11 วิธีทำให้แบตเตอรี่ iPhone  อยู่ได้ทนทานมากขึ้นบน iOS 11

อีกคำถามที่หลายคนเจอบน iOS11 ที่ต้องบ่นกันใหญ่นั่นคือแบตเตอรี่ที่กินไฟมากไปทำให้เครื่องไม่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานได้ ก่อปัญหาให้กับหลายคนมาบ้าง แต่ก็มีวิธีทำให้ iOS11 ช่วยประหยัดไฟได้เช่นเดียวกันจะมีวิธีอะไรบ้างมาดูกัน

ใช้ App ตัวไหนที่กินไฟมากที่สุด

เป็นวิธีแรกที่สามารถใช้งานทำได้ง่ายดายที่สุด แค่เข้าไปที่ Setting > Battery ด้านล่างจะมีบอกว่าแต่ละ Apps ใช้ไฟไปเท่าไหร่

ลดความสว่างของหน้าจอ

การลดความสว่างของหน้าจอเป็นทางเลือกสำหรับคนที่หวงพลังงานของเครื่อง เนื่องจากหน้าจอของ iPhone เป็นอีกส่วนที่กินไฟมากที่สุด การลดการใช้พลังงานลงได้

วิธีการปรับแสงสว่างของ iPhone และอุปกรณ์ที่ใช้ iOS สามารถทำได้ที่ Control Centre > กดไปที่โคมไฟแล้วลดความสว่างตามความต้องการของคุณ แต่ถ้าไม่พอสามารถเข้าไปปรับรูปแบบการแสดงผลได้ที่ Settings > General > Accessibility > Display Accommodations

อย่าเปิดไฟฉายให้สว่างเกินไป

เนื่องจาก iPhone มีไฟฉายภายในตัว เกิดจากการนำ LED Flash มาทำเป็นไฟฉาย แต่ว่าก็จะมีเรื่องของ หลายคนไม่รู้ว่ามันปรับไฟได้ วิธีการใช้งานคือ กดค้างที่ไฟฉายใน Control Center แล้วเลือกความสว่างตามที่ต้องการ

ใช้โหมด Low Power

Low Power Mode เป็นโหมดที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้อย่างดี เพราะมันจะช่วย เปิด Background App Refresh Apps  (ลดการทำงาน Apps), รวมไปถึงการแจ้งเตือนต่างๆ วิธีการเปิดให้ลองเข้าที่ Setting > Battery >เปิดที่ Low Power Battery หรือปล่อยแบตเตอรี่เหลือ 20% ก็จะเปิดเอง หรือกดใน Control Center ก็ได้เช่นเดียวกัน

พยายามไม่ให้ Push เมล บ่อย ๆ

อีกปัญหาหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่มือถือหมดไวมากอีกตัวหนึ่งคือ การที่อีเมลเข้าและมีการแจ้งเตือน หรือ Push Mail ซึ่งมีผลต่อการกินแบตเตอรี่ค่อนข้างเยอะ ทำให้หลายคนที่อยากยืดอายุแบตฯให้อยู่ได้นานๆ คงต้องคิดกันหน่อย แต่วิธีจัดการนั้นไม่ยาก แค่เข้าไปที่ Settings > Accounts & Passwords > Fetch New Data แล้วกดปิด

แต่วิธีนี้จะมีข้อเสียคือ อีเมลจะไม่ถูกแจ้งเตือนอีกต่อไป ฉะนั้นก่อนปิดคิดดูให้ดี

ปิดคำสั่ง Hey Siri

คำสั่งที่คุณสามารถพูด Hey Siri หรือภาษาไทยคือ หวัดดี Siri เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่ทำให้เครื่องต้องคอยรอฟังเสียงของเราตลอดเวลา ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะทำให้แบตเตอรี่เครื่องหมดเร็วนั่นเอง

วิธีเข้าไปปิดกดไปที่ Settings > Siri & Search เลือกไปที่ Listen Siri กดปิดไปเลย

เปิด Background App Refresh และปิด Auto Download Apps

การเปิดฟีเจอร์ Background App Refresh จะทำให้การ Refresh Apps จากการเชื่อมต่อ WiFi และ 4G ต่อเนื่องแต่ก็มีข้อเสียคือทำให้ แบตเตอรี่หมดเร็ว ฉะนั้นใครที่ไม่อยากให้ฉะนั้นใครที่ไม่อยากให้แบตฯหมดเร็วก็จำเป็น สามารถเปิดได้ที่ Settings > General > Background App Refresh

อีกสิ่งที่ควรทำคือ Auto Download Apps สิ่งนี้ก็ควรปิด เพราะบางครั้งเราติดตั้ง Apps ให้กับ iPad แต่ถ้าเปิด Auto Download Apps จะทำให้ Apps ติดตั้งเหมือนกัน แต่เราสามารถปิดได้กดที่ Settings > iTunes & App Store และกดปิดที่ Update

ปิดไม่ให้ Visual Effect ของหน้าจอทำงาน

การปิด Visual Effect ของเครื่องก็เป็นอีกวิธีในการช่วยประหยัดพลังงานได้ โดยการเข้าไปที่ Settings > General > Accessibility > Reduce Motion เลือกเปิด เพื่อให้เมื่อเราใช้งานถึงจะทำงาน แต่สำหรับคนที่ใช้งานปกติ ฟีเจอร์นี้ไม่จำเป็นที่ต้องเปิด เพราะมันใช้พลังงานน้อย

ตั้งให้ปิด Auto Lock ให้เร็วขึ้น

การตั้งให้ปิดหน้าจอยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีกับการใช้พลังงานอย่างมาก โดยเฉพาะกับหน้าจอของเครื่อง วิธีการคือ สามารถกดเข้าไปที่ Settings > Display & Brightness > Auto-Lock แนะนำว่าใช้แค่ 30 วินาทีก็เพียงพอ

เลือกการแสดงผล Location เท่าที่จำเป็น

การให้ Apps บนมือถือแสดงพิกัดตลอดนอกจากความปลอดภัยอาจจะลดลงเพราะคนรู้ตำแหน่งเรา แต่มันก็มีผลกับแบตเตอรี่ได้โดยตรง ฉะนั้นแล้วการปิดการแจ้งเตือนพิกัด (Settings > Privacy > Location Services) ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ทำให้เครื่องประหยัดไฟได้

ตั้งให้การแจ้งเตือนแสดงเท่าที่จำเป็น

สุดท้ายการแจ้งเตือนจาก Apps ต่างๆ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้แบตเตอรี่ของเครื่องหมดเร็วมาก ดังนั้นแล้วการที่เราเลือกที่จะปิดไม่ให้บางอย่างแสดงผลก็จะทำให้เครื่องไม่กินไฟ

วิธีเลือกว่าจะไปปิดอะไรสามารถเข้าไปดูได้ที่ Settings > Notifications โดยเราจะเลือกเป็นแค่ โชว์เบาๆ หรือจะเป็นโชว์เมื่อปลดล็อคก็ได้

แม้วิธีการทำให้ iPhone ประหยัดไฟบน iOS11 จะมีมากมายหลายตัวเลือก แต่เราควรที่จะใช้แบบพอดีเพื่อการใช้งานเครื่องที่ไม่มีปัญหาจะดีที่สุดครับ