รีวิว Fitbit Versa สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมดีไซน์สวย กันน้ำลึกได้ 50 เมตร

เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยแล้วสำหรับ Fitbit Versa (เวอร์ซ่า) นาฬิกาเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกาย Fitbit Versa ถือเป็นสมาร์วอทช์ที่เบาที่สุดของทางฟิตบิท ที่มาพร้อมดีไซน์ล้ำสมัย อัดแน่นด้วยฟีเจอร์เพื่อสุขภาพและฟิตเนส และแน่นอนว่าทางทีมงาน Sanook! Hitech ไม่พลาดที่จะนำเครื่องมารีวิวให้ได้อ่านกันอีกเช่นเคย
Fitbit Versa
มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Fitbit 2.0 เล่นได้ทั้งบน App Store, Google Play และ Windows Store นั้นถือเป็นอีกจุดเด่นของ เพราะไม่ว่าเราจะใช้สมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการตัวไหนก็สามารถทำงานร่วมกันได้ ทำให้สามารถสั่นและแจ้งเตือนสายเรียกเข้าและแสดงแจ้งเตือนจากทุกแอปในสมาร์ทโฟนได้
Fitbit Versa
Fitbit Versa
เป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Fitbit OS 2.0 ช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพและฟิตเนสประจำวันและประจำสัปดาห์ได้ในทุกที่ หน้าจอที่ได้รับการออกแบบใหม่ แสดงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ พร้อมทิปส์และเทคนิคต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้รักษากรอบการออกกำลังและทำได้สำเร็จตามเป้า
ฟีเจอร์ Fitbit Coach
เป็นโปรแกรมช่วยแนะนำการออกกำลังที่ปรับให้เหมาะกับคุณ การติดตามอัตราการเต้นของหัวใจด้วยเทคโนโลยี Pure Pulse ที่ปรับปรุงใหม่ โหมดเพื่อการออกกำลังกายกว่า 15 แบบ ที่รวม ถึงโหมดการติดตามการว่ายน้ำแบบอัตโนมัติ การติดตามภาวะการนอนอัตโนมัติ และสามารถกันน้ำลึกได้ 50 เมตร
ฟีเจอร์ใหม่ของ Fitbit Versa
ฟีเจอร์ที่เพิ่มเติมเข้ามาเรียกได้ว่าเด่นกว่ารุ่นอื่นๆ ที่เปิดตัวขายในท้องตลาดบ้านเรา คือ
• การตอบกลับเร็ว (Quick replies): ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือระบบแอนดรอยด์จะสามารถส่งข้อความตอบได้ทุกที่ด้วยสมาร์ทวอทช์ Fitbit Versa และ Fitbit Ionic ด้วยการสร้างและส่งข้อความไม่เกิน 60 ตัวอักษรที่เตรียมไว้ล่วงหน้า สำหรับส่งข้อความบนมือถือ หรือผ่านแอปฯ การสนทนา (Messenger) ต่างๆ เช่น WhatsApp และ Facebook Messenger
• การติดตามสุขภาพสำหรับคุณผู้หญิง (Female health tracking): สำหรับผู้ใช้งานที่เป็นผู้ใหญ่ ที่ระบุเพศหญิงไว้บน Fitbit app จะสามารถติดตามรอบเดือนและอาการต่างๆ ของตนได้ ช่วยให้ดูแลรอบเดือนได้ง่ายยิ่งขึ้น
• ภาพรวมข้อมูลสุขภาพและฟิตเนสได้ครบในที่เดียว ผู้ใช้ Versa และ Ionic ยังสามารถดูข้อมูลการติดตามสุขภาพของคุณผู้หญิงได้จากอุปกรณ์นี้ด้วย
นอกจากนี้ Fitbit Versa ยังอัดแน่นไปด้วยสมาร์ทฟีเจอร์มากมาย อาทิ การแจ้งเตือนแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ปฏิทิน การเตือนสายเรียกเข้าและข้อความจากโทรศัพท์มือถือ แอปฯ มีให้เลือกใช้ฟรีมากมายจากคลังแอปฯ ของฟิตบิท ทั้งจากแบรนด์ยอดนิยมกว่า 650 แบรนด์ แอปฯ โดยนักพัฒนาและ Fitbit Labs รวมถึงหน้าปัดนาฬิกาที่เลือกดาวน์โหลดและปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ
Fitbit Versa
คุณสมบัติเบื้องต้นของ Fitbit Versa (เวอร์ซ่า)
- ตัวเครื่องทำจากวัสดุอลูมิเนียม ทำให้มีน้ำหนักเบา
- หน้าจอระบบสัมผัสและใช้กระจกคุณภาพสูง Corning Gorilla Glass 3
- เซ็นเซอร์วัดชีพจรแบบออปติคอล ที่ออกแบบโดยทีมงาน Fitbit
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Fitbit OS 2.0
- ทำงานได้ทั้งบน App Store, Google Play และ Windows Store
- กันน้ำลึกได้ 50 เมตร
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องของ Fitbit Versa(เวอร์ซ่า) มีอะไรบ้าง มาดูกัน
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องของ Fitbit Versa
- Fitbit Versa ติดตั้งมาในสายขนาด S
- สายสำรอง เฉพาะด้านรูสาย (ขนาด L) และสายแบบคลาสสิกสีดำ
- แท่นชาร์จ (USB)
- สมุดคู่เริ่มต้นใช้งาน
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่องและการออกแบบดีไซน์ Fitbit Versa(เวอร์ซ่า)
สำหรับเครื่อง Fitbit Versa รุ่นใหม่ล่าสุดมีสีให้เลือกใช้งานทั้งหมด 5 สีด้วยกัน คือ รุ่นพิเศษ สีดำกราไฟท์ (สายผ้าทอ สีดำถ่าน), สีโรสโกลด์ (สายผ้าทอ สีม่วงลาเวนเดอร์) และแบ่งเป็นรุ่นธรรมดาอีก 3 สีได้แก่ สีดำ, สีพีช และสีเทา
สำหรับรุ่นที่ทางทีมงานได้มาทดลองเล่นในวันนี้ เป็นรุ่นพิเศษซึ่งตัวเรือนสีดำกราไฟท์ ส่วนอีกสีเป็นตัวเรือนสีทองโรสโกลด์
หน้าจอใช้กระจกคุณภาพสูง Corning Gorilla Glass 3
หน้าจอรองรับระบบสัมผัสและใช้กระจกคุณภาพสูง Corning Gorilla Glass 3 ทำให้หน้าจอทนทาน ทำให้มีริ้วรอยยากขึ้น และยังแสดงภาพได้ชัดเจนแม้แดดจัด ทำให้เราสามารถใช้งานกลางแดดได้สบายมาก
ส่วนของหน้าจอถูกออกแบบตัวเรือนในรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตัดขอบให้โค้งมน ทำให้จับแล้วรู้สึกเป็นของที่มีราคา และหน้าปัดนาฬิกามีหลากหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบเข็มและดิจิตอล แบบที่แสดงข้อมูลเยอะๆ ก็มีให้เลือก เปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ
หน้าจอรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตัดขอบโค้งมน
การดีไซน์ถือว่าโดดเด่นไม่แพ้ของค่ายไหน วัสดุที่นำมาผลิตดูพรีเมี่ยม ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมที่น้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งมีน้ำหนักเบาทำให้สวมใส่ได้ตลอดทั้งวันโดยไม่รู้สึกฝืนข้อมือ
นอกจากนี้เรายังเลือกเปลี่ยนสายได้สะดวกด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือใดๆ การปรับเปลี่ยนสายก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ไม่ยาก เท่าที่เคยรีวิวมา ตัวนี้เปลี่ยนง่ายสุดแล้วแค่กดที่ข้อของสายแล้วดึงออกแบบเบาๆ แต่ตอนใส่สายอย่าลืมเช็คดีๆ นะว่ามันล็อกแล้วจริงๆ ไม่งั้นจะหลุดหายได้ง่ายๆ
สายแบบถักสีดำชาร์โคล กรอบอลูมิเนียมสีกราไฟต์
มีสายสายสำรองซึ่งเป็นซิลิโคนคลาสสิกสีดำมาให้เปลี่ยน
ด้านหลังตัวเครื่องเป็นตำแหน่งของเซ็นเซอร์วัดชีพจรผ่านข้อมือที่คิดค้นและพัฒนาจากทีมงาน Fitbit โดยตรง ซึ่งให้ความแม่นยำและเที่ยงต้นที่สุด เซ็นเซอร์วัดชีพจรแบบออปติคอล เทคโนโลยีที่คิดค้นจาก Fitbit และที่เสียบสายชาร์จ
เซ็นเซอร์วัดชีพจร และ ที่เสียบสายชาร์จ ด้านหลังตัวเครื่อง
ควบคุมด้วยระบบสัมผัสและ 3 ปุ่มควบคุมที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่องทั้งซ้ายและขวา ในการควบคุมด้วยระบบสัมผัสที่ใช้งานง่ายไหลลื่น ส่วนปุ่มมีให้เลือกใช้งานแทนการสัมผัสหน้าจอ เพื่อเข้าเมนูลัด หรือ การเริ่ม/หยุด ขณะออกกำลังกาย
ตัวเครื่อง Fitbit Versa ด้านขวา
ตัวเครื่อง Fitbit Versa ด้านซ้าย
แบตเตอรี่เมื่อชาร์จเต็มสามารถสแตนบายได้สูงสุดถึง 4-5 วัน ถือว่าอยู่ได้อึดอยู่
Fitbit Versa
ต่อกันด้วยส่วนของ แท่นชาร์จ รูปแบบการชาร์จของ Fitbit Versa จะแตกต่างกับ Fitbit Ionic ที่ใช้สายชาร์จระบบแม่เหล็ก แต่ใน Versa เลือกใช้แท่นชาร์จที่โดยบริเวณฐานเป็นตัวหนีบสำหรับการล็อคตัวเรือน โดยรวมงานง่ายกว่ารุ่นก่อนๆ
ก่อนนำตัวเครื่องเข้าชาร์จแบตต้องบีบที่ชาร์จก่อน หากไม่จำเป็นอย่ายัดตัวเครื่องลงไปเลย เพราะอาจทำให้ตัวเครื่องด้านข้างเป็นรอย เป็นตำหนิได้
แหน่งที่ใช้บีบก่อนชาร์จ
ทดลองใส่บนข้อมือ(สำหรับข้อมือทีใช้ในงานรีวิวเป็นของผู้หญิง) ตัวเรือนเมื่ออยู่บนข้อมือ
ระบบล็อกของสายสมาร์ทวอทช์เมื่อทำการสวมใส่สำหรับในรุ่นใหม่จะมีระบบล็อกสองชั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องการหลุดหาย มั่นใจได้เลยว่าล็อกแน่นอยู่ที่ข้อมือแน่นอน
ระบบล็อกของสาย Fitbit Versa
เปิดเครื่องทดลองใช้งาน Fitbit Versa(เวอร์ซ่า) เบื้องต้น
- โหลดโปรแกรม Fitbit สามารถใช้งานได้ทั้งเวอร์ชั่น Windows, iOS, Android
- เมื่อโหลดเรียบร้อยให้เปิดเครื่องและเชื่อมต่อ Bluetooth แนะนำว่าก่อนทำขั้นตอนนี้ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อน
- เมื่อมือถือกับ Fitbit ได้เจอกันแล้ว ให้เชื่อมต่อกับ WiFi หากเป็นไปได้ ซึ่งจะทำให้การโอนข้อมูลบางอย่างทำได้เร็วขึ้นเช่นการปรับหน้าฟังเพลง
- เครื่องสามารถอัปเดท Firmware สำหรับปรับปรุงความสามารถหรือแก้ปัญหาทีส่งมาเพื่อแก้ไขได้
การเชื่อมต่อกับมือถือขึ้นต้นทำไม่ยาก ทำตามขั้นตอนที่แนะนำไปเรื่อยๆ ก็เสร็จ สำหรับคนที่เคยใช้ Fitbit ถือว่าง่าย แต่ถ้าไม่คุ้นเคยอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย
หลังจากทำการเชื่อมต่อเสร็จ เราสามารถเล่นผ่านตัวเครื่อง Fitbit Versa ได้เลย โดยเบื้องต้นฟังก์ชันพื้นฐานยังมีมาให้อย่างครบครัน
ตัวอย่างการทำงานผ่านแอปพลิเคชั่น ซึ่งเราสามารถดูค่าต่างๆ ผ่าน App จะดูได้ละเอียดกว่า
Fitbit Versa รุ่นใหม่ยังคงมี มีโค้ชส่วนตัวพร้อมโปรแกรมออกกำลังกายให้เราเหมือนในรุ่น Fitbit Ionic
โดยจะมีโหมดต่างๆ ให้เลือกใช้งานพื้นฐานมากกมาน ไม่ว่าจะเป็น โดยมีโหมดการออกกกำลังกายค่อยข้างครบเช่น การวิ่ง, ปั่นจักรยาน และอื่นๆ ซึ่งคุณสามารถสั่งเปิดได้เจาก Apps หรือกดสั่งเปิดง่ายๆ ที่ตัวนาฬิกาได้ทันที แถมหน้าจอยังเป็นสีที่สวยงามไม่น้อย
เก็บเพลงบนนาฬิกาได้มากถึง 300 เพลง โดยฟังเพลงจากหูฟังบลูทูธ การเอาเพลงลงในเครื่องก็ไม่ยาก สามารถทำโดยการลงผ่านโปรแกรม Fitbit Connect บนคอมพิวเตอร์ สามารถโหลดเพลงมาเก็บไว้ในเครื่องได้สูงถึง 300+ เพลง( พื้นที่เก็บเพลงภายในนาฬิกา 2.5GB) ขั้นตอนการฟังก็ง่ายๆ เพราะสามารถเชื่อมต่อกับหูฟังบลูทูธเพื่อฟังเพลงได้เลย และเรายัง เราสามารถเลือกควบคุมเครื่องเล่นเพลงได้จากตัว Fitbit ได้เลย
นอกจากนี้ ฟิตบิท เวอร์ซ่า ยังมีระบบชำระเงิน Fitbit Pay ที่ได้รับการรับรองจากธนาคารพาณิชย์และบัตรเครดิตชั้นนำกว่า 60 รายใน 15 ประเทศ และเสียงเพลงบนนาฬิกาเพื่อสร้างแรงจูงใจจาก Deezer หรือเพลย์ลิสต์ส่วนตัวคุณ โดยมาพร้อมกับแบตเตอรีที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 4 วันiii โดยฟิตบิท เวอร์ซ่า สามารถใช้ร่วมกับระบบแอนดรอยด์ iOS และวินโดวส์
ฟิตบิท เวอร์ซ่า มีวางจำหน่ายแล้วที่ B2S ร้านดอทไลฟ์ คิงพาวเวอร์ พาวเวอร์บาย วีมาร์ท และลาซาด้า ในราคา 8,490 บาท สำหรับสีดำ พร้อมกรอบดำอลูมิเนียม และสีเทา พร้อมกรอบเงินอลูมิเนียม หรือสีพีช พร้อมกรอบโรส โกลด์ อลูมิเนียม และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ราคาตั้งแต่ 1,090 บาท ถึง 3,290 บาท
ส่วนฟิตบิท เวอร์ซ่า รุ่นสเปเชียล เอดิชั่น ราคา 9,490 บาท มาพร้อมกับสายแบบถักสีลาเวนเดอร์ กรอบอลูมิเนียมสีโรสโกลด์ หรือสายแบบถักสีดำชาร์โคล กรอบอลูมิเนียมสีกราไฟต์ โดยทั้งสองแบบจะมาพร้อมกับสายแบบคลาสสิกสีดำ เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวได้มีกิจกรรมที่แอคทีฟร่วมกัน ฟิตบิทเตรียมเปิดตัวฟิตบิท เอซ (Fitbit Ace) สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพสำหรับเด็ก ๆ เป็นครั้งแรก ภายในไตรมาส 2 ของปี 2561 นี้
สรุปผลหลังทางทีมงาน Sanook! Hitech ได้ทดสอบและลองเล่น ฟิตบิท เวอร์ซ่า มาสักระยะ
หลังจากได้ลองใส่ Fitbit Versa สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ ออกกำลังกายมาสักระยะ รู้สึกได้ว่าเวลาใส่แล้วมันให้ความรู้สึกเหมือน Versa คือ Apple Watch 38 mm พอสมควร แต่ Fitbit Versa กลับมีจุดเด่นในเรื่องของแบตเตอรี่ยาวนานกว่า ชาร์จครั้งหนึ่งอยู่ได้ประมาณ 4 วัน และอย่างที่บอกว่าในรุ่นใหม่ชูจุดเด่นในเรื่องของสุขภาพของคุณผู้หญิง ทำให้มันดูมีประโยชน์มากกว่าเป็นแค่ สมาร์ทวอทช์ออกกำลังกายทั่วๆ ไป สำหรับผู้หญิงการมีอะไรมาช่วยในการจดจำรอบเดือนมันวิเศษมากๆ เลยละ
และที่อีกอย่างคือ Fitbit Versa มันสามารถตรวจจับจากการเคลื่อนไหวในขณะนอนหลับและการเต้นของหัวใจเพื่อดูว่าเรามีช่วงหลับตื้น หลับลึกได้ออกมาอย่างแม่นยำ
สรุปจุดเด่นของ Fitbit Versa
- ด้วยดีไซน์ที่ออกแบบมาเล็กกว่า Fitbit Ionic ทำให้เหมาะกับผู้หญิงและข้อมือเล็ก
- แบตเตอรี่เมื่อชาร์จเต็มใช้งานได้สูงสุดถึง 4-5 วัน
- สามารถปลี่ยนสายเองได้
- ยังคงกันน้ำได้เหมือนเดิม(กันน้ำได้ 50 เมตร)
- ติดตามสุขภาพคุณผู้หญิง บันทึกระยะเวลาติดตามการตกไข่ (Female Health Tracking)
- เล่นได้ทั้งบน App Store, Google Play และ Windows Store
สรุปจุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมหากต้องการซื้อหามาใช้งาน
- Versa ไม่มี GPS ต้องใช้งาน GPS คู่กับสมาร์ทโฟนผ่าน Fitbit App เท่านั้น
- การเอาเพลงลงเครื่องค่อนข้างยุ่งยาก เพราะต้องทำผ่านคอมพิวเตอร์เท่านั้น ทำผ่านมือถือไม่ได้