9 สมาร์ทโฟนรุ่นเด็ดพร้อมกล้องถ่ายภาพแบบคู่ (Dual-Camera) ประจำปี 2016

9 สมาร์ทโฟนรุ่นเด็ดพร้อมกล้องถ่ายภาพแบบคู่ (Dual-Camera) ประจำปี 2016

9 สมาร์ทโฟนรุ่นเด็ดพร้อมกล้องถ่ายภาพแบบคู่ (Dual-Camera) ประจำปี 2016
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รวม 9 สมาร์ทโฟนรุ่นเด็ดพร้อมกล้องถ่ายภาพแบบคู่ (Dual-Camera) ประจำปี 2016 รุ่นใดถ่ายภาพคมชัด สีสันเที่ยงตรง พร้อมฟีเจอร์ครบครันทุกการใช้งาน เราสรุปมาให้ท่านแล้ว!

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ กลับมาพบทีมงาน Thaimobilecenter กับนานาสาระน่ารู้ และข่าวสารในวงการสมาร์ทโฟนกันอีกครั้งนะครับ

สำหรับวันนี้ก็เป็นวันแรกในเดือนสุดท้ายของปี 2016 กันแล้ว ซึ่งตลอดทั้งปีที่ผ่านมาก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปีทองของอุปกรณ์ประจำตัวเราอย่าง สมาร์ทโฟน ก็ว่าได้ เพราะแต่ละแบรนด์ต่างแข่งขันกันพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของค่ายกันแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นหน่วยความจำแรม (RAM) ที่มีขนาดใหญ่ถึง 6GB และกำลังจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟนในเร็วๆ นี้ หรือเซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Scanner) ที่ยกระดับความปลอดภัยของผู้ใช้ให้สูงขึ้นอีกขั้น และหนึ่งในเทคโนโลยีที่พัฒนา และกลายเป็นที่นิยมของผู้ใช้อย่างมากก็คือ กล้องดิจิทัลแบบคู่ (Dual-Camera)

หากใครที่ติดตามข่าวสารในวงการสมาร์ทโฟนเป็นประจำตลอดปีที่ผ่านมาก็คงจะพบเห็นสมาร์ทโฟนหลายรุ่นที่เปิดตัวมาพร้อมกับจุดขายหลักอย่าง กล้องดิจิทัลแบบคู่ (Dual-Camera) ที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพ และเพิ่มคุณภาพของภาพถ่ายจากมือถือให้ดียิ่งขึ้นในระดับที่ใกล้เคียงกับกล้องโปรอย่าง DSLR อีกทั้งในบางรุ่นยังเป็นการเพิ่มความคมชัด, การเก็บสีสันของวัตถุอย่างเที่ยงตรง หรือจะเป็นการสร้าง Bokeh คล้ายกับกล้องใหญ่ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

ผู้ใช้หลายคนก็ชอบถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนเพราะพกพาง่าย และสามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้น กล้องถ่ายภาพแบบคู่จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่่ผู้ใช้หยิบยกมาพิจารณาเป็นลำดับแรกๆ นอกเหนือจากคุณสมบัติตัวเครื่องด้านอื่นด้วยเช่นกัน ซึ่งในปีนี้สมาร์ทโฟนกล้องคู่ก็เปิดตัวมาหลายรุ่น

ทางทีมงาน Thaimobilecenter จึงได้ทำการคัดเลือก 9 สมาร์ทโฟนกล้องคู่รุ่นเด็ดประจำปี 2016 มาให้ทุกท่านได้รับชมกัน โดยนอกจากกล้องคู่แล้ว แต่ละรุ่นยังมีความโดดเด่นในด้านอื่นๆ ที่แตกต่างกันออกไปด้วย และจะมีรุ่นใดบ้างนั้น ติดตามชมไปพร้อมกันได้เลยครับ

 Huawei Mate 9

1


มารับชมสมาร์ทโฟนกล้องคู่รุ่นแรกกันด้วย Huawei Mate9 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของยักษ์ใหญ่จากแดนมังกรที่เปิดตัวมาพร้อมกับกล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) จากความร่วมมือกับ Leica ที่สร้างความสำเร็จมาแล้วทั่วโลกจาก Huawei P9 โดยกล้องคู่ของ Huawei Mate 9 ตัวแรกมีความละเอียดสูงถึง 20 ล้านพิกเซลสำหรับการเก้บภาพขาวดำ และตัวที่สองมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล สำหรับการเก็บภาพสีแบบ RGB ซึ่งเมื่อนำภาพจากสองกล้องมารวมกันจะทำให้ได้ภาพถ่ายที่สีสันชัดเจน และเที่ยงตรง รามถึงยังมีความคมชัดทั้งรายละเอียดของภาพ และแสงเงาภายในภาพด้วยเช่นกัน นอกจากนี้กล้องคู่ของ Huawei Mate 9 ยังใช้งานรูรับแสงที่มีขนาดกว้างสูงสุดที่ F/2.2 และระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS อีกด้วย นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงกล้องคู่ที่น่าใช้งานรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว ส่วนคุณสมบัติตัวเครื่องเบื้องต้นของ Huawei Mate 9 มีรายละเอียด ดังนี้

- ตัวเครื่องมีขนาด 156.9x78.9x7.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 190 กรัม
- หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD Full HD ขนาด 5.9 นิ้ว ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล พร้อมกระจกป้องกันหน้าจอแบบขอบนูน 2.5D
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Huawei Kirin 960
- ชิปเซ็ตประมวลผลภาพกราฟิก Mali G71 MP8 Octa-Core GPU รุ่นแรกของโลก พร้อมรองรับเทคโนโลยี Vulkan
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB
- หน่วยความจำภายในขนาด 64GB รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD สูงสุด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual-Speaker)
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner)
- รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ Google Daydream
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh รองรับฟีเจอร์ Huawei SuperCharge ที่ชาร์จเพียงแค่ 30 นาที หรือเพียง 58% ก็สามารถใช้ได้ตลอดทั้งวัน พร้อมฟีเจอร์ On-The-Go ที่สามารถแปลง Huawei Mate 9 ให้เป็นแบตเตอรี่สำรองได้ด้วย
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 5.0

รายละเอียดเพิ่มเติมของ Huawei Mate 9
รีวิว (Review) Huawei Mate 9

 iPhone 7 Plus

2


อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนเรือธงที่เป็นที่เฝ้ารอของใครหลายคนสำหรับ iPhone 7 Plus ไอโฟนตัวท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาฟีเจอร์การใช้งานมาในทุกๆ ด้าน และหนึ่งในฟีเจอร์ที่เด็ดที่สุดของรุ่นก็คือ กล้องดิจิทัล iSight แบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมใช้งานเลนส์รับภาพสองชนิด คือ เลนส์มุมกว้าง (Wide) และเลนส์ถ่ายภาพระยะไกล (Telephoto) และยังใช้งานเซ็นเซอร์รับภาพอัจฉริยะใหม่ล่าสุด, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS), ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.8, ใช้โครงสร้าง 6 ชิ้นเลนส์ และไฟแฟลชสี่ดวง (Quad-LED) ซึ่งสามารถถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิม และมีระบบคำนวณค่าแสงตามสภาพจริง ที่ช่วยให้ภาพถ่ายมีสีสันของภาพที่เที่ยงตรง และใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุดอีกด้วย ซึ่งกล้องคู่ของ iPhone 7 Plus ยังสามารถถ่ายภาพแบบ ชัดลึก-ชัดตื้น หรือภาพแนว หน้าชัด-หลังเบลอ ได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้ใช้หลายคนต่างก็ชื่นชอบในฟีเจอร์นี้เป็นอย่างมาก โดยคุณสมบัติตัวเครื่องเบื้องต้นของ iPhone 7 Plus มีดังนี้

- ตัวเครื่องมีขนาด 158.2x77.9x7.3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 188 กรัม
- หน้าจอแสดงผล  Retina HD IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมฟีเจอร์ Wide Color Gomut
- ชิปเซ็ตประมวลผล 64-bit Quad-Core Apple A10 Fusion พร้อมหน่วยประมวลผล M10 Motion Coprocessor สำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหว
- กล้องดิจิทัล FaceTime HD ด้านหน้า ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล
- ปุ่มโฮมแบบใหม่ที่ใช้งานระบบ Taptic Engine และรองรับการใช้งาน Quick Actions
- ฟีเจอร์ป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67
- ลำโพงคู่ บน-ล่าง แบบสเตอริโอ (Dual-Speaker)
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ LTE ด้วยความเร็วสูงสุด 450Mbps
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานขึ้นกว่า
- สีสันตัวเครื่องสีใหม่ สีดำ Jet Black
- มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 10 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ iPhone 7 Plus
รีวิว (Review) iPhone 7 Plus

Huawei P9

3


พลาดไม่ได้จริงๆ สำหรับ Huawei P9 สมาร์ทโฟนกล้องคู่รุ่นแรกของค่ายยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน ที่มาพร้อมกับจุดเด่นอย่าง กล้องคู่ (Dual-Camera) ที่ร่วมกันพัฒนากับ Leica แบรนด์กล้องถ่ายภาพชื่อดังระดับโลก โดยมาพร้อมกับความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดพิกเซล 1.25 ไมครอน, ไฟแฟลช LED แบบ Dual-Tone และระบบการโฟกัสภาพแบบ Hybrid Autofocus โดยกล้องตัวแรกรองรับการถ่ายภาพสีแบบ RGB ส่วนกล้องอีกตัวจะรองรับการถ่ายภาพแบบ Monochrome หรือการถ่ายภาพขาว-ดำ ซึ่งกล้องทั้ง 2 ตัวจะทำงานผสานกัน จึงทำให้ภาพที่ได้มีสีสัน และรายละเอียดในส่วนสีขาว-ดำคมชัดมากกว่าการถ่ายด้วยกล้องทั่วไป รวมถึงสามารถปรับโฟกัสหลังจากทำการถ่ายภาพได้ด้วยเช่นกัน และ Huawei P9 มาพร้อมกับคุณสมบัติตัวเครื่องเบื้องต้น ดังนี้

- ตัวเครื่องมีขนาด 145x70.9x6.95 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 144 กรัม
- หน้าจอแสดงผลแบบ IPS-NEO LCD ขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD 1080p (1080x1920 พิกเซล) 
- หน่วยประมวลผลใช้ชิปเซ็ต Octa-Core Kirin 955 ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผล 2.5 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-T880 MP4
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3GB
- หน่วยความจำภายในขนาด 32GB รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD สูงสุด 128GB
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล 
- แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ Fast Charge
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 4.1
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Huawei P9
รีวิว (Review) Huawei P9

LG V20

4


แม้ว่า LG จะเว้นการทำตลาดในประเทศไทยในขณะนี้ แต่ทางแบรนด์ก็ยังมีสมาร์ทโฟนเรือธงมาเปิดตัวอยู่เป็นระยะ ซึ่งล่าสุดก็เป็นคิวของ LG V20 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อม กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) โดยกล้องตัวแรกความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8 และกล้องตัวที่สองความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.4 พร้อมไฟแฟลชแบบคู่ (Dual-LED), ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS และระบบการโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) ซึ่งมาพร้อม Steady Record 2.0 ที่ใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ EIS เพื่อลดการสั่นไหว และเบลอขณะบันทึกวิดีโอ ส่วนคุณสมบัติตัวเครื่องเบื้องต้นของ LG V20 มีดังนี้

- ตัวเครื่องมีขนาด 159.7x78.1x7.6 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 174 กรัม
- หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K Quad HD (1440x2560 พิกเซล) พร้อมหน้าจอที่สองขนาด 2.1 นิ้ว ความละเอียด 160x1040 พิกเซล 
- ชิปเซ็ตประมวลผล Quad-Core Qualcomm Snapdragon 820 ที่มีความเร็วในการประมวลผล 2.2 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 530
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32GB และ 64GB พร้อมรองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9
- แบตเตอรี่ความจุ 3200 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง Quick Charge 3.0
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat 
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.2 และ NFC

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ LG V20

 LG G5

5


อีกหนึ่งเรือธงของแบรนด์เกาหลีในตระกูล LG G Series ที่ในครั้งนี้เปิดตัวมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมหลากหลายชิ้นในชื่อ LG G5 Friends และใช้งานฟีเจอร์เด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือ กล้องด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) โดยกล้องตัวที่หนึ่งมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) และเลนส์รับภาพในมุมมอง 78 องศา ส่วนกล้องตัวที่สองความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์รับภาพมุมกว้าง 135 องศา โดยคุณสมบัติตัวเครื่องเบื้องต้นของ LG G5 มีดังนี้

- ตัวเครื่องผลิตจากโลหะ (Metal Body) พร้อมทั้งสามารถถอดตัวเครื่องส่วนล่างที่เชื่อมต่อกับแบตเตอรี่ออกมาได้ด้วย
- จอแสดงผลแบบ 2K Quad HD IPS LCD ขนาด 5.3 นิ้ว พร้อมฟีเจอร์ Always-On Display
- ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 820
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB
- หน่วยความจำภายในขนาด 32GB รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD
- กล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- รองรับการเชื่อมต่อ USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 2800 mAh และรองรับระบบ Quick Charge
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ซึ่งถูกครอบทับด้วย LG UI เวอร์ชันล่าสุด (ไม่มี App Drawer)

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ LG G5

Xiaomi Mi 5s Plus

6


แบรนด์สมาร์ทโฟนดาวรุ่งอย่าง Xiaomi ก็ไม่พลาดที่จะพัฒนาฟีเจอร์ยอดนิยมอย่างกล้องคู่ (Dual-Camera) ลงในสมาร์ทโฟนเรือธงในรุ่น Xiaomi Mi 5s Plus ด้วยเช่นกัน โดย Xiaomi Mi 5s Plus มาพร้อมกับกล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX378, พิกเซลขนาด 1.55 ไมครอน, ไฟแฟลชแบบคู่ (Dual-LED), มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0 และรองรับระบบการโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) ซึ่งรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K Ultra HD (2160x6840 พิกเซล) ส่วนคุณสมบัติตัวเครื่องเบื้องต้นของ Xiaomi Mi 5s Plus มีดังนี้

- ตัวเครื่องมีขนาด 154.6x77.7x7.95 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 168 กรัม
- หน้าจอแสดงผลขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD 1080p (1080x1920 พิกเซล) พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D 
- ชิปเซ็ตประมวลผล Quad-Core Qualcomm Snapdragon 821 ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผล 2.4 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 530
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB และ 6GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB และ 128GB
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 4 ล้านพิกเซล พร้อมพิกเซลขนาด 2 ไมครอน, เลนส์มุมกว้าง 80 องศา และมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0
- แบตเตอรี่ความจุ 3800 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง Quick Charge 3.0
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM) บนเทคโนโลยี Full Netcom 3.0
- มีตัวเลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีเทา, สีเงิน, สีทอง และสีทองกุหลาบ

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Xiaomi Mi 5s Plus

Xiaomi Redmi Pro

7


นอกจาก Xiaomi จะพัฒนากล้องคู่ในสมาร์ทโฟนเรือธงของค่ายแล้ว ทาง Xiaomi ยังพัฒนาฟีเจอร์กล้องคู่ (Dual-Camera) ลงในสมาร์ทโฟนตระกูล Redmi ที่มีจุดเด่นในเรื่องของราคาวางจำหน่าย ซึ่งรุ่นที่ได้ใช้งานกล้องคู่ก็คือ Xiaomi Redmi Pro โดยมาพร้อมกับกล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) โดยกล้องตัวแรกมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX258 และกล้องตัวที่สองความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนคุณสมบัติตัวเครื่องเบื้องต้นของ Xiaomi Redmi Pro มีดังนี้

- หน้าจอแสดงผลแบบ OLED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD 1080p (1080x1920 พิกเซล) พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D
- ชิปเซ็ตประมวลผล Deca-Core (10-Core) MediaTek Helio X25 และชิปเซ็ตประมวลผล Deca-Core (10-Core) MediaTek Helio X20 
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3GB และ 4GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32GB, 64GB และ 128GB พร้อมรองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ความจุ 4050 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ Fast Charge
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือภายใต้ปุ่มโฮม
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G และเทคโนโลยี VoLTE การสื่อสารผ่านโครงข่ายสัญญาณ 4G
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Xiaomi Redmi Pro

 Vivo Xplay 6

8


อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนที่เรียกได้ว่าปีนี้เป็นปีทองของแบรนด์เลยก็ว่าได้สำหรับ Vivo ที่ล่าสุดได้ขึ้นแท่นสมาร์ทโฟนที่มียอดขายสูงสุดในประเทศจีนเป็นอันดับสองในไตรมาสที่ผ่านมา และเมื่อไม่นานมานี้ Vivo ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของค่ายในชื่อ Vivo Xplay 6 ที่นอกจากจะมีจุดเด่นในเรื่องคุณสมบัติตัวเครื่องแล้ว ก็ยังใช้งานกล้องคู่ (Dual-Camera) โดยกล้องตัวแรกมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และกล้องตัวที่สองมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX 362, ไฟแฟลชแบบคู่ (Dual-Tone LED), มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/.17, ขนาดพิกเซล 1.4 ไมครอน, รองรับระบบการโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) และระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 4 แกน (4-Axis OIS) และ Vivo Xplay 6 มาพร้อมคุณสมบัติตัวเครื่องเบื้องต้น ดังนี้

- หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขอบโค้งขนาด 5.46 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K Quad HD (1440x2560 พิกเซล)
- ชิปเซ็ตประมวลผล Quad-Core Qualcomm Snapdragon 820 ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผล 2.2 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 530
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0
- แบตเตอรี่ความจุ 4080 mAh พร้อมเทคโนโลยี Fast Charging 
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ซึ่งถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 3.0
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner)
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11ac และ Bluetooth 4.2
- ชิปประมวลผลเสียง ES9038 + 3xOPA1622 พร้อมรองรับระบบเสียงระดับ Hi-Fi
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE พร้อมเทคโนโลยี VoLTE การสื่อสารผ่านโครงข่าย 4G

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Vivo Xplay 6

 Vivo X9

9


ปิดท้ายกันด้วยสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ Vivo อีกหนึ่งรุ่นในชื่อ Vivo X9 ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ก็ได้ใช้งานกล้องถ่ายภาพแบบคู่ (Dual-Camera) เช่นเดียวกัน แต่เป็นกล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบคู่ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และ 8 ล้านพิกเซล, ใช้งานเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX376 และขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0 ซึ่งชูจุดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพเซลฟี่สำหรับสุภาพสตรีที่ต้องการความขาวสวยเนียนใส และคมชัดภายในชัตเตอร์เดียว ส่วนคุณสมบัติตัวเครื่องเบื้องต้นของ Vivo X9 มีดังนี้

- ตัวเครื่องมีขนาด 152.6x74x6.99 มิลลิเมตร น้ำหนัก 154 กรัม
- หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED Full HD 1080p ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1080x1920 พิกเซล
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snadrapgon 625 ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.0GHz
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB
- หน่วยความจำภายในขนาด 64GB และ 128GB
- กล้องด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0, ระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF และไฟแฟลชแบบ LED
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner)
- รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนเครือข่าย 4G LTE
- รองรับการใช้งาน VoLTE
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
- ชิปประมวลผลเสียง AKM4376 DAC
- แบตเตอรี่ความจุ 3050 mAh พร้อมเทคโนโลยี Fast Charging
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ซึ่งถูกครอบทับด้วย FunTouch 3.0

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Vivo X9

 เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ 9 สมาร์ทโฟนรุ่นเด็ดพร้อมกล้องคู่ (Dual-Camera) ประจำปี 2016 จะเห็นได้ว่าแต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์ต่างพัฒนาเรื่องศักยภาพกล้องถ่ายภาพกันอย่างเต็มที่ เพราะกล้องมือถือนับเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเลือกซื้อของผู้ใช้มากที่สุดอย่างหนึ่งก็ว่าได้ และในปีนี้เทคโนโลยีของกล้องมือถือแบบคู่ (Dual-Camera) ก็พัฒนาขึ้นมาในระดับที่สามารถกลายเป็นมาตรฐานใหม่ให้กับสมาร์ทโฟนในอนาคตได้ด้วย ทำให้แต่ละแบรนด์จึงเริ่มทยอยทำมือถือกล้องคู่ออกสู่ตลาดกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาพถ่ายจากกล้องของแต่ละรุ่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ใช้ว่าจะชื่นชอบภาพแบบใดมากกว่ากัน

ซึ่งทางทีมงานก็ขอแนะนำว่าให้ทุกท่านไปทดลองใช้งาน และทดสอบถ่ายภาพดูเสียก่อนว่าภาพที่ได้นั้นจะถูกใจท่านหรือไม่ สำหรับวันนี้ทีมงาน Thaimobilecenter ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook