ในที่สุด OnePlus 8 Series มือถือรุ่นใหม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากมีภาพหลุดและข้อมูลต่างๆ ออกมามากมาย เรามาดูกันว่า เรือธงรุ่นที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ OnePlus ซึ่งรอบนี้จะเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เรามาดูกันว่าเป็นอย่างไร
มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ที่มีการออกแบบให้ด้านหลังรับกับมือได้ดีและวัสดุที่ดูดีและให้ความรู้สึกดีที่จับโดยด้านหลังมีการออกแบบในแบบ CMF และให้มีความเรียบและจับแล้วไม่ลื่นและมีให้เลือกทั้งสี Ultramarine Blue, Glacial Green และ Onxy Black
กล้องหน้ามีขนาดเล็กมากเพียง 3.8 พร้อมกับตัวเครื่องกันน้ำได้ในแบบ IP68 โดยหน้าจอตอบสนองได้ไวมากขึ้นกว่าเดิม โดยมีขนาด 6.78 นิ้วให้ความสว่าง 1,300 Nits, ให้สีสันที่ตรงถึง 10Bit หรือ 10.7 ล้านสี โดยสีสันมีค่า JNCD น้อยกว่า 0.4 รองรับ HDR10/10+ และรองรับค่า Refresh Rate ที่ 120Hz ค่าในการตอบสนองหน้าจอแบบ 240Hz จนทำให้หน้าจอของมือถือรุ่นนี้ได้คะแนนจาก Display Mate ระดับ A+
มาพร้อมกับชิป MEMC ให้ปรับปรุงการแสดงผลค่าของ Frame Rate ได้ดีขึ้น
กล้องก็เป็นสิ่งที่อัปเกรด โดยประกอบด้วย
ส่วนวิดีโอกล้องรุ่นนี้จะมี OIS + EIS ช่วยทำงานพร้อมกัน และมีไมโครโฟนจะติดตั้งทั้งหมด 3 ตัวช่วยจัดการบริการลดเสียงรบกวนได้ และรองรับ 3-HDR ช่วยทำให้การจัดการแสงทั้งหมด 3 เฟรมพร้อมกันทำให้ภาพเกิดความสว่างมากขึ้น
นอกจากนี้ลำโพงของเครื่องยังมาพร้อมกับ Dual Speaker และรองรับระบบเสียง Dolby ATMOS มาให้ และติดตั้ง Haptic Sensor ทำให้ระบบสั่นราบรื่น และใช้เวลาเล่นเกมได้
ส่วนเรื่องของการขุมพลังและการเชื่อมต่อมาครบทั้ง
แบตเตอรี่ของเครื่องมีแบตเตอรี่ให้มาที่ 4510 mAh รองรับการเสียบสายชาร์จไฟแบบ Warp Charge 30W และ ระบบชาร์จไฟผ่านระบบ Warp Charge Wireless 30 เมื่อเทียบแล้วใช้เวลาเพียง 20 นาทีได้ไฟครึ่งหนึ่งแล้ว และรองรับการจ่ายไฟออกให้อุปกรณ์อื่น ผ่าน Wireless Charge ได้อีกด้วย
ระบบปฏิบัติการมาพร้อมกับ Android 10 พร้อมกับ Oxygen OS และมีฟีเจอร์ใหม่น่าสนใจเช่น
รุ่นที่แตกต่างจาก OnePlus 8 Pro อยู่พอสมควร โดยดีไซน์ยังคงคล้ายกันกับ OnePlus 8 Pro โดยออกแบบให้เป็นแบบ ฺBurdenless Design ที่ขนาดเล็กลงจับได้ง่ายมากขึ้น หน้าจอจะเล็กกว่าเพียง 6.55 นิ้ว และความกว้างน้อยกว่าเพียง 72.9 มิลลิเมตร ทำให้จับไดง่ายมากขึ้น
ตัวเครื่องจะหนาเพียง 8 มิลลิเมตร พร้อมกับปุ่มต่างๆ ยังคงออกแบบได้ในแบบของ OnePlus และน้ำหนักเบาเพียง 180 กรัม สีสันมีทั้ง Onxy Black, Glercia Green และ Interstaller Glow ให้สีสันหลากหลายสีสนตัวเดีกัน จะให้สีที่ขาวก็ได้หรือสายรุ้งก็ได้เช่นกัน
สเปกหน้าจอนั้นยังคงใกล้เคียงกันแต่ความละเอียด FHD+ รองรับ HDR10/10+ และค่าสี JNCD 0.4 ทกอย่างใกล้เคียงกันกับรุ่นโปร และได้ Display Mate ระดับ A+ เหมือนกัน และยังได้คค่า Refresh Rate ที่ 90Hz
กล้องก็มาพร้อมกับสเปกจัดเต็ม
วิดีโอของรุ่นนี้ก็มีการเพิ่ม Hybrid Image Stabilizer มาให้ทำให้การถ่ายวิดีโอละเอียดได้ดี
ขุมพลังรุ่นนี้มาพร้อมกับ Qualcomm Snapdragon 865, ความจำ 256GB แบบ UFS 3.0 ที่มาพร้อมมับ Turbo Write และ HBT นอกจากนี้ยังได้ทุกอย่างคล้ายกันกับรุ่นโปร ส่วนแบตเตอรี่มีขนาด 4300 mAh และมาพร้อมกับ Waprcharge 30T เหมือนกันอีกด้วย ทั้งคู่รองรับ 5G แน่นอน
นอกจากนี้สีสันของเครื่องที่ดูสดใสแล้ว ยังมีเคสที่ได้รับความร่วมมือการออกแบบจาก Andre ให้เลือกและมีการ์ดพิเศษให้อีกใบ
หูฟังรุ่นใหม่ที่สามารถชาร์จไฟเพียงแค่ 10 นาทีใช้ได้ 10 ชั่วโมง โดยมีสี Oat, Blue, Black, Green คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิม เริ่มจำหน่ายในราคา 49.95 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,630 บาท
ราคาของ OnePlus ที่เปิดตัวมีดังนี้
เปิดจองในต่างประเทศ 14 เมษายน นี้ และพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการในยุโรป 21 เมษายน และ สหรัฐอเมริกา 29 เมษายน ที่จะถึงนี้ ส่วนประเทศไทยจะเปิดตัวเมื่อไหร่และมาพร้อมกับสีอะไรบ้างคงต้องรอดูกันอีกที
อัลบั้มภาพ 124 ภาพ
ขอขอบคุณ
ภาพ :GSMArena