จัดให้รีวิว Sennheiser MOMENTUM Wireless Gen3 ปี 2019 หูฟังครอบหูเสียงดี ใส่สบาย

จัดให้รีวิว Sennheiser MOMENTUM Wireless Gen3 ปี 2019 หูฟังครอบหูเสียงดี ใส่สบาย

จัดให้รีวิว Sennheiser MOMENTUM Wireless Gen3 ปี 2019 หูฟังครอบหูเสียงดี ใส่สบาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Sennheiser MOMENTUM Wireless เป็นหนึ่งในหูฟังไร้สายแบบครอบหูที่หลายคนติดตามกันมานานครับ ซึ่งรุ่นที่เราจะรีวิวในครั้งนี้ถือเป็นรุ่นที่ 3 หรือจะเรียกไม่ให้งงว่า Momentum 3 หรือ Momentum Wireless 2019 ก็ได้ครับ กลับมาคราวนี้ก็มีหลายอย่างที่น่าสนใจทีเดียว

การออกแบบของ Sennheiser MOMENTUM Wireless การออกแบบหูฟังดูดี งานประกอบดี ฟองน้ำหูฟังนิ่มมาก และครอบได้ทั้งใบหู มีกระเป๋าผ้าและอุปกรณ์เสริมครบ แต่กระเป๋าแถมดันไม่ใช่กระเป๋าแข็ง

เรื่องการดีไซน์ก็ยังคงเอกลักษณ์ของตระกูล MOMENTUM Wireless เอาไว้ครับ คือตัวแป้นหูฟังทั้ง 2 ข้างสามารถเลื่อนปรับตำแหน่งให้เหมาะสมสำหรับใบหูของเราได้ ซึ่งตรงหมุดที่ยึดระหว่างแป้นกับก้านหูฟังก็จะเป็นโลโก้ของ Sennheiser สะท้อนแสงสวยงาม ซึ่งฟองน้ำของหูฟังและก้านหูฟังนั้นหุ้มด้วยหนังแกะนุ่มพิเศษ ทำให้เมื่อรวมกันแล้วทำให้เป็นหูฟังที่ใส่สบายๆ มากๆ สามารถใส่ฟังเพลงต่อเนื่องได้นานหลายชั่วโมงโดยที่หูไม่ล้า เพราะฟองน้ำจะครอบใบหูไปทั้งหมด ไม่มีส่วนไหนที่ทับใบหูให้เจ็บเลย ตัวหูฟังก็มีน้ำหนักเพียง 306 กรัม ก็ทำให้ใส่ได้สบายครับ

เมื่อไม่ใช้หูฟัง ก็สามารถพับเก็บได้โดยเมื่อพับเก็บ หูฟังก็จะปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ และเมื่อกางออกมาก็จะเปิดขึ้นมาเอง ทำให้ Sennheiser MOMENTUM Wireless ไม่จำเป็นต้องมีสวิทซ์เปิด-ปิดบนตัวหูฟัง และเมื่อกางออกมาใช้งานครั้งแรกก็จะเข้าสู่โหมด Pairing เพื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์โดยอัตโนมัติ

กระเป๋าของ Sennheiser MOMENTUM Wireless

Sennheiser MOMENTUM Wireless มาพร้อมกระเป๋าผ้ากึ่งแข็ง คือฝาบน-ล่างทำเป็นผ้าแข็งเอาไว้ ส่วนบริเวณชิปด้านข้างเป็นฝานิ่ม ทำให้เป็นกระเป๋าที่สามารถกดยุบลงไปได้ ซึ่งต่างจากกระเป๋าของ Sony WH-1000XM3 ที่เป็นกระเป๋าแข็งทั้งใบ แต่โดยรวมก็ถือว่าให้กระเป๋าที่ดูดี น่าใช้ เหมาะกับราคา และในกระเป๋าก็ยังเป็นที่เก็บสาย USB-C, หัวแปลง USB-A สำหรับชาร์จ และสาย 3.5 mm สำหรับฟังเพลงผ่านสาย แต่ไม่มีไมค์ในสายนะ เวลาคุยโทรศัพท์ก็ใช้ไมค์ที่หูฟังเป็นหลัก ซึ่งจะขาดก็เพียงหัวแปลง 2 ขาสำหรับใช้บนเครื่องบินครับ ส่วนถ้าพกพาทั้งแพ็กเกจ คือกระเป๋า สายทั้งหมด และหูฟังนั้นมีน้ำหนักรวมที่ 501 กรัม ก็พกพาไม่ยากครับ

ส่วนแบตเตอรี่นั้นสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นาน 17 ชั่วโมงครับ ซึ่งเราเทสต์ฟังเพลง ดูหนังอยู่ทั้งวัน ก็ใช้งานได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวหมดระหว่างวันครับ และสามารถชาร์จกลับได้ผ่านพอร์ต USB-C ซึ่งก็น่าจะหาหัวชาร์จได้ไม่ยากแล้วในปัจจุบัน

Sennheiser MOMENTUM Wireless มีให้เลือก 2 สีคือสีดำที่เราได้มารีวิวในครั้งนี้ และสีขาว-เทาที่ก็ดูหรูหราไม่แพ้กันครับ

การควบคุม Sennheiser MOMENTUM Wireless ควบคุมหูฟังได้ง่าย ด้วยปุ่มจริงๆ ไม่ต้องจำท่าทางเยอะเหมือนหูฟังสมัยใหม่ มีแอปสนับสนุนที่ปรับแต่งรูปแบบการทำงานของหูฟังได้อีกเยอะ และค้นหาหูฟังได้ รองรับ Amazon Alexa ในตัว แต่ไม่รองรับ Google Assistant ในตัว ต้องใช้งานผ่านโทรศัพท์

ปุ่มควบคุมของ Sennheiser MOMENTUM Wireless

การควบคุมการทำงานของ Sennheiser MOMENTUM Wireless นั้นค่อนข้างตรงไปตรงมาครับด้วยปุ่มจริงๆ ไม่ได้มีการควบคุมด้วยระบบสัมผัสแฟนซีเหมือนหูฟังรุ่นอื่นๆ ก็ทำให้เข้าใจง่ายดีครับ

  • เปิด-ปิดหูฟังแค่กางกับพับหูฟัง
  • มีเซ็นเซอร์ที่ตัวหูฟัง แค่เอาหูฟังออกจากหูเพลงก็จะหยุด (ซึ่งบางทีก็ตรวจผิด แค่หาวเพลงก็หยุดแล้ว)
  • สวิทซ์บนสุดไว้เปิด-ปิดโหมดตัดเสียงภายนอก และเลื่อนลงมาเพื่อเอาเสียงภายนอกเข้าสู่หูฟัง (Transparent Hearing)
  • มีปุ่มเร่งเสียง ลดเสียงแยกกัน
  • ปุ่มกลางระหว่างเร่งเสียง-ลดเสียงเป็นปุ่มสารพัดประโยชน์ ใช้เล่นเพลง-หยุดเพลง, กด 2 ทีเพื่อข้ามเพลง, กด 3 ทีเพื่อย้อนเพลง และถ้ามีสายโทรเข้าก็กดเพื่อรับสาย-ตัดสาย
  • ปุ่มล่างสุดเป็นการเรียกใช้ผู้ช่วยดิจิตอล และกดค้างเพื่อเข้าโหมดเชื่อมต่อหูฟัง
  • นอกจากนี้ที่ตัวหูฟังยังรองรับ NFC ทำให้แตะโทรศัพท์กับหูฟังเพื่อเชื่อมต่อได้เลย
  • บนหูฟังมีไฟเล็กๆ 1 ดวงเพื่อแสดงสถานะการทำงาน ทั้งการชาร์จ หรือสถานะปิด-เปิด

 

Sennheiser MOMENTUM Wireless นั้นรองรับ Amazon Alexa ในตัวเพียงค่ายเดียว ถ้าต้องการใช้ Google Assistant ก็สามารถใช้ผ่านโทรศัพท์ที่รองรับได้ แต่จะต้องเปิดหน้าจอโทรศัพท์เพื่อใช้งาน ไม่ได้ใช้งานได้ทันทีเหมือนหูฟังที่รองรับ Google Assistant ในตัว

หูฟังรุ่นนี้ยังสามารถปรับแต่งรูปแบบการทำงานได้อีกหลายอย่างผ่านแอป Sennheiser Smart Control ซึ่งสามารถปรับโหมดการทำงานของ Active Noise Cancellation (ANC) ได้อีก 3 โหมดคือ

  • Max ตัดเสียงรบกวนรอบข้างเต็มที่ (โหมดมาตรฐานเวลาเปิดใช้ ANC จากหูฟัง)
  • Anti Wind ตัดเสียงลมที่อาจจะรบกวนเวลาเดินทาง
  • Anti Pressure โหมดที่ช่วยให้ฟังเพลงได้ผ่อนคลายขึ้น ด้วยการปรับแรงดันอากาศในหูให้สบาย

 

นอกจากนี้ยังสามารถปรับการทำงานของโหมด Transparent Hearing ให้ยังเล่นเพลงต่อไปแม้เราจะโยกสวิทซ์เลื่อนให้เสียงภายนอกเข้ามาแล้ว (โหมดมาตรฐานคือเพลงจะหยุดเมื่อเปิดให้เสียงภายนอกเข้ามา) และที่สำคัญคือปรับ EQ ให้ตรงใจได้ในแอปนี้ครับ

ในส่วนของการหาหูฟังนั้นไม่ได้ทำผ่านแอป Sennheiser Smart Control นะครับ แต่ไปใช้แอปภายนอกที่ชื่อว่า Tile ซึ่งเป็นแอปของผู้ผลิตแท็ก Bluetooth สำหรับติดตามข้าวของ ก็สามารถลงทะเบียน Sennheiser MOMENTUM Wireless เข้าไปในแอป Tile เพื่อใช้ตามหาหูฟังได้ โดยแอปจะจำตำแหน่งล่าสุดที่เชื่อมต่อกับหูฟังเอาไว้ และสามารถสั่งให้หูฟังส่งเสียงพร้อมสั่นเพื่อระบุตำแหน่งได้ด้วย (ใช่ครับ Sennheiser MOMENTUM Wireless มีมอเตอร์สั่นในตัวด้วย!)

คุณภาพเสียงของ Sennheiser MOMENTUM Wireless

  • เสียงดีเยี่ยมในสไตล์ของ Sennheiser เชื่อมต่อสัญญาณเสียงผ่านสายก็ได้ทั้ง 3.5 mm และ USB-C
  • ระบบตัดเสียงรบกวนหรือ ANC ทำงานได้ดี มีโหมด Transparent Hearing เพื่อดึงเสียงภายนอกให้เข้ามาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • ไม่ได้รองรับเสียงในระดับ Hi-Res เพราะหูฟังตอบสนองความถี่สูงสุดได้ 22 kHz และไม่ได้ใช้ Codec ความละเอียดสูงอย่าง aptX HD หรือ LDAC

เสียงของ Sennheiser MOMENTUM Wireless นั้นออกไปในโทน Flat หรืิอเสียงที่เหมือนกับต้นฉบับ ไม่ได้มีการปรุงแต่งเสียงไปมากนัก เวทีเสียงกว้าง รายละเอียดเสียงมาครบถ้วน เสียงเบสก็มีกำลังพอดีและไม่ไปดีกับเสียงอื่นๆ จนพร่าเลื่อน ก็สรุปว่าเป็นเสียงจากหูฟังที่ผู้ใช้ทั่วไปน่าจะชอบได้ไม่ยากนัก

หูฟังตัวนี้ใช้การเชื่อมต่อเป็น Bluetooth 5 ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกับสมาร์ตโฟนหรืออุปกรณ์ที่รองรับ ก็ทำให้การเชื่อมต่อทำได้รวดเร็วและเสถียรขึ้น ซึ่งเท่าที่เราทดสอบมายังไม่เจอปัญหาสัญญาณหลุดเลย แม้อยู่ในที่ๆ คนเยอะ ในส่วนของ codec การเชื่อมต่อ Bluetooth นั้นรองรับเป็น AAC (สำหรับการเชื่อมต่อกับ iPhone) และ aptX ที่รองรับถึงเวอร์ชั่น LL หรือ Low Latency ซึ่งเราก็ทดลองดูหนังต่อเนื่องยาวนานผ่าน Netflix ก็รู้สึกว่าเสียงมาตรงปากตลอดครับ ซึ่งคุณภาพเสียงที่ได้จาก codec ทั้ง 2 ตัวนี้คือ AAC และ aptX ก็ให้เสียงที่คมชัด คุณภาพดี แม้ว่าหูฟังตัวนี้จะไม่ได้รองรับเสียงในระดับ Hi-Res ที่ต้องใช้โค้ดเสียงเป็น aptX HD หรือ LDAC ก็ตาม

ส่วนการตัดเสียงรบกวนภายนอกผ่านระบบ ANC นั้นก็ทำได้ดีครับ เวลาเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน เสียง Noise ความถี่ต่ำๆ เช่นเสียงฮึมของเครื่องยนต์ หรือเสียงลมระหว่างเดินทางก็ถูกตัดได้เรียบร้อยดี ซึ่งต้องเข้าใจธรรมชาติของระบบ ANC ว่ามันออกแบบมาให้ตัดเสียงความถี่กลาง-ต่ำเป็นหลักนะครับ เพราะฉะนั้นพวกเสียงพูด จึงไม่ได้ตัดออกหมด นอกจากนี้ระบบ ANC ของ Sennheiser MOMENTUM Wireless ก็ยังมีโหมด Transparent Hearing ที่เพียงแค่เลื่อนสวิทซ์ที่ตัวหูฟังก็จะดังเอาเสียงภายนอกเข้ามาในหูฟัง ทำให้เรายังคุยกับคนอื่นรู้เรื่อง หรือสามารถใส่เดินถนนได้อย่างปลอดภัยครับ เพียงแต่ว่าการเปิดใช้โหมด Transparent Hearing จะไม่ได้มีเสียงบอกว่าตอนนี้กำลังเปิดหรือปิดเสียงอยู่ ทำให้เราต้องใช้เวลาสังเกตเสียงนิดหนึ่งว่าอยู่ในโหมดไหนกันแน่ครับ

และสำหรับนักฟังเพลงที่ไม่ต้องให้เสียงเพลงสูญเสียคุณภาพจากการส่งสัญญาณไร้สายเลย หูฟังรุ่นนี้ยังสามารถฟังเพลงผ่านสาย 3.5 mm ตามปกติ หรือจะเสียบสาย USB-C เข้าไปคอมพิวเตอร์หรือมือถือเพื่อให้ส่งสัญญาณดิจิตอลมาที่หูฟังเลยก็ได้ ก็ถือว่าเป็นความยืดหยุ่นสำหรับนักฟังเพลงครับ

การคุยโทรศัพท์ด้วย Sennheiser MOMENTUM Wireless

  • คุยโทรศัพท์ได้ดี เสียงคมชัดทั้งเสียงพูดของเรา และเสียงสนทนาฝั่งตรงข้าม
  • รองรับการต่ออุปกรณ์ได้ 2 ตัวพร้อมกัน
  • ตัวหูฟังสามารถสั่นเพื่อเตือนสายเรียกเข้าได้

Sennheiser MOMENTUM Wireless มาพร้อมไมโครโฟน 2 ตัวเพื่อตัดเสียงรบกวนและรับเสียงพูดเวลาคุยโทรศัพท์ ซึ่งเท่าที่เราทดสอบคุยสายสนทนามา ฝั่งตรงข้ามก็ได้ยินเสียงเราชัดเจนดี เพียงแต่ว่าอาจจะต้องพูดดังขึ้นกว่าปกตินิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งถ้าโทรศัพท์ของเรารองรับการคุยผ่านเทคโนโลยีอย่าง VoLTE ก็ให้เสียงฝั่งตรงข้ามที่ได้ยินผ่านหูฟังนั้นชัดเจนมากเหมือนมาพูดอยู่ต่อหน้า

หูฟังรุ่นนี้ยังมีความพิเศษที่สามารถเชื่อมอุปกรณ์ได้ 2 ตัวพร้อมกัน เช่นเรามีโทรศัพท์ 2 เครื่อง ก็สามารถสลับรับสายจากทั้ง 2 เครื่องโดยไม่ต้องสลับ Bluetooth ไปมา นอกจากนี้ที่ตัวหูฟังยังมีระบบสั่น เมื่อมีสายเรียกเข้า หูฟังก็จะสั่นเพื่อเตือนให้เรารับสายได้ด้วย

Sennheiser MOMENTUM Wireless หูฟังระดับท็อปที่น่าใช้งาน

ก็ถือว่าการกลับมาครั้งนี้ของ Sennheiser กับหูฟัง MOMENTUM Wireless รุ่นที่ 3 นั้นทำออกมาได้ดีเลยนะครับ ด้วยเสียงที่ดีเยี่ยม ระบบตัดเสียงรบกวนที่ทำงานได้ดี คุณภาพงานประกอบหูฟังที่ดี ตัวฟองน้ำหูฟังก็นุ่มมากจนสามารถใช้งานได้ทั้งวัน ซึ่งราคาในไทยก็เปิดตัวมาที่ 14,990 บาท ซึ่งก็เป็นราคาที่แข่งขันกับหูฟังไร้สายตัวท็อปของค่ายอื่นๆ ได้ ก็เป็นอีกหนึ่งหูฟังที่น่าไปลองฟังกันดู อาจจะเสียเงินได้ไม่ยากครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook