฉลากแสดงแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัว Apple จะกำหนดให้ทุกแอพมีฉลากนี้ รวมถึงแอพของ Apple เอง เพื่อให้ข้อมูลสรุปเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวของนักพัฒนา หน้าผลิตภัณฑ์ทุกหน้าบน App Store มีข้อมูลแบบมาตรฐานที่อ่านง่ายตามแนวทางปฏิบัติด้านข้อมูลที่นักพัฒนาได้แจ้งไว้ ฉลากแสดงแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวให้ข้อมูลสำคัญแก่ผู้ใช้เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลของแอพ รวมถึงว่าข้อมูลถูกใช้เพื่อติดตาม เชื่อมโยง หรือไม่เชื่อมโยงถึงพวกเขาด้วย

และในเร็วๆ นี้ สำหรับอัพเดทเวอร์ชั่นเบต้าถัดไปของ Apple ความโปร่งใสของการติดตามแอพจะกำหนดให้แอพขออนุญาตจากผู้ใช้ก่อนติดตามข้อมูลในแอพหรือเว็บไซต์ที่บริษัทอื่นเป็นเจ้าของ ผู้ใช้จะสามารถดูได้ภายใต้หัวข้อการตั้งค่าว่าแอพไหนขออนุญาตติดตามและทำการเปลี่ยนแปลงตามเห็นสมควร ข้อกำหนดนี้จะเปิดให้ใช้งานอย่างแพร่หลายในต้นฤดูใบไม้ผลิพร้อมกับการเปิดตัวการอัพเดท iOS 14, iPadOS 14 และ tvOS 14 และได้รับการสนับสนุนจากผู้รณรงค์ด้านความเป็นส่วนตัวทั่วโลก

apple_privacy-day_facebook_01

องค์กรด้านความเป็นส่วนตัวต่างยกย่องความเป็นผู้นำของ Apple

Gus Hosein จาก Privacy International: "PI สืบสวนเรื่องราวเกี่ยวกับนายหน้าหาข้อมูลและบริษัทด้านเทคโนโลยีโฆษณาแล้วพบว่านี่คือธุรกิจที่ซับซ้อน เติบโตเร็ว และมีความคลุมเครือสำหรับผู้ใช้ทั่วไป และที่ใดที่ขาดความโปร่งใส ย่อมเปิดโอกาสให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์ นอกจากนี้การเก็บข้อมูลแบบลับๆ และให้เปล่ายังทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถใช้สิทธิ์ของตนเองในการปกป้องความเป็นส่วนตัวอีกด้วย

แต่ฉลากแสดงข้อมูลความเป็นส่วนตัวของ Apple ทำให้ธุรกิจทั้งวงการต้องแจ้งผู้ใช้ล่วงหน้าอย่างชัดเจน ทั้งยังมีเครื่องมืออย่าง App Tracking Transparency ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมการรั่วไหลของข้อมูลแบบไม่รู้ตัวได้ และนวัตกรรมที่น่าชื่นชมเหล่านี้ก็คือสิ่งที่จะช่วยกดดันให้ธุรกิจนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงในที่สุด

จริงอยู่ว่าความตระหนักรู้ของลูกค้าและโซลูชั่นทางเทคนิคมีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหานี้ แต่การจะป้องกันไม่ให้เกิดการหาทางหนีทีไล่แบบแมวจับหนูระหว่างแต่ละฝ่ายในธุรกิจนี้ เราจำเป็นต้องมีกฎระเบียบที่เป็นรูปเป็นร่างและบังคับใช้ได้จริงเพื่อยับยั้งการแสวงหาผลประโยชน์จากข้อมูลของเรา"

Jeff Chester จาก Center for Digital Democracy "เครื่องมือใหม่ๆ ของ Apple สำหรับจัดการกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลส่วนตัวได้ดียิ่งขึ้น และวันนี้นายหน้าหาข้อมูลรวมถึงผู้โฆษณาออนไลน์ก็จะต้องทำธุรกิจด้วยความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้นเมื่อเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับลูกค้าที่ใช้แอพพลิเคชั่นของบริษัทอื่นบนอุปกรณ์ Apple"

Michelle Richardson จาก Center for Democracy and Technology "ผู้ใช้ทั่วไปต้องหลงกลติดกับเครือข่ายการติดตามข้อมูลและเจาะจงเป้าหมายโดยไม่รู้ตัวอยู่บ่อยๆ และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก็จะช่วยปรับสมดุลในระบบนิเวศเพื่อให้การเก็บและแชร์ข้อมูลนั้นมีความโปร่งใส่มากขึ้น และไม่มีการติดตามตั้งแต่เริ่มแรกอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงทั้งระบบในระดับนี้ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญสำหรับผู้ใช้เลยก็ว่าได้"

ความตระหนักรู้เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในธุรกิจนี้ อย่างการติดตามข้อมูลนั้น เป็นเพียงก้าวแรกสู่ประสบการณ์ด้านความเป็นส่วนตัวที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้ใช้ยังต้องการคุณสมบัติและการควบคุมเพื่อตัดสินใจว่าจะมีการนำข้อมูลไปใช้อย่างไร และโดยใคร และ Apple ก็เป็นผู้นำในวงการนี้โดยการใส่มาตรการปกป้องความเป็นส่วนตัวไว้ในผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดของบริษัท

Apple เปิดตัวเทคโนโลยีมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และช่วยรักษาข้อมูลของผู้ใช้ให้ปลอดภัยอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น Safari เป็นเบราว์เซอร์ตัวแรกที่บล็อคคุกกี้ของบริษัทอื่นเป็นค่าเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2005 ส่วนใน iOS 11 และ macOS High Sierra นั้น Safari ก็ได้เพิ่มคุณสมบัติ "การป้องกันการติดตามอัจฉริยะ" เพื่อจำกัดการติดตามมากขึ้นไปอีกในขณะที่เว็บไซต์ยังคงทำงานได้ปกติ ต่อมาในปี 2018 ทาง Apple ได้เพิ่มมาตรการที่จะช่วยป้องกันไม่ให้มีการสะกดรอย Mac ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทอื่นใช้ในการระบุอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยอ้างอิงจากข้อมูลอย่างฟอนต์และปลั๊กอิน

เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของคุณสมบัติและการควบคุมความเป็นส่วนตัวอีกมากมายที่ Apple ให้มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเข้าไปที่เว็บไซต์ด้านความเป็นส่วนตัวของ Apple ที่ apple.com/th/privacy

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook