NVK และ Megvii จับมือพัฒนา AI เพื่อการใช้งานระบบอัจฉริยะได้อย่างเข้าถึงมากขึ้น

NVK และ Megvii จับมือพัฒนา AI เพื่อการใช้งานระบบอัจฉริยะได้อย่างเข้าถึงมากขึ้น

NVK และ Megvii จับมือพัฒนา AI เพื่อการใช้งานระบบอัจฉริยะได้อย่างเข้าถึงมากขึ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บริษัท เอ็นวีเค อินเตอร์ จำกัด โดยคุณฤทธิไกร ขัณฑวีระมงคล กรรมการผู้จัดการได้ร่วมลงนามในการเป็นตัวแทนจำหน่ายและร่วมเป็นพันธมิตรในการพัฒนาเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) การจดจำใบหน้า Face Recognition and Detection กับบริษัท Megvii โดย Mr. David Wei ผู้จัดการทั่วไปและผู้อำนวยการฝ่ายขายต่างประเทศ ณ สำนักงานใหญ่บริษัท Megvii กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2562

Mr. David Wei กล่าวแนะนำว่า บริษัท Megvii ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2011 โดย Mr.Qi YIN, CEO ที่ปัจจุบันมีอายุเพียง 31 ปี บริษัทได้ดำเนินการและเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ทางด้านการจดจำใบหน้า โดยเป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังการทำงานของแอพพลิเคชั่นทางด้านถ่ายรูปและวิดีโอของโทรศัพท์มือถือแบรนด์ดังของประเทศจีนเกือบทั้งสิ้น อีกทั้งบริษัทได้พัฒนาอุปกรณ์และซอฟท์แวร์ Platform KOALA สำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปสำหรับระบบ Authentication เหมาะสำหรับโซลูชั่น Time Attendance และ Access Control และPlatform Insights , Video Structuring Platform, Big Data Platform สำหรับการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ Public Securtiy ซึ่งเหมาะสมกับกลุ่มตลาดราชการและหน่วยงานความมั่นคงหรือแม้แต่สนามบิน
สถานีขนส่งสาธารณะ     โดยมูลค่าของบริษัทมีมูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาทและมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงภายในปีนี้ โดยบริษัทฯ ถือได้ว่าเป็นบริษัททางด้าน AI แห่งแรกของโลกที่นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

 

คุณฤทธิไกร ขัณฑวีระมงคลได้เปิดเผยว่า บริษัทเอ็นวีเค อินเตอร์ จำกัด ในฐานะที่เป็นตัวแทนจำหน่าย Solutions ระบบเครือข่ายและรักษาความปลอดภัย รวมทั้งอุปกรณ์กล้องวงจรปิดอยู่แล้ว ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของระบบ AI Face Recognition “KOALA” Platform ที่จะมาทดแทนระบบการยืนยันตัวตนแบบเดิม อาทิเช่น การใช้บัตรพนักงานหรือเครื่องอ่านลายนิ้วมือที่มีปัญหาเรื่องความล่าช้าหรือการมีช่องโหว่ในการยืมบัตรในการลงทะเบียนแทนกัน หรือการนำเทคโนโลยี INSIGHTS, Video Structuring, Big DATA Platform มาเชื่อมต่อกับระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (City Surveillance) ที่มีการติดตั้งกันอยู่มากมายกันอยู่แล้วทั่วโลก

ซึ่งระบบ AI ที่ไปเชื่อมกับระบบกล้องนี้ไม่ได้เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างที่หลายฝ่ายกังวลกัน แต่ระบบนี้จะสามารถช่วยเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานให้มีความแม่นยำและสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทเล็งเห็นว่าตลาดของ Face Recognition ในประเทศไทยและตลาด CLMV อาจมีมูลค่าสูงกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาทในภายในสองสามปีนี้

บริษัทจึงได้เซ็นสัญญากับบริษัท Megvii ในการร่วมพัฒนา และ Train Algorithm ให้เหมาะสมกับการใช้งานภายใต้สภาพแวดล้อมในประเทศไทย รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายและช่วยทำตลาดในประเทศไทยและกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) โดยบริษัทเองเน้นการทำตลาดผ่านตัวแทนการขาย Reseller, System Integrator, Developer หรือแม้แต่ Software Technology Partners เท่านั้น หากบริษัทหรือองค์กรหน่วยใดสนใจสามารถติดต่อบริษัทได้ที่ โทรศัพท์ 02-940-2070 หรือ ลงทะเบียนได้ที่เวบไซต์ megvii.nvk.co.th

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook