เปรียบเทียบ แพ็กเกจเน็ตบ้าน Fiber Internet ค่ายไหนดี ค่ายไหนคุ้ม มาดูกัน
ติดเน็ตบ้าน เลือกค่ายไหนดี? คำถามนี้ คงจะเป็นอารมณ์เดียวกับการเลือกใช้เครือข่าย 3G/4G นั่นเอง แต่ก่อนนั้น การเลือกติดเน็ตบ้าน อาจจะไม่ต้องใช้ปัจจัยใด ๆ ตัดสินมากนัก เพราะส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับ คู่สาย ว่า ครอบคลุมมายังพื้นที่ที่ใช้งานแล้วหรือยัง แต่ปัจจุบัน เน็ตบ้าน ไม่ได้มีให้เลือกเฉพาะแค่แบบ ADSL เท่านั้น แต่เริ่มมีเทคโนโลยีแบบ Fibre Optic เพิ่มเข้ามา ก่อนที่จะเข้าสู่การเปรียบเทียบ แพ็กเกจเน็ตบ้าน เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ADSL กับ Fibre Optic แตกต่างกันอย่างไร
ความแตกต่างระหว่าง เทคโนโลยี ADSL กับ Fibre Optic
ADSL หรือ Asymmetric Digital Subscriber Line ถือว่า เป็นเทคโนโลยีที่ผู้ใช้เน็ตบ้านคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และเครือข่ายระยะไกลได้ด้วยการใช้คู่สายโทรศัพท์ ข้อดีก็คือ สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตควบคู่ไปกับการใช้โทรศัพท์บ้านได้ โดยมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลอยู่ที่ 8 Mbps/1Mbps ซึ่งจะช้าหรือเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับระยะทาง และคุณภาพของคู่สายด้วยเช่นกัน
ส่วน Fibre Optic หรือ FTTx เป็นเครือข่ายความเร็วสูงผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสง ซึ่งมีข้อดีคือ สัญญาณรบกวนน้อย และสามารถส่งข้อมูลขนาดใหญ่ได้ในระยะไกล นอกจากนี้ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ยังสามารถปล่อย Bandwidth ที่สูงถึงหลายร้อย Mbps ทั้งในฝั่งดาวน์โหลดและอัปโหลด ซึ่งถือว่า เป็นเทคโนโลยีที่จะมาแทนที่ ADSL นั่นเอง
แต่ก่อนนั้น เน็ตบ้านไม่ค่อยมีแพ็กเกจหรือปรับสปีดแบบหวือหวามากนัก แต่ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (บ้าน) เริ่มมีการปล่อยแพ็กเกจออกมาตัดราคากันอย่างมากมาย ซึ่งในวันนี้ ทีมงาน techmoblog ขอรวบรวมแพ็กเกจ เน็ตบ้าน จากทุกค่าย มาเปรียบเทียบให้เห็นภาพกันแบบชัด ๆ เพื่อให้เป็นทางเลือกในการเลือกใช้ เน็ตบ้าน กันในอนาคต โดยแพ็กเกจที่จะนำมาเปรียบเทียบนั้น เป็นแบบ Fibre จาก 5 ผู้ให้บริการด้วยกัน ซึ่งได้แก่ True, 3BB, AIS Fibre, C Internet (CAT) และ TOT Fiber
1. true online
ที่มา : http://trueonline.truecorp.co.th
เริ่มกันที่ true online กันก่อน กับแพ็กเกจที่มีชื่อว่า ทรู ซูเปอร์สปีด ไฟเบอร์ เริ่มต้นที่ 599 บาท กับความเร็ว 30/5 Mbps แต่ถ้าหากต้องการความคุ้มค่า จะเริ่มต้นที่ 799 บาท ด้วยความเร็ว 50/20 Mbps พร้อมผูกกับบริการอื่น ๆ ของ True นั่นก็คือ TrueVision ชมช่อง Enjoy ฟรี และรับเบอร์ทรูมาให้ใช้งาน พร้อมรับอินเทอร์เน็ตเพิ่มอีก 500 MB, 4G เพิ่ม 1 GB นาน 12 เดือน, โทรฟรี 100 นาที และ WiFi ฟรี 10 ชั่วโมง
แต่ถ้าหากไม่ได้ใช้งานอะไรมากมาย (อย่างเช่น ดาวน์โหลด/อัปโหลดคลิป) ราคา 599 บาท ความเร็ว 30/5 Mbps ก็ถือว่า เร็วและแรงแล้วเช่นกัน ส่วนใครที่เป็นลูกค้าปัจจุบันอยู่แล้ว อย่าลืมไปอัปเกรดสปีดในราคาเดิมด้วยนะครับ
2. 3BB Fibre
ที่มา : http://www.3bb.co.th
เป็นอีกค่ายที่คนนิยมใช้งานกันเยอะ กับ 3BB Fibre ซึ่งตอนนี้ มีโปรโมชั่นให้เลือก 3 แบบ เริ่มต้นที่ 590 บาท ได้ความเร็ว 50/10 Mbps เทียบกับ true online ที่ราคาเดียวกัน ถือว่า คุ้มค่ากว่าเยอะ ส่วนความเร็วสูงสุด 200/50 Mbps จ่ายเพียง 1,200 บาท ถูกกว่า true online เช่นกัน เพียงแต่จะไม่มีบริการเสริมเหมือน true online
3. AIS Fibre
ที่มา : http://www.ais.co.th
มาแรงในช่วงหลังสำหรับ AIS Fibre ด้วยแพ็กเกจโดนใจ ในราคาเบา ๆ เริ่มต้นที่ 590 บาท ที่ความเร็ว 30/10 Mbps ซึ่งแพ็กเกจของ AIS Fibre จะคุ้มค่าสุดถ้าหากเป็นลูกค้าของ AIS เพราะมีส่วนลดให้ 10% ทุกแพ็กเกจ นอกจากนี้ ยังมีแพ็กเกจที่มาพร้อมกับ AIS PLAYBOX ด้วย เริ่มต้นที่ 888 บาท
4. C internet by CAT
ที่มา : http://catinternet.com
ทางฝั่งของ C internet by CAT นั้น ถือว่า ปล่อยแพ็กเกจออกมาสมน้ำสมเนื้อ เริ่มต้นที่ 590 บาท ได้ความเร็ว 20/10 Mbps หรือใครที่อยากได้ เน็ต 100 Mbps ถือว่า ไม่แพงเช่นกัน จ่ายเพียง 990 บาท
5. TOT fiber 2U
ที่มา : http://www.tot.co.th
ปิดท้ายด้วย TOT fiber 2U ถือว่า น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะ เน็ต 100 Mbps ถ้าเป็นเจ้าอื่น ต้องจ่ายเริ่มต้นที่ 900 บาท แต่สำหรับ TOT จ่ายเพียง 800 บาท แต่ถ้าจ่าย 990 จะได้เน็ตความเร็วถึง 150/30 Mbps เลยทีเดียว อันนี้ถือว่า คุ้มค่ามาก ๆ
จากข้อมูลข้างต้น เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เราจะมาเปรียบเทียบ ราคาและความเร็วอินเทอร์เน็ต ในรูปแบบของตารางกันดูครับ
** ราคาข้างต้นยังไม่รวม VAT
จากตารางข้างต้น จะเห็นว่า แพ็กเกจของผู้ให้บริการบางรายถือว่า น่าสนใจ แต่ในบางครั้ง แพ็กเกจไหนคุ้มค่ากว่า อาจจะยังไม่ใช่คำตอบของคำถามนี้ เพราะสิ่งที่จะต้องตรวจสอบก่อนเป็นอันดับแรก นั่นก็คือ เครือข่ายดังกล่าวรองรับในพื้นที่ที่ใช้บริการหรือไม่ เนื่องจากมีหลายพื้นที่ แม้จะอยู่ในเมือง แต่ยังไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบ Fibre ได้ ต่อให้มีโปรโมชั่นดีและยั่วเงินในกระเป๋าแค่ไหน แต่ถ้าไม่อยู่ในพื้นที่ที่ให้บริการ ก็อดไปตามระเบียบ
นอกจากจะต้องตรวจสอบพื้นที่ทีให้บริการแล้ว สิ่งที่จะต้องคำนึงถึงในลำดับถัดมา นั่นก็คือ ความแรงของสัญญาณและบริการหลังการขาย วิธีง่าย ๆ ก็คือ ลองสอบถามเพื่อนบ้านที่ใช้อินเทอร์เน็ตเครือข่ายดังกล่าวดูว่า เสถียรแค่ไหน, หลุดบ่อยหรือไม่ เป็นต้น